เกษตรกรอินเดียอดข้าวค้านกฎหมายใหม่

นิวเดลี 14 ธ.ค. – แกนนำเกษตรกรอินเดียเริ่มต้นการอดอาหารเป็นเวลา 1 วันในวันนี้ เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียยกเลิกกฎหมายปฏิรูปการค้าผลผลิตทางการเกษตร แกนนำผู้ประท้วงคนหนึ่งจากรัฐปัญจาบทางตอนเหนือของอินเดียกล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรต้องการให้ยกเลิกกฎหมายปฏิรูปการค้าผลผลิตทางการเกษตร เขาและแกนนำคนอื่น ๆ เริ่มต้นอดอาหารเป็นเวลา 1 วันที่บริเวณจุดชุมนุมหลัก การชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรอินเดียมีขึ้นเกือบ 3 สัปดาห์แล้ว เพื่อคัดค้านการออกกฎหมายดังกล่าวที่จะอนุญาตให้ภาคการเกษตรขายผลผลิตให้กับผู้ซื้อรายอื่นได้ นอกเหนือไปจากการขายในตลาดค้าส่งที่ควบคุมโดยรัฐบาล ซึ่งมีการประกันราคาขั้นต่ำ เกษตรการรายย่อยเกรงว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนปฏิรูปเศรษฐกิจเสรีของนายกรัฐมนตรีโมดีจะทำให้การสนับสนุนราคาวัตถุดิบหลัก เช่น แป้งและข้าวสิ้นสุดลง รวมถึงเปิดช่องให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามากดราคารับซื้อให้ต่ำลง ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีโมดีได้ให้คำมั่นกับกลุ่มเกษตรกรว่า พวกเขาจะได้รับสิทธิและโอกาสใหม่ ๆ จากการปฏิรูปในกฎหมาย 3 ฉบับที่บังคับใช้เมื่อเดือนกันยายน เพราะมีการผ่อนคลายระเบียบการขาย การกำหนดราคา และการจัดเก็บผลผลิตทางการเกษตร อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่รัฐบาลและผู้นำสหภาพแรงงานกลุ่มเกษตรกรได้ตั้งโต๊ะเจรจาร่วมกันมาแล้วถึง 6 ครั้ง แต่ก็ยังไม่บรรลุผลจนถึงขณะนี้. -สำนักข่าวไทย

เรือบรรทุกน้ำมันสิงคโปร์ระเบิดนอกท่าเรือซาอุฯ

ริยาด 14 ธ.ค.- เกิดเหตุระเบิดบนเรือบรรทุกน้ำมันติดธงชาติสิงคโปร์ นอกเมืองท่าเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบียในวันนี้ เป็นการโจมตีครั้งล่าสุดต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ฮาฟเนีย (Hafnia) บริษัทขนส่งที่มีฐานอยู่ในสิงคโปร์แถลงว่า เรือ บี ดับเบิลยู ไรน์ (BW Rhine) ถูกโจมตีจากภายนอก ขณะกำลังเคลื่อนตัวออกจากเมืองท่าเจดดาห์หลังเที่ยงคืนวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้เกิดระเบิดและไฟไหม้ตามมา แต่ลูกเรือสามารถดับไฟได้ โดยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยดับเพลิงบนฝั่งและเรือโยง ลูกเรือทั้ง 22 คน ไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนตัวเรือเสียหายจากการระเบิด และยังไม่ตัดความเป็นไปได้ว่าอาจมีน้ำมันรั่วหรือไม่ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดอ้างตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่กลุ่มกบฏฮูธีในเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้เพิ่มการโจมตีข้ามพรมแดนต่อเป้าหมายในซาอุดีอาระเบีย เพื่อตอบโต้ปฏิบัติการทางทหารในเยเมนที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นแกนนำมาตั้งแต่กลุ่มกบฏฮูธีเข้ายึดกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมนเมื่อปี 2557 และรุกคืบยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือ เดือนที่แล้วเรือบรรทุกน้ำมันติดธงชาติมอลตาที่เดินเรือโดยบริษัทกรีกเกิดระเบิดขณะเทียบท่าทางใต้ของซาอุดีอาระเบีย พันธมิตรทางทหารที่นำโดยซาอุดีอาระเบียโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มฮูธี ไม่มีคนบาดเจ็บ กลุ่มฮูธีอ้างในเดือนเดียวกันว่า ยิงขีปนาวุธวุธกัดส์-2 ถล่มโรงงานของซาอุดีอารามโกเจดดาห์ อารามโกแจ้งว่า ขีปนาวุธทำให้ถังน้ำมันเป็นรู เกิดระเบิดและไฟไหม้.-สำนักข่าวไทย

