ศบค.ชี้ถ้าคุมสถานการณ์ไม่ดี พ.ค.-ก.ค.อาจป่วยพุ่ง 500-2,000 ต่อวัน

ทำเนียบรัฐบาล 27 เม.ย.-โฆษกศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 9 ราย ขยายใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือน เตรียมเสนอครม.พิจารณาผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ถ้าผ่อนต้องเป็นกิจการเดียวกันทั้งประเทศ หวั่นคนหนีไปทำพื้นที่ที่คลายให้ ชี้ถ้าคุมไม่ดี พ.ค.-ก.ค. อาจป่วยพุ่ง 500-2,000 รายต่อวัน


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ (27 เม.ย.) ว่า ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 9 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,931 ราย รักษาหาย 2,609 ราย รักษาตัวอยู่ 270 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิต รวม 52 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นหญิงไทย อายุ 64 ปี อาชีพแม่บ้าน มีโรคประจำตัวคือ โรคโลหิตจาง มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้คือคนในครอบครัว ซึ่งมีผู้ป่วย 5 คน เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 2 เมษายนด้วยอาการไข้ ไอ หอบ เหนื่อย และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดภูเก็ต และเมื่อ 8 เมษายนได้ส่งผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 วันที่ 10 เมษายน อาการแย่ลง เหนื่อยมากขึ้น ย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจังหวัด พบปอดอักเสบรุนแรง ต่อมาเหนื่อยมากขึ้น การทำงานของไตลดลง ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 เมษายน ด้วยระบบหายใจล้มเหลวและไตวายเฉียบพลัน

“จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่  9 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 3 ราย (ที่จังหวัดภูเก็ต สุพรรณบุรี และยะลา ) และการค้นหาเชิงรุกที่จังหวัดยะลา 4 ราย และผู้ป่วยกลับจากต่างประเทศ คือสหรัฐฯ และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 2 ราย ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,931 ราย พบใน 5 จังหวัดสูงที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,481 ราย มีอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 9 ราย ภูเก็ต 206 ราย นนทบุรี 156 ราย ยะลา 113 ราย และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย สมุทรปราการ 111 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน โดยไม่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 49.83 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 26.11 ยะลา ร้อยละ 21.15 ปัตตานี ร้อยละ 10.95 และนนทบุรี ร้อยละ 12.42 ทั้งนี้ มี 9 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง และมี 1 จังหวัดที่พบผู้ป่วยในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้คือ สตูล ส่วนผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว มีประชาชนออกนอกเคหสถาน 449 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน  59 ราย” โฆษกศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โลก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 2,994,796 ราย เสียชีวิต 206,995 ราย สหรัฐอเมริกา ติดเชื้อมากที่สุด 987,160 ราย เสียชีวิต 55,413 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 58 ของโลก 

“วันนี้(27 เม.ย.) จะมีเที่ยวบินรับคนไทยที่ตกค้างจากประเทศญี่ปุ่นกลับไทย 35 คน เนเธอร์แลนด์ 25 คนและนิวซีแลนด์ 168 คนส่วนพรุ่งนี้(28 เม.ย.) จากสเปน 12 คนและอินเดีย 200 คน ขณะที่กระทรวงมหาดไทยดูแลจุดผ่านแดนทั่วประเทศ มีคนไทยเดินทางเข้ามาวานนี้(26 เม.ย.) ด้วยการลงทะเบียน 293 คน และไม่ลงทะเบียน 107 คน และ ตั้งแต่วันที่18-25 เมษายนมีผู้เดินทางเข้ามาด้วยการลงทะเบียน 2,838 คน ไม่ลงทะเบียน 936 คน  สรุปยอดรวมทั้งสิ้น 4,174 คน ส่วนจำนวนห้องพักของสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้มีจำนวน 5,468 ห้องมีผู้เข้าพัก 2,132 ห้องคงเหลือ 3,336 ห้อง” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำงานตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาว่าทำได้ดี ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ และอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำงานเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 โดยยึดหลักของกระทรวงสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลก 


“นายกรัฐมนตรีมีข้อกังวลและห่วงใยด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบ โดยมอบนโยบายให้กำหนดระยะเวลาการผ่อนปรน ที่อาจแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ 25% 50% 75 % และ 100%  ซึ่งจะต้องดูเป็นระยะ ๆ โดยแต่ละระยะต้องใช้เวลาทบทวน 14 วันภายหลังจากให้มาตรการไปแล้ว และให้ประเมินมาตรการต่าง ๆ ซึ่งหากมาตรการต่าง ๆ ได้ประกาศใช้และได้ผล จึงยืดระยะเวลาออกไป แต่ถ้าเกิดปัญหาหรือเกิดการติดเชื้อขึ้น ก็ต้องทบทวน เพราะเมื่อประกาศใช้ได้ก็สามารถระงับได้ เพราะไม่ต้องการให้เกิดการระบาดระลอก 2 เพราะจะทำให้เกิดการสูญเสียมากมาย และสิ่งที่ลงทุนไปจะล้มเหลวทั้งหมด” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานการคาดการณ์สถานการณ์ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม 3 กรณีคือ หากสามารถควบคุมได้ดี ด้วยการคงมาตรการห้ามเดินทางเข้าประเทศ จำกัดการเคลื่อนย้ายภายในประเทศและคงมาตรการปิดสถานที่ต่าง ๆ จะเกิดผู้ป่วยรายใหม่ 15-30 รายต่อวัน รวม 3 เดือน 1,889 รายแต่ถ้าสถานการณ์ควบคุมได้ มีความเสี่ยงต่ำ การระบาดอยู่ในวงจำกัด และระบบสาธารณสุขรองรับได้ โดยยังคงมาตรการเมื่อเข้าประเทศแล้วต้องเข้ากักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ แต่เปิดให้ภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำดำเนินกิจการได้ อาจจะเกิดผู้ป่วยใหม่ 40-70 รายต่อวันรวม 3 เดือน 4,661 ราย 

