‘ทรัมป์’ ร่วมพิธีไว้อาลัย ‘ชาร์ลี เคิร์ก’

แอริโซนา 22 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และแกนนำรัฐบาลหลายคนจากพรรครีพับลิกัน ร่วมพิธีไว้อาลัยชาร์ลี เคิร์ก อินฟลูเอนเซอร์นักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายขวาที่ถูกลอบยิงเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์และครอบครัวเข้าร่วมงานพิธีไว้อาลัยให้กับเคิร์ก นักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายขวาที่ถูกลอบยิงสังหาร ซึ่งพิธีจัดขึ้นที่สนามฟุตบอลสเตท ฟาร์ม สเตเดียม ขนาดความจุด 63,000 ที่นั่ง ในเมืองเกลนเดล รัฐแอริโซนาในวันอาทิตย์ โดยมีเจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดี มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม และผู้นำพรรครีพับลิกันคนอื่นเข้าร่วมพิธีไว้อาลัยด้วย ซึ่งทั้งหมดทยอยขึ้นกล่าวบนเวทียกย่องเคิร์กว่ายอมสละชีวิตตนเองเพื่ออเมริกาและปกป้องแนวคิดอนุรักษ์นิยม และโจมตีฝ่ายซ้ายว่าอยู่เบื้องหลังการปลุกระดมลอบสังหารเคิร์ก จนภาพรวมบรรยากาศเหมือนเป็นเวทีหาเสียงหรือกิจกรรมทางการเมืองมากกว่าพิธีไว้อาลัย ขณะเดียวกันอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าเทสลาและอีกหลายบริษัท ก็เดินทางมาเข้าร่วมพิธีไว้อาลัย และมีโอกาสได้พบรวมถึงจับมือกับทรัมป์ด้วย เป็นเหมือนการกลับมาฟื้นสัมพันธ์กันอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่เคยเป็นพันธมิตรกันตั้งแต่ช่วงนายทรัมป์หาเสียงเลือกตั้ง และพบกันครั้งหลังสุดเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม ทรัมป์มอบกุญแจทองคำให้มัสก์ขณะลาออกจากทบวงประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ DOGE ที่ทรัมป์ตั้งขึ้นเพื่อปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐและแก้ปัญหาทุจริต ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะโต้เถียงกันผ่านสื่อออนไลน์เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีศุลกากรของทรัมป์แบบไม่ไว้หน้า ชาร์ลี เคิร์ก วัย 31 ปี ถูกนักศึกษาวิทยาลัย […]