เผยกูเกิลให้ พนง. ทำงานจากบ้านถึง ก.ย. ปีหน้า

แคลิฟอร์เนีย 14 ธ.ค. – สื่อสหรัฐเผยว่า อัลฟาเบต อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิลจะอนุญาตให้พนักงานทำงานจากบ้านได้จนถึงเดือนกันยายนปีหน้า หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สของสหรัฐรายงานอ้างประกาศของนายซันดาร์ พิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของอัลฟาเบต อิงค์ที่ส่งให้พนักงานทางอีเมลว่า บริษัทจะทดสอบแนวทางการทำงานในสัปดาห์แบบยืดหยุ่นทันทีที่พนักงานสามารถกลับมาทำงานในสำนักงานได้อย่างปลอดภัย โดยจะอนุญาตให้พนักงานกูเกิลมาทำงานที่สำนักงาน 3 วันต่อสัปดาห์ และทำงานจากบ้านในวันที่เหลือ นายพิชัยระบุในอีเมลว่า บริษัทกำลังทดสอบแนวทางการทำงานแบบยืดหยุ่นที่จะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การร่วมมือ และสวัสดิภาพของพนักงาน อย่างไรก็ดี อีเมลดังกล่าวไม่ได้ระบุว่า บริษัทจะบังคับให้พนักงานฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ก่อนกลับมาทำงานที่สำนักงานหรือไม่ ขณะที่โฆษกหญิงของกูเกิลเผยว่า บริษัทแนะนำให้พนักงานฉีดวัคซีนเมื่อผู้ให้บริการสาธารณสุขหรือทางการสาธารณสุขท้องถิ่นมีความพร้อมในการฉีดวัคซีน กูเกิลเป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่ขอให้พนักงานทำงานจากบ้านเนื่องจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 และได้ขยายเวลาให้พนักงานทำงานจากบ้านจากเดือนมกราคมปีหน้าไปเป็นเดือนกรกฎาคมปีหน้า และเลื่อนไปเป็นเดือนกันยายนจากประกาศครั้งล่าสุด. -สำนักข่าวไทย

ตำหนิแผนฉีดวัคซีนโควิดของบราซิลไร้ประสิทธิภาพ

บราซิเลีย 14 ธ.ค.- ผู้นำบราซิลถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้กับประชาชน ขณะที่บราซิลเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้มากเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐ บราซิลประกาศแผนการฉีดวัคซีนเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีช่องโหว่หลายจุด ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีจาอีร์ โบวโซนารู ผู้นำขวาจัดที่ท้าทายคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการระบาดของโรคมาโดยตลอด และเพิ่งประกาศว่าตัวเองจะไม่ฉีดวัคซีน รัฐบาลบราซิลเสนอแผนดังกล่าวตามที่ศาลฎีกากำหนด โดยให้เพียงภาพร่างคร่าวเรื่องประชากรเป้าหมาย และวัคซีนที่จะใช้ในการระดมสร้างภูมิคุ้มกันเบื้องต้น แบ่งออกเป็น 4 ระยะ มุ่งเป้าไปยังกลุ่มที่มีความอ่อนไหว ได้แก่ ผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ ผู้สูงอายุ ชนพื้นเมือง และครู รวมทั้งหมด 51.6 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 24 ของประชากร 212 ล้านคน เป้าหมายสูงสุดของแผนได้กำหนดไว้ว่า จะฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรมากกว่าร้อยละ 70 ของประเทศ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะทำอย่างไร ผู้เชี่ยวชาญตำหนิว่า แผนนี้ยังขาดรายละเอียดเกี่ยวกับกรอบเวลา การขนส่ง และแหล่งที่มาของวัคซีนด้วย บราซิลผู้ป่วยสะสมราว 6.9 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 180,000 คน ผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์พบว่า ชาวบราซิลร้อยละ 22 ไม่คิดฉีดวัคซีนป้องกันโคโควิด-19 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9 […]

