เยอรมนีเตรียมล็อกดาวน์มากขึ้นก่อนคริสต์มาส

เบอร์ลิน 11 ธ.ค. – เยอรมนีอาจจะต้องขยายมาตรการล็อกดาวน์ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากขึ้นก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาส เพื่อควบคุมยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายวันที่พุ่งสูงขึ้น นายฮอร์สต์ ซีโฮเฟอร์ รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีกล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะช่วยควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ในเยอรมนี แต่ต้องรีบประกาศใช้ทันที หากรอให้ถึงเทศกาลคริสต์มาส เยอรมนีอาจมีผู้ป่วยติดเชื้อในระดับสูงไปอีกหลายเดือน ขณะที่นายปีเตอร์ อัลท์เมเออร์ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเผยว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นเป็นเรื่องที่น่ากังวล รัฐบาลเยอรมนีและเหล่ามุขมนตรีจะต้องขยายมาตรการล็อกดาวน์ให้ครอบคลุมพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศด้วย ด้านทางการรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์กของเยอรมนีระบุว่า นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนีและมุขมนตรีทั้ง 16 รัฐจะประชุมร่วมกันในวันอาทิตย์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการใช้มาตรการใหม่ควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ก่อนหน้านี้ ทางการเยอรมนีประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เฉพาะบางพื้นที่ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาที่รวมถึงการสั่งปิดร้านอาหารและบาร์ และจำกัดจำนวนผู้คนที่พบปะ แต่ยังคงอนุญาตให้เปิดโรงเรียนและร้านค้า ขณะที่นางแมร์เคิลได้เรียกร้องให้ทางการรัฐต่าง ๆ ของเยอรมนีประกาศใช้มาตรการเข้มงวดขึ้นก่อนคริสต์มาส แต่กลับถูกคัดค้าน สถาบันโรแบร์ท ค็อก หรืออาร์เคไอ หน่วยงานควบคุมโรคของเยอรมนีรายงานวันนี้ว่า มียอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 30,000 คน และผู้เสียชีวิตราว 600 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 1.29 ล้านคน และผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 21,064 คน. […]

สหรัฐจะคืนที่ตั้งทางทหารบางแห่งให้เกาหลีใต้

โซล 11 ธ.ค.- กองทัพสหรัฐตกลงในวันนี้ว่า จะคืนที่ตั้งทางทหาร 12 แห่งให้แก่เกาหลีใต้ บางแห่งอยู่ใจกลางกรุงโซล หลังจากรับปากตั้งแต่ปี 2545 ว่าจะคืนให้ทั้งหมด 80 แห่ง เพื่อให้เกาหลีใต้นำไปปรับปรุงพัฒนา สหรัฐประจำการทหารในเกาหลีใต้ตั้งแต่ช่วงสงครามเกาหลีปี 2493-2496 หลายปีมานี้ทั้งสองประเทศถกเถียงกันเรื่องภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลทหารอเมริกัน 28,500 นายในเกาหลีใต้ กองกำลังสหรัฐในเกาหลีหรือยูเอสเอฟเค (USFK) เห็นพ้องในปี 2545 ว่าจะส่งคืนที่ตั้งทางทหาร 80 แห่งให้เกาหลีใต้นำไปปรับปรุงพัฒนา แต่ล่าช้ามาจนถึงปัจจุบันเพราะตกลงกันไม่ได้เรื่องค่าใช้จ่ายทำความสะอาดก่อนส่งคืน หน่วยงานรัฐบาลเกาหลีใต้แถลงวันนี้ว่า ทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปเรื่องแผนการส่งคืนที่ตั้งทางทหาร 12 แห่ง โดยมีเงื่อนไขว่า จะหารือเรื่องค่าใช้จ่ายทำความสะอาดต่อไป ในจำนวนนี้ 6 แห่งอยู่ในกรุงโซล รัฐบาลจะปรับปรุงพื้นที่ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้านที่พักและการค้าเพื่อชะลอราคาห้องชุดพักอาศัยที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขและทางการกรุงโซลกำลังพิจารณาแผนสร้างโรงพยาบาลรัฐเฉพาะด้านโรคติดเชื้อ ณ ที่ตั้งทางทหารหนึ่งแห่งที่ได้รับคืน ชาวเกาหลีใต้ในหลายพื้นที่ประท้วงมาหลายปีให้กองทัพสหรัฐคืนพื้นที่ให้พลเรือน เพราะเห็นว่าการมีที่ตั้งทางทหารเป็นอุปสรรคต่อแผนการพัฒนาและไม่เป็นผลดีต่อราคาอสังหาริมทรัพย์.-สำนักข่าวไทย

