บังกลาเทศรำลึกครบรอบปีแรกของการโค่นล้มรัฐบาล

ธากา 6 ส.ค. – ชาวบังกลาเทศหลายพันคนรวมตัวกันในกรุงธากาในวันอังคารเพื่อร่วมรำลึกวาระครบรอบหนึ่งปีของการประท้วงครั้งใหญ่ที่โค่นล้มรัฐบาลของชีค ฮาสินา ในขณะที่รัฐบาลเฉพาะกาลเปิดเผยแผนการปฏิรูปประชาธิปไตยพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การชุมนุม คอนเสิร์ต และพิธีสวดมนต์จัดขึ้นในเมืองหลวง ขณะที่ประชาชนเฉลิมฉลองสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “การปลดปล่อยครั้งที่สอง” ของประเทศ โดยกิจกรรมเหล่านี้ปิดท้ายด้วยการที่นายมูฮัมหมัด ยูนุส เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งเป็นผู้นำเฉพาะกาลได้อ่าน “ปฏิญญาเดือนกรกฎาคม” ซึ่งต้องการให้การรับรองตามรัฐธรรมนูญ เหตุการณ์ที่นักศึกษาลุกฮือในปี 2024 เพื่อต่อต้านการกดขี่และความยากลำบากทางเศรษฐกิจและส่งผลให้นางฮาซินา ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ต้องก้าวลงจากตำแหน่งและเดินทางไปยังอินเดียเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม นายยูนุสกล่าวว่า ประชาชนชาวบังกลาเทศแสดงความปรารถนาว่าการลุกฮือของนักศึกษา-ประชาชนในปี 2024 จะได้รับการยอมรับจากรัฐและรัฐธรรมนูญอย่างเหมาะสม ปฏิญญาเดือนกรกฎาคมจะปรากฏในตารางเวลาของรัฐธรรมนูญที่ได้รับการปฏิรูปซึ่งจัดทำขึ้นโดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งระดับชาติครั้งต่อไป นายยูนุสกล่าวด้วยว่า เขาจะขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 เขาระบุด้วยว่า จะต้องแน่ใจว่ารัฐบาลในอนาคตจะไม่สามารถกลายเป็นเผด็จการได้อีก รัฐจะต้องได้รับการจัดโครงสร้างใหม่ในลักษณะที่สัญญาณของการปกครองแบบเผด็จการใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะปรากฏที่ใด สามารถถูกกำจัดได้ทันทีในจุดนั้น พรรคชาตินิยมบังกลาเทศ ซึ่งนำโดยอดีตนายกรัฐมนตรีคาเลดา เซีย ที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งก่อนสิ้นปี 2025 เพื่อป้องกันสุญญากาศทางการเมือง ยินดีกับแผนการจัดการเลือกต้ังในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ในขณะที่พรรคสันนิบาตอะวามีของฮาสินายังคงถูกสั่งระงับการดำเนินกิจกรรมแต่หลายคนเชื่อว่าควรอนุญาตให้พรรคเข้าร่วมในการเลือกต้ังได้ แม้ว่าผู้นำระดับสูงจะเผชิญกับการดำเนินคดีในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ถูกกล่าวหาในระหว่างการประท้วงเมื่อปีที่แล้ว.-813.-สำนักข่าวไทย