นิวซีแลนด์เล็งเปิดรับชาวออสเตรเลียต้นปีหน้า

เวลลิงตัน 14 ธ.ค.- นิวซีแลนด์หวังว่าจะสามารถจับคู่ท่องเที่ยวปลอดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กับออสเตรเลียภายในเดือนเมษายนปีหน้า และกำลังสรุปมาตรการที่จำเป็นในการป้องกันโควิดบริเวณพรมแดน นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ได้ตกลงในหลักการที่จะเปิดเขตท่องเที่ยวปลอดโควิดข้ามทะเลทาสมันในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 หากโรคโควิด-19 ไม่กลับมาระบาดใหญ่อีกในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ตั้งเป้าไว้ว่า จะสามารถกำหนดวันที่เริ่มการเดินทางโดยปลอดการกักโรคได้ในปีหน้า อย่างไรก็ดี เธอจะไม่เปิดโอกาสให้เกิดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น โดยจะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันไม่ให้หน่วยงานชายแดนเกิดภาวะล้นจนรับมือไม่ไหว หากชาวนิวซีแลนด์ที่ไปเที่ยวออสเตรเลียต้องรีบเร่งกลับประเทศ หากเกิดการระบาดใหญ่ในออสเตรเลียอีกครั้ง นิวซีแลนด์ปิดพรมแดนมาตั้งแต่เดือนมีนาคม และกำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งหมดต้องได้รับการแยกกักโรคเป็นเวลาสองสัปดาห์ รวมถึงชาวออสเตรเลีย นักท่องเที่ยวต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ขณะที่ออสเตรเลียให้ชาวนิวซีแลนด์เดินทางเข้าโดยไม่ต้องกักโรคตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว นิวซีแลนด์ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าจัดการกับโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด มีผู้เสียชีวิตเพียง 25 คน จากประชากรทั้งหมด 5 ล้านคน ส่วนออสเตรเลียมีผู้ป่วยสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงขณะนี้ที่ 28,031 คน เสียชีวิต 908 คน.-สำนักข่าวไทย

บ. ถุงมือยางมาเลเซียเผยยามเสียชีวิตจากโควิด

เปตาลิงจายา 14 ธ.ค. – ท้อปโกลฟ บริษัทผู้ผลิตถุงมือยางที่ใหญ่ที่สุดในโลกของมาเลเซียเผยว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) คนหนึ่งเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งถือเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกหลังเกิดการระบาดในหอพักพนักงานและโรงงาน ท้อปโกลฟเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า รปภ.ชาวเนปาล วัย 29 ปีเสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาด้วยโรคโควิด-19 ทั้งระบุเพิ่มเติมว่า เขาทำงานที่โรงงานผลิตถุงมือในเมืองกลัง ซึ่งตั้งอยู่ห่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปทางตะวันตกราว 40 กิโลเมตรมาเป็นเวลากว่า 2 ปี ก่อนหน้านี้ ท้อปโกลฟพบผู้ป่วยติดเชื้อในโรงงานผลิตถุงมือกว่า 5,000 คน ซึ่งถือเป็นการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย โดยพบการระบาดครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมาในกลุ่มพนักงานที่ได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาก่อนขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับบ้าน ทางการมาเลเซียจึงใช้มาตรการเข้มงวดและสั่งปิดโรงงานของท้อปโกลฟบางส่วนที่พบการระบาดเพื่อเฝ้าระวังและกักตัวผู้ป่วยติดเชื้อในเดือนที่แล้ว พนักงานของท้อปโกลฟกล่าวกับรอยเตอร์ว่า การใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในที่ทำงานเป็นเรื่องยากและขาดความต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น หอพักพนักงานยังมีความแออัด พนักงานกว่า 20 คนต้องอาศัยอยู่ภายในห้องพักเดียวกัน ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อนท้อปโกลฟเผยระหว่างแถลงผลการดำเนินงานว่า พนักงานที่ได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนากลับมาทำงานตามปกติแล้วร้อยละ 94. -สำนักข่าวไทย