โพลชี้หญิงอเมริกันกังวลวัคซีนโควิดมากกว่าชาย

นิวยอร์ก 11 ธ.ค. – ผลสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันของรอยเตอร์/อิปซอสชี้ว่า ผู้หญิงชาวอเมริกันรู้สึกวิตกกังวลมากกว่าผู้ชายเรื่องการรีบเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ผลสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันในช่วงวันที่ 2 – 8 ธันวาคมที่ผ่านมาพบว่า ผู้หญิงอเมริกันร้อยละ 35 ระบุว่า ไม่สนใจเท่าใดหรือไม่สนใจเลยที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9 จากผลสำรวจครั้งก่อนในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่วัคซีนอยู่ระหว่างการพัฒนา ขณะที่ผู้หญิงร้อยละ 55 ระบุว่า สนใจมากหรือค่อนข้างสนใจเข้ารับการฉีดวัคซีน ลดลงร้อยละ 6 จากครั้งก่อน อย่างไรก็ดี ผู้ชายอเมริกันร้อยละ 68 บอกว่า สนใจเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งไม่ต่างไปจากผลสำรวจครั้งที่แล้ว ผลสำรวจเดือนนี้พบว่า ในภาพรวมแล้วชาวอเมริกันที่ยินดีฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีร้อยละ 61 ลดลงร้อยละ 4 จากผลสำรวจเดือนพฤษภาคม และพบว่า ผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรหลานฉีดวัคซีนลดลงจากร้อยละ 62 เหลือร้อยละ 53 ผู้อำนวยการศาสตร์การดำเนินการและพฤติกรรมของคณะสาธารณสุขจอห์นส์ฮอปกินส์บลูมเบิร์ก มหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ของสหรัฐกล่าวว่า การโน้มน้าวผู้หญิงให้ยอมรับวัคซีนมีความสำคัญต่อการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากผู้ที่เป็นแม่มักเป็นคนที่จัดการนัดพบแพทย์และคอยติดตามการฉีดวัคซีนต่อเนื่อง ผู้หญิงมีความระมัดระวังสูง และชอบศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม การทำให้พวกเธอเชื่อมั่นว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไม่ได้ใช้ขั้นตอนลัดในกระบวนการอนุมัติจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง. -สำนักข่าวไทย

ฮ่องกงจะได้วัคซีนโควิดจีนเดือนหน้า

ฮ่องกง 11 ธ.ค.- นางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารฮ่องกงเผยว่า ฮ่องกงจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จากซิโนแวกไบโอเทคของจีนและไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคในไตรมาสแรกของปีหน้า โดยจะได้รับชุดแรกจากจีนก่อน นางหล่ำเผยว่า รัฐบาลได้สั่งซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว 15 ล้านโดส สำหรับฉีดให้ประชากร 7.5 ล้านคน ๆ ละ 2 โดส แยกเป็นวัคซีนจีนและวัคซีนสหรัฐ/เยอรมนีอย่างละครึ่ง วัคซีนของซิโนแวกชุดแรก 1 ล้านโดสจะมาถึงในเดือนมกราคม ส่วนวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคชุดแรก 1 ล้านโดสจะมาถึงในไตรมาสแรก รัฐบาลตั้งเป้าจะซื้อทั้งหมด 30 ล้านโดส และกำลังเจรจาสั่งซื้อจากแอสตราเซนเนกาของอังกฤษ คาดว่าจะมาถึงในครึ่งหลังของปีหน้า ผู้บริหารฮ่องกงเผยว่า ผู้ที่จะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรกคือ ผู้สูงวัยและกลุ่มเสี่ยง ฮ่องกงพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมกราคม และสามารถควบคุมการระบาดได้ค่อนข้างดีแม้มีการระบาดหลายระลอก โดยมีผู้ป่วยสะสมราว 7,300 คน เสียชีวิต 114 คน.-สำนักข่าวไทย