‘ไบต์แดนซ์’ จะได้ที่นั่งในบอร์ดบริหาร ‘ติ๊กต็อก’ 1 ที่

วอชิงตัน 21 ก.ย. – เจ้าหน้าที่อาวุโสทำเนียบขาวของสหรัฐเปิดเผวันเสาร์ว่า ข้อตกลงระหว่างสหรัฐ-จีนเกี่ยวกับกิจการ ติ๊กต็อก ในสหรัฐนั้น จะให้สิทธิ์แก่ “ไบต์แดนซ์” (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่สัญชาติจีนของติกต็อกในโควตากรรมการจำนวนหนึ่งที่นั่งจากจำนวนทั้งสิ้นเจ็ดที่นั่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัทใหม่ ส่วนอีกหกที่นั่งที่เหลือจะเป็นชาวอเมริกันทั้งหมด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามจะป้องกันไม่ให้แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นที่มีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ 170 ล้านคนถูกห้ามให้บริการในสหรัฐ หลังจากที่รัฐสภาสหรัฐผ่านกฎหมายในปี 2024 ที่สั่งให้ติ๊กต็อกปิดบริการภายในเดือนมกราคม 2025 หากเจ้าของอย่างไบต์แดนซ์ ไม่ขายกิจการในสหรัฐ นายทรัมป์ได้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไปจนถึงช่วงกลางเดือนธันวาคม เพื่อเปิดทางให้มีการแยกสินทรัพย์ของ ติ๊กต็อกในสหรัฐ ออกจากแพลตฟอร์มระดับโลกนี้ หาผู้ลงทุนชาวอเมริกัน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเป็นเจ้าของใหม่นั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กฎหมายปี 2024 กำหนดไว้ ความคืบหน้าของข้อตกลงที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญในการเจรจาที่ยืดเยื้อมาหลายเดือนระหว่างสองประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งพยายามจะคลี่คลายสงครามการค้าที่สร้างความกังวลให้กับตลาดโลก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายทรัมป์กล่าวว่าเขาและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน มีความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อตกลงติ๊กต็อกในการสนทนาทางโทรศัพท์ และจะพบปะกันแบบตัวต่อตัวในอีกหกสัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงจากฝั่งจีนยังไม่ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าความคืบหน้าดังกล่าวอยู่ในระดับใดแล้ว รายละเอียดของข้อตกลงที่เจ้าหน้าที่อาวุโสทำเนียบขาวเปิดเผยนั้น ส่วนใหญ่สอดคล้องกับรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์และสื่ออื่นๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กล่าวว่านายทรัมป์จะขยายเวลาการระงับการบังคับใช้กฎหมายปี 2024 ออกไปอีก 120 วัน ซึ่งหมายความว่ากำหนดเส้นตายถัดไปสำหรับการสรุปข้อตกลงการซื้อ-ขายกิจการติ๊กต็อกจะอยู่ในเดือนเมษายนปีหน้า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าข้อตกลงในสถานะปัจจุบันจะเข้าข่ายการขายกิจการทั้งหมดตามที่รัฐสภากำหนดไว้ในกฎหมายปี 2024 หรือไม่ นายทรัมป์เคยให้เครดิตกับติ๊กต็อกว่าช่วยให้เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว […]

‘ทรัมป์’ ขู่ ‘สิ่งเลวร้าย’ จะเกิดหากอัฟกานิสถานไม่คืนฐานทัพบากรัม

วอชิงตัน 21 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าวเตือนว่า “สิ่งเลวร้าย” จะเกิดขึ้นกับอัฟกานิสถาน หากไม่ยอมคืนฐานทัพอากาศบากรัม (Bagram Air Base) ให้สหรัฐเข้าไปควบคุมดูแลอีกครั้ง และปฏิเสธที่จะตอบอย่างชัดเจนว่าจะส่งทหารเข้าไปยึดคืนฐานทัพหรือไม่ นายทรัมป์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม “ทรูธโซเชียล” (Truth Social) ว่า หากอัฟกานิสถานไม่คืนฐานทัพอากาศบากรัมให้แก่ผู้ที่สร้างมันขึ้นมา ซึ่งก็คือสหรัฐ สิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี นายทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐได้พยายามที่จะทวงคืนฐานทัพแห่งนี้ ซึ่งเคยเป็นฐานหลักของกองทัพสหรัฐ หลังเหตุวินาศกรรมในสหรัฐเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 และในวันศุกร์เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่ากำลังเจรจากับอัฟกานิสถานเรื่องนี้ การถอนกำลังทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานในปี 2021 ส่งผลให้กลุ่มตอลิบานเข้ายึดครองฐานทัพต่างของสหรัฐและโค่นล้มรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐในกรุงคาบูล เจ้าหน้าที่ของอัฟกานิสถานเองก็แสดงความไม่เห็นด้วยที่จะให้มีทหารอเมริกันในประเทศอีก ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่และอดีตเจ้าหน้าที่ของสหรัฐต่างแสดงเห็นส่วนตัวแสดงความกังวลเว่า การกลับเข้าไปยึดครองฐานทัพอากาศบากรัมอีกครั้งอาจเหมือนกับการกลับไปรุกรานอัฟกานิสถานอีกครั้ง ซึ่งอาจต้องใช้ทหารกว่า 10,000 นาย พร้อมระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทันสมัย ทรัมป์ ซึ่งเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าต้องการให้สหรัฐเข้าครอบครองดินแดนและสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่คลองปานามาไปจนถึงกรีนแลนด์ ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับฐานทัพบาแกรมมาหลายปีแล้ว เมื่อถูกถามในวันเสาร์ว่าเขาจะส่งทหารสหรัฐเข้าไปยึดคืนฐานทัพหรือไม่ นายทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะตอบตรงๆ โดยกล่าวว่า เขาจะไม่พูดถึงเรื่องนั้น และเสริมว่า ตอนนี้สหรัฐกำลังคุยกับอัฟกานิสถาน และต้องการฐานทัพคืนโดยเร็วที่สุด ถ้าพวกไม่ทำ ก็รอดูว่าเขาจะทำอะไรต่อไป สนามบินที่กว้างใหญ่ของฐานทัพอากาศบากรัมเคยเป็นฐานทัพหลักของกองกำลังอเมริกันในอัฟกานิสถานตลอดช่วงสงครามสองทศวรรษ […]