คนกัมพูชาหันไปใช้สินค้าในประเทศแทนสินค้าไทย

พนมเปญ 6 ส.ค. – ผู้บริโภคชาวกัมพูชา เปลี่ยนไปใช้บริการสินค้าท้องถิ่นมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกแทนสินค้าไทย หลังเกิดการปะทะทางทหารบริเวณพรมแดนระหว่างกัมพูชากับไทย ผู้บริโภคชาวกัมพูชา กำลังหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและมองหาทางเลือกอื่นแทนสินค้าไทย นับตั้งแต่เกิดการปะทะระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศตามแนวชายแดนที่เป็นข้อพิพาท เมื่อ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยในกรุงพนมเปญ ร้านกาแฟท้องถิ่นคึกคักไปด้วยลูกค้า ต่างจากร้านกาแฟไทยชื่อดังซึ่งเคยเป็นที่นิยมของชาวกัมพูชาในเมืองหลวง แต่ตอนนี้แทบไม่มีลูกค้าเข้าใช้บริการ ในช่วงหลายปีมานี้ สินค้าแบรนด์ไทยขยายตัวอย่างรวดเร็วในกัมพูชา โดยมีสถานีบริการน้ำมันกว่า 180 แห่ง, ร้านกาแฟกว่า 250 แห่ง ร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารกว่า 100 แห่งที่บริษัทไทยเป็นเจ้าของ ทั้งหมดนี้ล้วนพบว่าจำนวนผู้บริโภคลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ผู้บริโภคชาวกัมพูชาหลายคนบอกว่า พวกเขาเริ่มหันมาอุดหนุนสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศมากขึ้น จากปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย หลายคนบอกว่าตอนนี้ไม่อยากอุดหนุนสินค้าไทย อยากใช้ของกัมพูชามากกว่า และหวังว่าสินค้ากัมพูชาจะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น ส่วนผู้ค้าปลีกและผู้นำเข้าสินค้าในท้องถิ่นบอกว่า พวกเขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคเช่นกัน พนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตรายหนึ่งบอกว่า เมื่อก่อนลูกค้ามองหาสินค้าไทย แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มมองหาสินค้ากัมพูชาและสนับสนุนสินค้ากัมพูชามากขึ้น ร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งบอกว่า จะปรับเปลี่ยนการจำหน่ายสินค้าเพื่อสนับสนุนสินค้าแบรนด์ท้องถิ่นให้มากขึ้น หลังจากการประชุมนัดพิเศษที่มีนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเมื่อ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา กัมพูชาและไทยตกลงที่จะหยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขมีผลบังคับใช้ในเวลาหลังเที่ยงคืนวันดังกล่าว ยุติการปะทะกันนาน 5 วัน.-815.-สำนักข่าวไทย

โฆษณา ‘กางเกงยีนส์’ สะเทือนการเมืองอเมริกัน

นิวยอร์ค 6 ส.ค. – แคมเปญโฆษณากางเกงยีนส์ของแบรนด์ “อเมริกัน อีเกิล” (American Eagle) ที่มี ซิดนีย์ สวีนีย์ นางเองชื่อดังสุดฮ็อตมาเป็นนางแบบ สร้างกระแสฮือฮาไปทั่วโลกออนไลน์ แม้กระทั่งผู้นำสหรัฐฯ ยังต้องออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ด้วย คลิปโฆษณาความยาว 30 วินาทีที่ออกอากาศเมื่อสัปดาห์ก่อน ซิดนีย์ สวีนีย์ นางเอกสาวปรากฏตัวในชุดกางเกงยีนส์แบรนด์ American Eagle พร้อมพูดประโยคว่า “ยีนถูกถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ เช่น สีผม นิสัย สีดวงตา แต่กางเกงยีนส์ของฉันสีน้ำเงิน” เนื้อหาตั้งใจเล่นคำสนุก ๆ ระหว่าง “jeans” (ยีนส์) กับ “genes” (ยีนพันธุกรรม) พร้อมเน้นรูปลักษณ์ของเธอ ซึ่งเป็นหญิงสาวผิวขาว ผมบลอนด์ ตาสีฟ้า รูปร่างเซ็กซี่ จนกลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี หลายคนมองว่าโฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้เป็นเพียงโฆษณาแฟชั่นธรรมดา แต่ซ่อนเนื้อหาที่มีนัยยะเชิงเชื้อชาติ และส่งเสริมอุดมการณ์ความเหนือกว่าทางพันธุกรรมของคนผิวขาว เพราะสื่อว่า ผู้หญิงแบบ ซิดนีย์ สวีนีย์ คือร่างกายที่ดี ใส่กางเกงยีนส์แล้วออกมาสวยเพราะพันธุกรรมดี […]

จีนเดินหน้าหนุนพลิกฟื้นสัมพันธ์ ‘ไทย-กัมพูชา’