“สุดท้ายหากสถานการณ์ควบคุมได้ยาก มีการระบาดซ้ำ คล้ายช่วงเหตุการณ์ระบาดจากสนามมวยและสถานบันเทิง ด้วยการเปิดการเคลื่อนย้ายประชากรจำนวนมากทั้งในและระหว่างประเทศ โดยไม่กักกัน ติดตาม อาจพบผู้ป่วยใหม่ 500- 2,000 รายต่อวัน รวม 3 เดือน จะมีผู้ป่วยใหม่สูงถึง 46,596 ราย ทำให้ระบบสาธารณสุขอาจไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วย ขณะที่วันนี้มีจำนวนตัวอย่างที่ได้รับการตรวจโควิด-19 แล้ว รวม 178,083 ตัวอย่าง จาก 112 ห้องปฏิบัติการ” โฆษกศบค. กล่าว 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) รายงานผลสัมฤทธิ์การประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า ทำให้การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ มีเอกภาพและทันท่วงที เป็นผลให้ผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง และได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนกว่า 40,000  คนพบว่ากว่าร้อยละ 70 เห็นด้วยกับการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล จึงมีมติในที่ประชุมว่าเห็นควรให้ขยายการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรต่อไปอีกหนึ่งเดือนตั้งแต่ 1-31 พฤษภาคม 2563

“มาตรการที่ยังคงไว้ 4 มาตรการ คือควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ โดยขยายการห้ามอากาศยานบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวออกไปอีก 1 เดือน เพราะที่ผ่านมาสามารถควบคุมกันได้ดี ทำให้การแพร่กระจายเชื้อลดลง การห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานหรือเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. การงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด และงดการดำเนินกิจกรรมในคนหมู่มาก” โฆษกศบค. กล่าว

ส่วนแนวทางการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ต้องทำโดยยึดแนวคิดคือคำนึงถึงปัจจัยทางด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และนำปัจจัยอื่น ๆ มาพิจารณาคงร้อยละ 50 ของการทำงานที่บ้าน และวิธีการดำเนินการคือต้องพิจารณาจากกิจกรรมที่จำเป็นในการดำรงชีวิตก่อน และทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา กิจกรรมต่าง ๆต้องเว้นระยะห่างทางสังคม การวัดอุณหภูมิในสถานที่ประกอบการต่าง ๆ มีเจลและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ จำกัดจำนวนคน มีแอพลิเคชั่นติดตามตัว อย่างไรก็ตาม ต้องประเมินผลทุก 14 วัน หากควบคุมได้ดีขึ้น สามารถผ่อนคลายมาตรการและขยายพื้นที่ได้เพิ่ม แต่หากไม่ดีขึ้น ให้ระงับการผ่อนคลายมาตรการทันที

โฆษกศบค. กล่าวว่า สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจเอกชนในศบค.เสนอแนวทางการผ่อนปรน ภายหลังการประกาศขยายเวลาพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ  โดยเสนอแบ่งประเภทธุรกิจจากกลุ่มต่าง ๆ เช่น สถานประกอบการที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน สามารถเปิดให้ดำเนินการได้ เช่น สถานประกอบการขนาดเล็กอยู่ในที่โล่งแจ้ง หรือสวนสาธารณะ สถานที่ประกอบการขนาดเล็ก อาจจะติดแอร์ แต่มีมาตรการควบคุมหรือเป็นสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง พื้นที่ที่เป็นสถานที่ที่มีคนมารวมตัวกันจำนวนมาก เช่น สนามมวย สถานบันเทิง ซึ่งรายละเอียดข้อเสนอทั้งหมดจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

“ตรงนี้มีการแบ่งเป็นขั้น ๆ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งหมด ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการ แต่ต้องลงในรายละเอียด โดยกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ แบ่งเป็นกลุ่มและช่วงเวลา แต่นายกรัฐมนตรีอยากให้เลือกกิจการมา แล้วเปิดให้ได้ทั้งหมดทั้งประเทศ ไม่ใช่เปิดเฉพาะบางที่หรือบางจังหวัด สมมติว่ากรุงเทพฯ เปิดไม่ได้เพราะตัวเลขสูง แต่ไปเปิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี คนกรุงเทพฯ อาจจะขับรถไปหากิจการนั้น ๆ ที่จังหวัดสุพรรณบุรีก็ได้ ซึ่งอันนี้ก็ไม่ได้จัดการการเคลื่อนย้ายคน ซึ่งถ้าหากจะใช้ก็ต้องใช้กันทั้งหมด ทั้งประเทศ เพื่อที่จะประเมิน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]