‘ทรัมป์’ ยินดีที่รายการของ ‘จิมมี คิมเมล’ ถูกแบน

วอชิงตัน 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐแสดงความยินดีกับการที่รายการทอล์กโชว์ที่ จิมมี คิมเมล เป็นผู้ดำเนินรายการถูกระงับการออกอากาศ และกล่าวว่าสถานีโทรทัศน์ควรถูกเพิกถอนใบอนุญาตหากนำเสนอข่าวเชิงลบต่อรัฐบาลของเขา ซึ่งเป็นการปลุกกระแสเพิ่มเติมให้กับการถกเถียงระดับชาติเรื่องเสรีภาพในการพูดแสดงความเห็น นายคิมเมลเข้าไปเกี่ยวช้องกับความพยายามของนายทรัมป์และผู้สนับสนุนที่ต้องการลงโทษผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเมืองที่ใกล้ชิดกับนายทรัมป์ที่ถูกลอบสังหาร เคิร์กถูกยิงด้วยปืนไรเฟิลจากระยะไกลขณะกำลังพูดคุยกับกลุ่มคนในระหว่างการจัดกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยในรัฐยูทาห์เมื่อวันที่ 10 กันยายน หลังจากนั้น พันธมิตรของทรัมป์และเคิร์กได้เตือนชาวอเมริกันให้แสดงความไว้อาลัยต่อเคิร์กอย่างเหมาะสม มิเช่นนั้นจะต้องเผชิญผลที่ตามมา สถานีโทรทัศน์เอบีซีประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าได้ถอดรายการทอล์คโชว์ยามดึก “จิมมี คิมเมล ไลฟ์” (Jimmy Kimmel Live) ออกจากผังรายการอย่างไม่มีกำหนด นักเขียน นักแสดง และนายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และคนอื่นๆ ได้ประณามการระงับรายการของคิมเมล โดยเรียกการกระทำนี้ว่าเป็นการยอมจำนนต่อแรงกดดันจากรัฐบาลซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ นายทรัมป์กล่าวในระหว่างเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการในช่วง 2 วันที่ผ่ามาว่า คิมเมลถูกลงโทษเพราะ “พูดสิ่งที่แย่มาก” เกี่ยวกับเคิร์ก นับตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายทรัมป์ได้ใช้อำนาจและศาลเพื่อโจมตีคำพูดที่ไม่เป็นที่น่าพอใจเกี่ยวกับตัวเขา โดยเรียกมันว่าเป็นการหมิ่นประมาทหรือคำกล่าวที่เป็นเท็จ นายทรัมป์เคยขู่ว่าจะเพิกถอนใบอนุญาตของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นที่เป็นพันธมิตรกับเครือข่ายระดับชาติ ซึ่งใบอนุญาตเหล่านี้ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารสหรัฐ หรือ เอฟซีซี ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล การระงับรายการของคิมเมลเกิดขึ้นหลังจากเจ้าของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นหลายแห่งประกาศว่าจะหยุดออกอากาศรายการทอล์กโชว์ที่เต็มไปด้วยคนดังของเขา […]