ปักกิ่ง 6 ส.ค. – นายกัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าววันอังคารว่าจีนจะยังคงสนับสนุนอาเซียนในการส่งเสริมการเจรจาเพื่อสันติภาพ พร้อมดำเนินบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในแบบของตนเองเพื่อการพลิกฟื้นความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มีการจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี (GBC) ระหว่างกัมพูชากับไทยที่มาเลเซียในวันที่ 4-7 ส.ค. โดยจีนได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมวิสามัญของการประชุมคณะกรรมการดังกล่าวในวันที่ 7 ส.ค. นี้ นายกัวกล่าวว่าไม่มีการต่อสู้ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย นับตั้งแต่การหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างจีน กัมพูชา กับไทยเมื่อวันที่ 30 ก.ค. โดยสถานการณ์ในพื้นที่มีแนวโน้มคลี่คลาย ขณะกัมพูชาและไทยดำเนินการหยุดยิงอย่างค่อยเป็นค่อยไป กัมพูชาและไทยจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปภายใต้การประสานงานเชิงรุกของมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียน เพื่อการสื่อสารหลายระดับผ่านช่องทางต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนากลไกเฝ้าติดตามการหยุดยิง ซึ่งเกื้อหนุนการยุติการสู้รบอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยจีนชื่นชมและยินดีกับสิ่งนี้ จีนยังคงรักษาการสื่อสารใกล้ชิดกับกัมพูชาและไทย รวมถึงมาเลเซียและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เพื่อส่งเสริมการหยุดยิง การสื่อสาร และการเจรจา ตลอดจนช่วยลดทอนความรุนแรงของสถานการณ์ตามเจตจำนงของกัมพูชาและไทย จีนจะยังคงสนับสนุนอาเซียนในการส่งเสริมการเจรจาเพื่อสันติภาพ รักษาจุดยืนอันเป็นธรรมและยุติธรรม และดำเนินบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในแบบของตนเอง เพื่อการพลิกฟื้นความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย.-813.-สำนักข่าวไทย

ออสเตรเลียเลือก ‘มิตซูบิชิ เฮฟวี’ ของญี่ปุ่นต่อเรือฟริเกต

ซิดนีย์/โตเกียว 5 ส.ค. – นายริชาร์ด มาร์ลส์ รองนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าววันอังคารว่า บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสตรีส์ ของญี่ปุ่นจะส่งมอบเรือฟริเกตใหม่ลำแรกให้กับกองทัพเรือออสเตรเลียภายใต้ข้อตกลงมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ ประมาณ 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัญญาสร้างเรือฟริเกต 3 ลำนี้ จะเป็นการจัดซื้อด้านการป้องกันประเทศที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย นับตั้งแต่รัฐบาลได้ตกลงที่จะสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ร่วมกับสหรัฐและอังกฤษเมื่อปี 2023 และยังเป็นหนึ่งในข้อตกลงการส่งออกอาวุธที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นด้วย นายมาร์ลส์กล่าวว่า การจัดซื้อครั้งนี้จะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในด้านการเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพเรือของออสเตรเลียในการแสดงแสนยานุภาพ ซึ่งการแสดงแสนยานุภาพที่มีประสิทธิภาพคือหัวใจสำคัญของความท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ และเสริมว่า ข้อตกลงนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากในความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างออสเตรเลียและญี่ปุ่น ด้านนายเก็น นาคาตานิ รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่นกล่าวว่าข้อตกลงนี้คือก้าวสำคัญในการร่วมมือด้านการป้องกันประเทศของญี่ปุ่น โดยเขาให้ข้อมูลในการแถลงข่าวที่กรุงโตเกียวว่า ผลประโยชน์ที่ได้รับคือการยกระดับการปฏิบัติการร่วมกันและความเข้ากันได้ของระบบ (interoperability) ที่ใช้ในออสเตรเลียและสหรัฐ เรือฟริเกตชั้น “โมกามิ” (Mogami) ของบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสตรีส์ ได้รับการคัดเลือกโดยเอาชนะคู่แข่งคือเรือ “เมโก เอ-สองร้อย” (MEKO A-200) ของบริษัท “ทิสเซนครุปป์ มารีน ซิสเต็มส์” (ThyssenKrupp Marine […]

ฮ่องกงออกประกาศเตือนภัยสภาพอากาศระดับสูงสุด

ฮ่องกง 5 ส.ค. – สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงแจ้งว่าประกาศเตือนภัยสภาพอากาศขั้นสูงสุด “สีดำ” เนื่องจากมีฝนตกหนักจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในวันอังคาร หรือ 10.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย หลังจากที่ฝนตกอย่างหนักทำให้โรงเรียน ศาล และแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลบางส่วนต้องปิดทำการ พายุฝนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันในทางตอนใต้ของจีนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 รายในมณฑลกวางตุ้ง และต้องมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 1,300 คน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฮ่องกง (Hong Kong Observatory) ได้แจ้งเตือนบนเว็บไซต์ว่า พายุฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดน้ำท่วมถนนและการจราจรติดขัดอย่างรุนแรง ขอให้ประชาชนอยู่ในที่ที่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่ฮ่องกงรายงานว่ามีฟ้าผ่าเกือบ 10,000 ครั้งในฮ่องกงระหว่างเวลา 6.00 น. ถึง 6.59 น. หรือ 05.00-15.59 น. ตามเวลาในประเทศไทย ทั้งฮ่องกงและเมืองกวางโจวที่อยู่ใกล้เคียงมีฝนตกหนักถึง 60-90 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง โดยปกติแล้วฮ่องกงจะมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 2,220 มิลลิเมตร และมากกว่าครึ่งหนึ่งจะตกในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงยังคงเปิดทำการตามปกติ เนื่องจากได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเมื่อปลายปีที่แล้วให้สามารถซื้อขายได้ไม่ว่าจะสภาพอากาศเป็นอย่างไร ด้านหน่วยงานโรงพยาบาลของฮ่องกงประกาศว่า แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ยังคงเปิดให้บริการ […]