เกาหลีใต้สั่งปิดโรงเรียนสกัดโควิด

โซล 14 ธ.ค. – เกาหลีใต้สั่งปิดโรงเรียนในกรุงโซลและพื้นที่โดยรอบตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่พบการระบาดในประเทศ ทางการเกาหลีใต้ประกาศให้โรงเรียนในกรุงโซลและพื้นที่โดยรอบทำการสอนทางไกลผ่านระบบออนไลน์ไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมของรัฐบาลที่ยังคงไม่สามารถควบคุมยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้น การใช้คำสั่งปิดโรงเรียนถือว่าเข้าใกล้มาตรการยกระดับทางสังคมระดับ 3 ที่จะเป็นการล็อกดาวน์เกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีชุง เซ-คยุน ของเกาหลีใต้กล่าวว่า รัฐบาลไม่ลังเลที่จะยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นระดับ 3 หากมีความจำเป็นและผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลท้องถิ่น และผู้เชี่ยวชาญ ในขณะเดียวกัน สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้หรือเคดีซีเอรายงานวันนี้ว่า เกาหลีใต้มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 718 คน ลดลงจากวานนี้ที่มี 1,030 คน ในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อในประเทศ 682 คน ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่ได้รับเชื้อไวรัสโคโรนามาจากกรุงโซล เมืองอินชอน และจังหวัดคย็องกี ขณะนี้ เกาหลีใต้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 43,484 คน และผู้เสียชีวิต 587 คน. -สำนักข่าวไทย

คณะผู้เลือกตั้งสหรัฐเตรียมรับรองชัยชนะไบเดน

วอชิงตัน 14 ธ.ค.- คณะผู้เลือกตั้งของสหรัฐเตรียมรับรองชัยชนะของ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดี ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันยังคงยืนกรานไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ คณะผู้เลือกตั้งของสหรัฐจะลงมติกันในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อรับรองว่าไบเดนเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่ทรัมป์ยังคงยืนกรานไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ได้คะแนนประชาชนทั้งสิ้น 81.3 ล้านเสียง คิดเป็นร้อยละ 51.3 ขณะที่ทรัมป์ได้คะแนน 74.2 ล้านเสียง คิดเป็นร้อยละ 46.8 อย่างไรก็ตาม ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่ได้ยึดจากคะแนนประชาชน แต่ใช้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งเป็นเกณฑ์ แต่ละรัฐจะมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งประจำรัฐลดหลั่นกันไปตามสัดส่วนประชากร โดยมีคะแนนรวมทั่วประเทศที่ 538 คะแนน ผู้สมัครที่ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งตั้งแต่ 270 คะแนนขึ้นไปจะเป็นผู้ชนะ และในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ไบเดนได้คะแนนคาดการณ์ชนะทรัมป์ 306 ต่อ 232 คะแนน ในการประชุมกันวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น คณะผู้เลือกตั้งจะประชุมกันเพื่อสรุปกระบวนการอย่างเป็นทางการ และหลังจากนั้น ไบเดนจะกล่าวสุนทรพจน์ยืนยันในชัยชนะของตนในช่วงเย็น ขณะที่ทรัมป์ยังมีสิทธิตามกฎหมายในการครองทำเนียบขาวต่อไปได้ถึงวันที่ 20 มกราคม ซึ่งเป็นวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่ ทรัมป์ยังคงทวีตข้อความโดยไม่มีหลักฐานว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ […]