‘ทรัมป์’ อำลาอังกฤษหลังเสร็จสิ้นการเยือนสองวัน

ลอนดอน 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐและเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เสร็จสิ้นการเยือนอังกฤษครั้งประวัติศาสตร์ เดินทางกลับกรุงวอชิงตัน ดีซี เตรียมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่นครนิวยอร์กสัปดาห์หน้า ทรัมป์และเมลาเนีย เดินทางออกจากคฤหาสน์เชคเกอร์ อายุเก่าแก่หลายร้อยปีเมื่อวานนี้ โดยมีนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษ และ วิคตอเรีย สตาร์เมอร์ ภริยามาส่งตัวด้วยตนเอง เป็นการปิดฉากการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการครั้งที่สอง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก่อนหน้านั้น ทรัมป์และสตาร์เมอร์ได้ยกย่องความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสองประเทศในการแถลงข่าวร่วมที่เป็นกันเอง โดยพยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงความเห็นต่างในประเด็นฉนวนกาซาและพลังงานลม เพื่อเน้นย้ำจุดร่วมกัน ทรัมป์กล่าวว่า การยุติสงครามในยูเครนนั้นมีความซับซ้อนมากกว่าที่เขาคาดไว้ และเขารู้สึกว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียทำให้เขาผิดหวัง ทรัมป์แสดงความไม่พอใจที่หลายประเทศยังคงซื้อพลังงานจากรัสเซีย เพราะวิธีเดียวที่จะลงโทษรัสเซียอย่างได้ผล คือการทำให้ราคาน้ำมันลดลง ทรัมป์ยังบอกด้วยว่า อังกฤษสามารถใช้ทหารและกองทัพสกัดกั้นบรรดาผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย ที่ใช้วิธีโดยสารเรือลำเล็กเดินทางจากฝรั่งเศสผ่านช่องแคบอังกฤษเข้ามายังอังกฤษ ทรัมป์เดินทางออกจากอังกฤษเมื่อวานนี้ เสร็จสิ้นการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งตามกำหนดของทำเนียบขาวนั้น ทรัมป์กำลังมุ่งหน้ากลับกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อเตรียมเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ร่วมกับผู้นำทั่วโลกที่นิวยอร์กในสัปดาห์หน้า ซึ่งปีนี้จะประกอบไปด้วยประเด็นสำคัญ ได้แก่ การกลับมาขึ้นเวทีของประธานาธิบดีสหรัฐของทรัมป์ สงครามในกาซาและยูเครนที่ยังยืดเยื้อ กระแสการยอมรับรัฐปาเลสไตน์ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศตะวันตก รวมถึงพันธมิตรสหรัฐฯ […]

‘ทรัมป์’ ยกย่องความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสหรัฐ-อังกฤษ

วินด์เซอร์ 18 ก.ย. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสหรัฐและอังกฤษอย่างเต็มที่ระหว่างการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการครั้งที่สอง โดยยกย่องสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 และระบุว่าการเยือนครั้งนี้เป็นหนึ่งในเกียรติสูงสุดของชีวิตเขา นายทรัมป์และนางเมลาเนีย ภริยา ได้รับการต้อนรับตามแบบฉบับราชวงศ์อังกฤษอย่างเต็มรูปแบบ นายทรัมป์กล่าวในสุนทรพจน์ระหว่างงานเลี้ยงอันหรูหราที่ปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งเป็นที่ประทับของราชวงศ์อังกฤษมาเกือบ 1,000 ปี เขากล่าวสดุดีพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐว่า ความผูกพันทางเครือญาติและอัตลักษณ์ระหว่างสหรัฐและสหราชอาณาจักรนั้นล้ำค่าและเป็นนิรันดร์ ซึ่งไม่มีอะไรมาแทนที่ได้และไม่มีวันแตกหัก เมื่อกล่าวถึงความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสองประเทศ นายทรัมป์ระบุว่าในสายตาของชาวอเมริกัน คำว่าพิเศษนั้นยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายความสัมพันธ์นี้ สุนทรพจน์ของนายทรัมป์น่าจะสร้างความยินดีให้แก่นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษ ซึ่งได้เชิญนายทรัมป์เยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการในฐานะแขกคนสำคัญไม่นานหลังจากที่นายทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยหวังว่าจะได้รับความชื่นชอบจากนายทรัมป์ผู้ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นคนนิยมความเป็นอังกฤษและชื่นชอบราชวงศ์มากเป็นพิเศษ นายสตาร์เมอร์หวังว่าการมาเยือนครั้งนี้จะช่วยรัฐบาลของเขาในการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ดึงดูดการลงทุนมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ลดภาษีนำเข้า และเปิดโอกาสให้เขาหารือกับนายทรัมป์ในประเด็นยูเครนและอิสราเอล อังกฤษได้ปูพรมแดงต้อนรับนายทรัมป์อย่างสมเกียรติ โดยจัดพิธีต้อนรับทางทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับแขกต่างประเทศเท่าที่จำได้ ในขณะที่่นายทรัมป์ไม่ได้ปิดบังความยินดีที่เขาไม่เพียงแต่เป็นผู้นำสหรัฐคนแรก แต่ยังเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งคนแรกที่ได้รับเชิญให้เยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการถึงสองครั้งอีกด้วย เขากล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในเกียรติสูงสุดของชีวิตเขาอย่างแท้จริง นายทรัมป์และนางเมลาเนียได้เข้าร่วมขบวนรถม้ากับสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 สมเด็จพระราชินีคามิลลา พระบรมวงศานุวงศ์ และบุคคลสำคัญอื่นๆ โดยมีทหารอังกฤษกว่า 1,300 นายยืนเรียงรายตลอดเส้นทาง จากนั้น ทั้งสองได้ชมสิ่งของทางประวัติศาสตร์จากราชสำนักที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐ และเดินทางไปยังโบสถ์เซนต์จอร์จซึ่งเป็นที่ประทับสุดท้ายของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ผู้ซึ่งเคยต้อนรับนายทรัมป์ในการเยือนรัฐครั้งแรกเมื่อปี 2019 โดยพวกเขาได้วางพวงหรีดที่สุสานของพระองค์ นอกจากนี้ยังมีการสวนสนามของทหารและการแสดงการบินโดยฝูงบินผาดแผลง […]