ซาโนฟี-จีเอสเคชะลอโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด

ปารีส 11 ธ.ค.- ซาโนฟีของฝรั่งเศสและเกล็กโซสมิธไคลน์หรือจีเอสเคของอังกฤษประกาศชะลอโครงการทดลองวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลังจากผลการทดลองทางคลินิกพบว่ากระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ไม่เพียงพอ ซาโนฟีและจีเอสเคแถลงร่วมกันว่า ผลการทดลองที่ระงับไปนั้น กระตุ้นภูมิคุ้มกันในอาสาสมัครวัย 18-49 ปี ได้เทียบเท่ากับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่หายป่วยแล้ว แต่กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้น้อยในผู้สูงวัย คาดว่าเป็นเพราะแอนติเจนที่ใช้กระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีหรือสารภูมิคุ้มกันมีความเข้มข้นไม่เพียงพอ จึงตัดสินใจระงับการทดลองระยะสามที่มีกำหนดเริ่มขึ้นในเดือนนี้ แล้วจะเริ่มการศึกษาใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าแทน โดยจะเปรียบเทียบผลกับวัคซีนที่ได้รับอนุมัติให้ใช้งานด้วย หากข้อมูลออกมาน่าพอใจ จะเริ่มการทดลองระยะสามทั่วโลกในไตรมาสสองของปีหน้า หากผลการทดลองได้ผลดีจะยื่นขออนุมัติในครึ่งหลังของปี และน่าจะได้ใช้ในไตรมาสสี่ของปี จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะใช้ได้ในช่วงกลางปีหน้า ทั้งสองบริษัทได้แจ้งให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ และคณะกรรมาธิการยุโรปที่ทำสัญญาสั่งซื้อทราบเรื่องชะลอการพัฒนาวัคซีนแล้ว รอยเตอร์เสริมว่า ซาโนฟีและจีเอสเคได้เพิ่มกำลังผลิต หวังว่าจะพร้อมผลิตวัคซีนเป็น 1,000 ล้านโดสในปีหน้า ทันทีที่ได้รับอนุมัติ และได้รับคำสั่งซื้อจากหลายประเทศในสหภาพยุโรปหรืออียู สหรัฐ แคนาดา และอังกฤษ.-สำนักข่าวไทย

ไทม์ยก “ไบเดน”-“แฮร์ริส” เป็นบุคคลแห่งปี 2563

นิวยอร์ก 11 ธ.ค. – นิตยสารไทม์ยกตำแหน่งบุคคลแห่งปี 2563 ให้แก่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ และนางคามาลา แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่วงบีทีเอส บอยแบนด์ชื่อดังของเกาหลีใต้ได้รับตำแหน่งศิลปินแห่งปี นายเอ็ดเวิร์ด เฟลเซนธัล ซีอีโอและบรรณาธิการบริหารของนิตยสารไทม์ระบุในถ้อยแถลงว่า นิตยสารไทม์ยกตำแหน่งบุคคลแห่งปี 2563 ให้แก่นายไบเดนและนางแฮร์ริสในฐานะที่ทั้งคู่เป็นผู้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สหรัฐ เป็นผู้ที่พิสูจน์ว่าความเข้าอกเข้าใจมีพลังยิ่งใหญ่เหนือความโกรธแค้นแห่งการแบ่งแยก และเป็นผู้แบ่งปันวิสัยทัศน์เรื่องการเยียวยาโลกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด นิตยสารไทม์ยังได้ประกาศยกย่องตำแหน่งบุคคลแห่งปีในสาขาอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ นายอีริค หยวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของแอปพลิเคชั่นซูมได้รับตำแหน่งนักธุรกิจแห่งปี กลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแนวหน้าและ นพ. แอนโทนี เฟาชี ที่ปรึกษาด้านโรคโควิด-19 ของรัฐบาลสหรัฐได้รับตำแหน่งผู้พิทักษ์แห่งปี นายเลอบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลเอ็นบีเอได้รับตำแหน่งนักกีฬาแห่งปี และวงบีทีเอส ของเกาหลีใต้ได้รับตำแหน่งศิลปินแห่งปี. -สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นแนะประชาชนอยู่เงียบ ๆ ช่วงสิ้นปี

โตเกียว 11 ธ.ค. – ทางการญี่ปุ่นแนะนำให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ในช่วงสิ้นปีหลังพบยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายวันสูงสุด นายคัตสึโนบุ คาโตะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวในงานแถลงข่าวว่า ชาวญี่ปุ่นควรให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ในช่วงสิ้นปีและปีใหม่ เขายังกล่าวถึงโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ (Go To Travel) ของรัฐบาลว่า รายงานข่าวของสื่อญี่ปุ่นเรื่องระงับโครงการไม่เป็นความจริง เพราะทางการจะยังคงดำเนินโครงการให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ทางการญี่ปุ่นรายงานวานนี้ว่า มียอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 2,848 คน ซึ่งเป็นตัวเลขผู้ป่วยรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดในญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมระงับโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศเป็นเวลา 2 เดือนในช่วงสิ้นปีจนถึงปีใหม่ เนื่องจากชาวญี่ปุ่นเห็นด้วยกับการระงับโครงการนี้ อย่างไรก็ดี ทางการญี่ปุ่นมองว่าเงินอุดหนุนท่องเที่ยวมีความจำเป็นต่อภาคธุรกิจโรงแรมและสายการบิน อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งประกาศใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 708,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (21.25 ล้านล้านบาท) ในสัปดาห์นี้ และระบุในวันนี้ว่า จะอนุมัติงบประมาณสำรองใช้จ่ายฉุกเฉิน 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (111,000 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนโครงการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสิ้นสุดโครงการในเดือนมิถุนายนปีหน้า. -สำนักข่าวไทย