รัฐนิวเซาท์เวลส์ยกเลิกคำสั่งทำงานจากบ้านแล้ว

ซิดนีย์ 14 ธ.ค. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ยกเลิกคำสั่งให้ประชาชนทำงานจากบ้านในวันนี้เป็นวันแรก หลังออสเตรเลียมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในระดับต่ำมาก ขณะที่หลายบริษัทยังคงอนุโลมให้พนักงานบางส่วนทำงานจากบ้านต่อไปจนถึงปีหน้า รัฐนิวเซาท์เวลส์มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย และมีนครซิดนีย์ เมืองใหญ่ที่สุดในประเทศเป็นเมืองหลวง เริ่มประกาศผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุขที่บังคับใช้มาเกือบตลอดทั้งปีนี้ หลังจากไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชนติดต่อกันเป็นวันที่ 10 แล้ว แต่บริษัทใหญ่หลายแห่งยังไม่มีแผนที่จะให้พนักงานกลับมาทำงานในบริษัทโดยทันที เนื่องจากใกล้ถึงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสในอีก 10 วันข้างหน้า กรรมการบริหารสภาทรัพย์สินออสเตรเลียประจำรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะทำให้พนักงานกลับมาทำงานในสำนักงานตามปกติ ขณะนี้ย่านธุรกิจของนครซิดนีย์มีอัตราผู้ทำงานในสำนักงานเพียงร้อยละ 45 เทียบกับในช่วงก่อนโรคโควิด-19 ระบาดที่มีร้อยละกว่า 90 สมาชิก 2 ใน 3 ของสภาทรัพย์สินคาดว่า พนักงานจะกลับมาทำงานในสำนักงานเพิ่มขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้าหรือนานกว่านั้น คอมมอนเวลท์ แบงค์ ออฟ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารรายใหญ่สุดของออสเตรเลียและมีสำนักงานใหญ่ที่นครซิดนีย์เผยว่า จะเริ่มให้พนักงานกลับมาทำงานในสำนักงานเช่นกัน แต่ก็จะรับฟังความเห็นของพนักงานในการสรรหาวิธีทำงานที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้า ทีมงาน และพนักงานแต่ละคนด้วย รัฐนิวเซาท์เวลส์ถือเป็นรัฐแรกในออสเตรเลียที่ยกเลิกการใช้คำสั่งให้ประชาชนทำงานจากบ้านก่อนรัฐอื่น ๆ ขณะที่รัฐวิกตอเรียเป็นเพียงรัฐเดียวที่ยังคงใช้คำสั่งให้พนักงานทำงานจากบ้าน และจำกัดผู้ที่เข้ามาทำงานในสำนักงานได้ไม่เกินร้อยละ 25 ส่วนรัฐอื่น ๆ ให้ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทหากพนักงานต้องการทำงานจากบ้านต่อไป. -สำนักข่าวไทย

โตเกียว-นาโงย่าอาจถูกถอดจากโครงการไปเที่ยว

โตเกียว 14 ธ.ค.- รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาว่าจะถอดกรุงโตเกียว และเมืองนาโงย่า ออกจากโครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศหรือไม่ เนื่องจากสองเมืองนี้กำลังเป็นแหล่งแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไสรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รัฐบาลญี่ปุ่นจะจัดประชุมคณะทำงานในวันนี้ เพื่อหารือว่าจะทำอย่างไรกับโครงการ “ออกไปเที่ยว” (Go To Travel) ที่เปิดขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะกล่าววานนี้ว่า โครงการนี้มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของท้องถิ่นอย่างมาก รัฐบาลกลางจะร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นหามาตรการรับมือที่เหมาะสมเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส รัฐบาลท้องถิ่นกรุงโตเกียวได้ขอให้บาร์และร้านอาหารที่ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปิดบริการก่อนเวลามาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน แต่ดูเหมือนไม่ได้ช่วยลดการระบาดมากนัก เพราะเมื่อวันเสาร์กรุงโตเกียวมีผู้ป่วยรายวันทำสถิติสูงสุดกว่า 600 คน แม้ขณะนี้กรุงโตเกียวจะยังไม่ถูกถอดออกจากโครงการ “ออกไปเที่ยว” แต่ทางเมืองได้ขอให้ผู้สูงอายุและผู้มีปัญหาสุขภาพงดเว้นการเข้าร่วมโครงการไปจนถึงวันพฤหัสบดีนี้ ที่ผ่านมามีเมืองใหญ่ถูกถอดออกจากโครงการ “ออกไปเที่ยว” แล้ว 2 เมือง ได้แก่ ฮอกไกโด และโอซากา และรัฐบาลกลางกำลังพิจารณาขยายมาตรการคุมเข้มใน 2 เมืองนี้ เนื่องจากไวรัสยังคงแพร่ระบาด.-สำนักข่าวไทย

เยอรมนีคุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19

เบอร์ลิน 14 ธ.ค.- เยอรมนีเตรียมเพิ่มการคุมเข้มมาตรการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลังติดเชื้อและตายเพิ่ม นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนีประกาศว่า จะเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อควบคุมยอดผู้ป่วยรายใหม่ทั่วประเทศ หลังจากเมื่อวันศุกร์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มกว่า 29,000 คน และเสียชีวิตเพิ่มอีก 598 คน ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของประเทศ เยอรมนีจะกำหนดให้ร้านค้าปลีกส่วนใหญ่ ยกเว้นร้านค้าที่จำเป็น ปิดให้บริการตั้งแต่วันพุธ ไปจนถึงวันที่ 10 มกราคม รวมถึงจะปิดโรงเรียนด้วย ส่วนการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกบ้านจะยังมีผลบังคับใช้ต่อไป ส่งผลให้ปีนี้ผู้คนไม่สามารถดื่มไวน์ร้อน ซึ่งเป็นเครื่องดื่มตามประเพณีในช่วงคริสต์มาสในสถานที่กลางแจ้งได้เหมือนทุกปี นายกรัฐมนตรีแมร์เคิลกล่าวว่า เทศกาลจับจ่ายช่วงคริสต์มาสผู้คนมีการพบปะทางสังคมกันเพิ่มขึ้น จึงขอย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องกำหนดข้อจำกัดที่เข้มงวดขึ้น เพื่อลดภาระของระบบสาธารณสุข เนื่องจากที่ผ่านมา แม้เยอรมนีจะปิดบาร์ ร้านอาหาร และสถานประกอบการอื่นๆ ทั่วประเทศมาตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน โรคโควิด-19 ก็ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ผู้สนับสนุนทรัมป์ยังคงประท้วงผลเลือกตั้ง

โอลิมเปีย 14 ธ.ค.- กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐประท้วงโดยอ้างเรื่องทรัมป์ถูกปล้นชัยชนะ และเกิดการปะทะกับฝ่ายตรงข้าม กลุ่มอนุรักษ์นิยมที่อ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกปล้นชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ได้ประท้วงทั่วสหรัฐเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น การประท้วงที่รัฐวอชิงตันเกิดความรุนแรงขึ้นประปราย ตำรวจต้องเข้าแยกกลุ่มประท้วงและกลุ่มตรงข้ามเป็นระยะๆ สื่อท้องถิ่นในเมืองโอลิมเปีย เมืองเอกของรัฐวอชิงตัน รายงานว่า มีผู้ถูกยิง 1 ราย และมีผู้ถูกจับกุม 3 คน หลังการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนกับกลุ่มที่ต่อต้านทรัมป์ ขณะที่ในเมืองอื่นๆ ของสหรัฐก็เกิดการประท้วงเช่นกัน เช่น นครแอตแลนตาของรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นอีกรัฐที่ทีมหาเสียงของทรัมป์พยายามจะล้มล้างชัยชนะของ โจ ไบเดน และที่เมืองโมบิล รัฐแอละแบมา ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง โดยอ้างอย่างไม่มีหลักฐานว่า ถูกปล้นชัยชนะเพราะมีการโกงเลือกตั้งครั้งใหญ่ แม้ศาลของรัฐบาลกลางและหลายรัฐของสหรัฐมีคำตัดสินสนับสนุนชัยชนะของไบเดนมากกว่า 50 คำตัดสินแล้วก็ตาม และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ศาลสูงสหรัฐก็เพิ่งยกฟ้องคำร้องจากเทกซัส ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์ที่ขอให้ยกเลิกผลการเลือกตั้งใน 4 รัฐ.-สำนักข่าวไทย

1 658 659 660 661 662 697