‘ทรัมป์-ลี’ เตรียมพบกันนอกรอบการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้

โซล 17 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ถูกคาดหมายว่าจะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ ในเดือนหน้า เพื่อเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค และจะพบปะกับประธานาธิบดีลี แจ มย็อง ของเกาหลีใต้ นอกรอบการประชุมดังกล่าว สำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่า นายโจเซฟ ยุน รักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเกาหลีใต้ กล่าวถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมเกี่ยวกับพันธมิตรเกาหลีใต้-สหรัฐ ขณะที่เกาหลีใต้กำลังจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดเอเปคที่เมืองคย็องจู ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ระหว่างช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ประธานาธิบดีลีได้เชิญทรัมป์เข้าร่วมการประชุมนี้เมื่อตอนที่ทั้งสองได้พบกันระหว่างการประชุมสุดยอดทวิภาคีที่กรุงวอชิงตัน เมื่อเดือนที่แล้ว นายยุน กล่าวว่า เขาเชื่อว่าผู้นำทั้งสองได้มีการหารือที่ “ประสบความสำเร็จ” ในเดือนสิงหาคม และคาดว่าจะได้พบกันอีกครั้งที่เมืองคย็องจู ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน นายวี ซอง-แลค ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ ได้กล่าวในที่ประชุมว่า เขาคาดว่านายทรัมป์จะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปค แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการก็ตาม.-813.-สำนักข่าวไทย

อังกฤษจับผู้ฉายภาพ ‘ทรัมป์-เอปสตีน’ บนกำแพงปราสาทวินด์เซอร์

ลอนดอน 17 ก.ย. – ตำรวจอังกฤษจับกุมผู้ต้องหา 4 คนในวันอังคาร หลังเกิดเหตุการณ์ฉายภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ คู่กับนายเจฟฟรีย์ เอปสตีน ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดทางเพศ ขึ้นบนปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ระหว่างการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการ นายทรัมป์เดินทางถึงอังกฤษเมื่อช่วงค่ำวันอังคารเพื่อเยือนรัฐอย่างเป็นทางการเป็นครั้งที่สองซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเขาจะได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ในวันพุธ ที่ปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางตะวันตกประมาณ 40 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร กลุ่มผู้ประท้วงได้นำป้ายผ้าขนาดใหญ่ซึ่งมีภาพของนายทรัมป์และนายเอปสตีนไปกางไว้ใกล้ปราสาทวินด์เซอร์ และต่อมาได้ฉายภาพหลายภาพของทั้งสองคนขึ้นบนหอคอยแห่งหนึ่งของปราสาท ตำรวจแถลงว่า ผูัเกี่ยวข้อง 4 คนถูกจับกุมในข้อหาการสื่อสารที่ประสงค์ร้ายจากเหตุการณ์ “การฉายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต” ที่ปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งตำรวจอธิบายว่าเป็นการสร้างกระแสในที่สาธารณะ โดยขณะนี้ทั้งสี่ยังอยู่ระหว่างการควบคุมตัว นายทรัมป์เคยเป็นเพื่อนกับนายเอปสตีนก่อนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี แต่ได้เลิกคบหากับอดีตนักการเงินผู้นี้หลายปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในเรือนจำเมื่อปี 2019.-813.-สำนักข่าวไทย