โควิดทำโลกปล่อยคาร์บอนต่ำสุดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

ลอนดอน 11 ธ.ค.- คณะนักวิจัยเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้ปีนี้โลกปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นก๊าซเรือนกระจกลดลงมากที่สุดนับจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง โกลบอลคาร์บอนโปรเจกต์หรือจีซีพี (GCP) ซึ่งเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นในปี 2544 เพื่อวัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกและค้นหาสาเหตุเผยผลการศึกษาว่า ปีนี้โลกปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงร้อยละ 7 หรือลดลงถึง 2,400 ล้านตัน มากกว่าช่วงวิกฤตการเงินโลกปี 2552 ที่ปล่อยลดลงเพียง 500 ล้านตัน และมากกว่าช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ปล่อยลดลงไม่ถึง 1,000 ล้านตัน ยุโรปและสหรัฐปล่อยลดลงเฉลี่ยร้อยละ 12 ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรปล่อยลดลงถึงร้อยละ 15 และ 13 ตามลำดับเพราะมีการปิดเมืองสองระลอกที่รุนแรงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ส่วนใหญ่ลดลงจากภาคการขนส่ง ขณะที่ภาคการบินทั่วโลกซึ่งได้รับผลกระทบหนักมากจากโรคโควิด-19 คาดว่าปีนี้จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ถึงร้อยละ 40 ของปีก่อน อย่างไรก็ดี มีประเทศหนึ่งที่แนวโน้มการปล่อยจะกลับมานั่นคือจีน ผลการศึกษาคาดว่า ปีนี้จีนจะปล่อยลดลงร้อยละ 1.7 โดยลดลงมากที่สุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม แต่พบว่าแนวโน้มช่วงปลายปีกลับมาใกล้กับระดับการปล่อยเมื่อปีก่อน และอาจทำให้ปีนี้ทั้งปีจีนปล่อยเท่ากับปีก่อนทั้งที่มีการระบาด แวดวงนักวิทยาศาสตร์เตือนว่า การจะทำให้ได้ตามเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามข้อตกลงสภาพภูมิอากาศปารีสปี 2558 โลกจะต้องลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ปีละ 2,000 ล้านตันทุกปีตลอดช่วงทศวรรษหน้า.-สำนักข่าวไทย

ออสเตรเลียประกาศหยุดพัฒนาวัคซีนโควิด

ทางการออสเตรเลียตัดสินใจหยุดโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศแล้ว เนื่องจากทำให้กลุ่มอาสาสมัครมีผลตรวจเอชไอวีเป็นบวกปลอม

คนจากยูเคอาจถูกห้ามเข้าอียูตั้งแต่ปีใหม่นี้

บรัสเซลส์ 11 ธ.ค.- ผู้เดินทางจากสหราชอาณาจักรหรือยูเค (UK) อาจถูกห้ามเข้าสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมตามมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เจ้าหน้าที่คณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารอียูเผยกับซีเอ็นเอ็น (CNN) ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป ผู้เดินทางจากยูเคจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการจำกัดเช่นเดียวกับผู้เดินทางจากประเทศนอกกลุ่มอียู ที่ห้ามการเดินทางเข้ายุโรปโดยไม่จำเป็น อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เจ้าหน้าที่อธิบายเพิ่มเติมว่า ยูเคไม่ได้เป็นภาคีในข้อตกลงเชงเกนที่ให้คนเดินทางระหว่างกันโดยไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง และเมื่อช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของการที่ยูเคออกจากอียูหรือเบร็กซิตจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม ยูเคก็จะไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับสมาชิกอียูอีกต่อไป คณะมนตรียุโรปซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลสมาชิกอียูออกคำแนะนำเรื่องมาตรการจำกัดโรคโควิด-19 ให้ใช้เกณฑ์อ้างอิงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศนั้น ๆ ว่าดีหรือแย่กว่าสถานการณ์เฉลี่ยในอียู และให้พิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น มาตรการควบคุมด้านการรักษาระยะห่างทางกายภาพ ข้อคำนึงทางเศรษฐกิจและสังคม อียูมีมติในเดือนตุลาคมว่า มีเพียง 8 ประเทศเท่านั้นที่เข้าเกณฑ์ประเทศปลอดภัย เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ขณะที่ยูเคมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากที่สุดในยุโรปกว่า 62,000 คน.-สำนักข่าวไทย