‘ทรัมป์’ เดินทางถึงอังกฤษแล้ว

ลอนดอน 17 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเดินทางถึงกรุงลอนดอนแล้วเมื่อช่วงค่ำวันอังคาร เพื่อเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการเป็นครั้งที่สอง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เครื่องบินของประจำตำแหน่งประธานาธิบดี “แอร์ฟอร์ซ วัน” ของนายทรัมป์ลงจอดที่สนามบินลอนดอนสแตนสเต็ด โดยมีนางอีเวตต์ คูเปอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศและไวเคานต์ เฮนรี ฮูด ผู้แทนพระองค์สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 รอต้อนรับ หลังจากน้ันประธานาธิบดีสหรัฐและนางเมลาเนีย สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังวินฟิลด์เฮาส์ ซึ่งเป็นบ้านพักอย่างเป็นทางการของเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหราชอาณาจักร เพื่อพักค้างคืน นายทรัมป์มีกำหนดเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ที่ปราสาทวินด์เซอร์ในวันนี้ ในระหว่างการเยือน คาดว่าทั้งสองประเทศจะทำข้อตกลงมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์พิเศษที่นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น.-813.-สำนักข่าวไทย

‘ทรัมป์’ ฟ้อง ‘นิวยอร์ก ไทมส์’ 15,000 ล้านดอลลาร์ ในคดีหมิ่นประมาท

นิวยอร์ก 15 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ฟ้องร้องหนังสือพิมพ์ “เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์” (The New York Times), นักข่าว 4 คน และสำนักพิมพ์ “เพนกวิน แรนดอม เฮาส์” (Penguin Random House) ในวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นจำนวนเงินอย่างน้อย 15,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.54 แสนล้านบาท) ในข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง นายทรัมป์อ้างถึงบทความหลายชิ้นของเดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รวมถึงบทบรรณาธิการชิ้นหนึ่งก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024 ซึ่งระบุว่าเขาไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง และยังรวมถึงหนังสือที่ตีพิมพ์ในปี 2024 โดยสำนักพิมพ์ เพนกวิน ชื่อ “Lucky Loser : How Donald Trump Squandered His Father’s Fortune […]

‘ทรัมป์’ ระบุไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าก่อนอิสราเอลโจมตีในกาตาร์

วอชิงตัน 16 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววันจันทร์ว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ไม่ได้แจ้งให้เขาทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอลในกาตาร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ความเห็นของนายทรัมป์มีขึ้นหลังจากสำนักข่าว แอ็กซิออส (Axios) รายงานว่า นายเนทันยาฮูได้แจ้งประธานาธิบดีสหรัฐ ก่อนการโจมตีเล็กน้อย ในขณะที่รัฐบาลทรัมป์เคยกล่าวว่า พวกเขาได้รับแจ้งเมื่อขีปนาวุธถูกยิงไปแล้ว ทำให้นายทรัมป์ไม่มีโอกาสที่จะคัดค้านการโจมตีดังกล่าว แต่ แอ็กซิออส รายงานโดยอ้างอิงจากเจ้าหน้าที่อิสราเอลว่า ทำเนียบขาวรับทราบเรื่องนี้ก่อนหน้านั้น ถึงแม้ว่าจะมีเวลาจำกัดในการยับยั้งการโจมตีก็ตาม เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อิสราเอลได้พยายามสังหารผู้นำทางการเมืองของกลุ่มฮามาสด้วยการโจมตีทางอากาศในกาตาร์ ซึ่งเป็นการยกระดับปฏิบัติการทางทหารในตะวันออกกลาง การโจมตีครั้งนี้ถูกประณามอย่างกว้างขวางทั้งในตะวันออกกลางและที่อื่น ๆ ว่าเป็นการกระทำที่อาจยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคที่กำลังเปราะบางอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยกล่าวว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของอิสราเอลที่จะโจมตีกาตาร์ เมื่อถูกถามในวันจันทร์ว่า ยสบเนทันยาฮูได้พูดคุยกับเขาโดยตรงเพื่อแจ้งเตือนว่าอิสราเอลจะโจมตีผู้นำฮามาสในกาตาร์หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า อิสราเอลไม่ได้บอกเขาในเรื่องนี้ สำนักงานของนายเนทันยาฮูกล่าวย้ำหลังรายงานของ แอ็กซิออสว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นปฏิบัติการของอิสราเอลแต่เพียงผู้เดียว.-813.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐเผยภาพและตั้งค่าหัวมือยิง ‘ชาร์ลี เคิร์ก’