ที่ปรึกษา “ไบเดน” เตือนงดจัดเลี้ยงคริสต์มาส

วอชิงตัน 11 ธ.ค. – ที่ปรึกษาระดับสูงของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเตือนชาวอเมริกันงดจัดงานเลี้ยงฉลองเทศกาลคริสต์มาส และเตรียมรับมือกับการระบาดรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ดร. ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม วัย 67 ปี ที่ปรึกษาด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของนายไบเดนกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นของสหรัฐว่า สหรัฐจะยังคงเผชิญกับการระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 ในอีก 3 – 6 สัปดาห์ข้างหน้าเป็นอย่างน้อย การระบาดจะยังไม่สิ้นสุดแม้ผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวที่จะทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นอย่างมาก เขาเน้นย้ำว่า คงต้องใช้เวลานานอีกหลายเดือนกว่าที่สหรัฐจะมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ใช้อย่างแพร่หลาย แม้ว่าวัคซีนจะได้รับอนุมัติให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉิน ดร. ออสเตอร์โฮล์มยังเรียกร้องให้ชาวอเมริกันช่วยควบคุมการระบาดด้วยการจำกัดการพบปะทางสังคมให้อยู่ในภายในครอบครัวเท่านั้น โดยเฉพาะการงดจัดงานฉลองเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งไม่มีความปลอดภัยในขณะนี้ คณะกรรมการอิสระที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น แนะนำให้องค์การอาหารและยาสหรัฐหรือเอฟดีเออนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคเป็นการฉุกเฉิน คาดว่าเอฟดีเออาจประกาศอนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าวภายในไม่กี่วันข้างหน้า เปิดทางให้ทางการสหรัฐสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วไปได้เร็วสุดในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ คณะกรรมการอิสระมีกำหนดประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นา บริษัทยาสัญชาติอเมริกันในสัปดาห์หน้าเช่นกัน ทางการสหรัฐรายงานวานนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 3,252 คน ซึ่งเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดในสหรัฐ และมียอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 219,000 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 15.6 ล้านคน […]

เกาหลีใต้ระดมทหารช่วยสกัดโควิดในกรุงโซล

โซล 11 ธ.ค.- เกาหลีใต้จะระดมทหารในกรุงโซลช่วยบุคลากรทางการแพทย์แนวหน้ารับมือกับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้น สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคเกาหลีหรือเคดีซีเอ (KDCA) รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยใหม่ 689 คน ในจำนวนนี้ 673 คนเป็นการติดเชื้อในประเทศ ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 40,786 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 8 คน รวมเป็น 572 คน ทางการต้องเร่งนำตู้คอนเทนเนอร์มาสร้างโรงพยาบาลชั่วคราว เพื่อลดความตึงตัวของโรงพยาบาลทั่วประเทศ ขณะที่ยอดผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 170 คน นายกรัฐมนตรีชุง เซ-คยุนกล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ว่า การระบาดระลอกปัจจุบันเป็นวิกฤตใหญ่ เขาจะส่งทหาร ตำรวจและคนทำงานของรัฐบาลราว 800 คน ลงทุกพื้นที่ของกรุงโซลและปริมณฑล เพื่อช่วยติดตามหาผู้ที่อาจติดเชื้อแล้ว เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์แนวหน้าและเจ้าหน้าที่แพทย์มีภารกิจที่ต้องทำไม่สิ้นสุดในการสอบสวนโรค ตรวจหาเชื้อ และพยายามหาเตียงให้ผู้ป่วย เพราะหลายพื้นที่รวมทั้งกรุงโซลและปริมณฑลมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นไม่หยุด หนทางที่จะชะลอการระบาดระลอกปัจจุบันได้คือ ต้องมีชัยชนะในการป้องกันการติดเชื้อในกรุงโซลและปริมณฑล.-สำนักข่าวไทย

1 659 660 661 662 663 697