ยูทาห์ 12 ก.ย. – สหรัฐเดินหน้าตามล่ามือสังหารชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวคนดัง ซึ่งล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพของผู้ต้องสงสัยพร้อมกับตั้งรางวัลนำจับให้แก่ผู้ที่ให้เบาะแส สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของรัฐยูทาห์ และสำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอได้เผยแพร่ภาพถ่ายของผู้ต้องสงสัยว่าเป็นมือปืนยิงนายชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวสายอนุรักษ์นิยมซึ่งให้การสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ภาพถ่ายที่นำออกเผยแพร่เป็นชายผิวขาวรูปร่างผอมเพรียวสวมชุดสีดำ สะพายเป้หลัง สวมหมวกแก๊ป แว่นกันแดด รองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส และที่หน้าอกเสื้อมีรูปนกอินทรีอยู่บนธงชาติสหรัฐ เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่ามือปืนเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยยูทาห์วัลเลย์ ในเมืองโอเรมไม่กี่นาทีก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น ซึ่งในงานดังกล่าวเคิร์กเป็นผู้นำการอภิปรายท่ามกลางผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 3,000 คน ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นภาพมือยิงเดินขึ้นบันไดไปยังดาดฟ้าของอาคารก่อนจะลั่นกระสุนสังหาร โดยกระสุนเจาะเข้าที่คอของเคิร์ก ต่อหน้าผู้ร่วมงานที่หนีตายกันจ้าละหวั่น นอกจากน้ันยังมีการเปิดเผยคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด เป็นภาพของมือปืนวิ่งอยู่บนดาดฟ้าก่อนจะไต่ลงมาและวิ่งข้ามถนนหลบหนีเข้าไปในป่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบอาวุธปืนยาวถูกทิ้งอยู่ในป่าไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ พร้อมกันนี้เอฟบีได้ได้ตั้งรางวัล 1 แสนดอลลาร์สหรัฐหรือราว 3 ล้าน 2 แสนบาทสำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสในการนำจับมือปืน จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้หารือถึงมูลเหตุจูงใจในการสังหารเคิร์ก แต่ประธานาธิบดีทรัมป์บอกว่าเขามีหลักฐานบ่งชี้แรงจูงใจของฆาตกรแล้ว และจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง และว่าการสอบสวนของเจ้าหน้าที่มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ผู้นำสหรัฐยังกล่าวด้วยว่าเขาจะมอบเหรียญอิสรภาพแห่งประธานาธิบดี ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุดสำหรับพลเรือนของสหรัฐให้แก่เคิร์ก และยืนยันว่าจะไปร่วมงานศพด้วย ขณะที่รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ได้ยกเลิกภารกิจไปร่วมงานรำลึกเหตุวินาศกรรมครั้งใหญ่ 11 กันยายนที่นครนิวยอร์ก และได้เดินทางไปยังรัฐยูทาห์เพื่อให้กำลังใจครอบครัวเคิร์กพร้อมทั้งพาพวกเขาและนำร่างของเคิร์กเดินทางกลับบ้านที่รัฐแอริโซนาด้วยเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ ฟอร์ซ ทู.-816.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 157
...