มาเลเซีย-อินโดนีเซีย ขัดแย้งพื้นที่พิพาทในทะเลสุลาเวสี

กัวลาลัมเปอร์ 5 ส.ค. – นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ประกาศกร้าวจะไม่ยอมเสียดินแดนในรัฐซาบาห์แม้แต่ตารางนิ้วเดียวให้อินโดนีเซีย จากกรณีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนพื้นที่พิพาทในทะเลสุลาเวสีที่มีทรัพยากรน้ำมันมหาศาล นายอันวาร์กล่าวระหว่างการเยือนเมืองโกตาคินาบาลูว่า มาเลเซียจะปกป้องสิทธิและอธิปไตยของรัฐซาบาห์ ในการหารือกับอินโดนีเซียเกี่ยวกับพื้นที่พิพาทในทะเลสุลาเวสีที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมัน โดยนายอันวาร์กล่าวตามที่หนังสือพิมพ์มาเลย์ เมล์ อ้างเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถึงการพูดคุยระหว่างการปรึกษาหารือประจำปีครั้งที่ 13 ระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศเมื่อวันอังคารที่แล้ว นายอันวาร์กล่าวเสริมว่า จะปกป้องดินแดนทุกตารางนิ้วของรัฐซาบาห์ในนามของรัฐบาลกลาง มาเลเซียและอินโดนีเซียต่างอ้างสิทธิ์ทับซ้อนเหนือพื้นที่ทางทะเลหมายเลขเอ็นดี6 (ND6) และ เอ็นดี7 (ND7) นอกชายฝั่งตะวันออกของเกาะบอร์เนียว ซึ่งมาเลเซียเรียกว่าทะเลสุลาเวสี และอินโดนีเซียเรียกว่าอัมบาลัต ขณะที่การหารือระหว่างอันวาร์และประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ของอินโดนีเซีย ที่กรุงจาการ์ตา เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมกันพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว มีการคาดหวังว่า ทั้งสองประเทศจะสามารถหาหนทางข้างหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาทวิภาคีที่มีมายาวนานได้ โดยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาร่วมกันอาจได้รับการเปิดเผยจากการประชุมของผู้นำในอีกหนึ่งเดือนต่อมา อย่างไรก็ตาม เมื่อสมาชิกรัฐสภาจากรัฐซาบาห์ ของมาเลเซีย ซึ่งเป็นรัฐที่อยู่ใกล้กับพื้นที่พิพาทมากที่สุด ซักถามนายอันวาร์ในรัฐสภาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้าย เนื่องจากการหารือยังคงดำเนินต่อไป นายอันวาร์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า การหารือของมาเลเซียกับทางอินโดนีเซียเกี่ยวกับพื้นที่พิพาทอัมบาลัต ถือเป็นสัญญาณของมิตรภาพที่ดี แม้จะเป็นปัญหาพรมแดนระหว่างสองประเทศ แต่อินโดนีเซียเป็นพันธมิตรกับมาเลเซีย […]

เจ้าหน้าที่กลาโหมฝ่ายไทย-กัมพูชาเริ่มหารือที่มาเลเซีย

กัวลาลัมเปอร์ 5 ส.ค. – เจ้าหน้าที่กลาโหมฝ่ายไทยและกัมพูชาเริ่มเจรจาเบื้องต้นที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวานนี้ ก่อนการประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหมในวันพฤหัสบดี ขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างทั้งสองฝ่ายยังเปราะบาง การเจรจาเบื้องต้นระหว่างเจ้าหน้าที่กลาโหมของไทยและกัมพูชา เริ่มต้นขึ้นเมื่อวานนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ก่อนการประชุมระดับรัฐมนตรีในวันพฤหัสบดี ขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบาง ยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หลังจากทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ที่มีขึ้นหลังมีการปะทะกันตามแนวพรมแดนระหว่างกัมพูชาและไทยนาน 5 วัน ในที่ประชุมที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพเมื่อวันจันทร์สัปดาห์ที่แล้ว โดยมีสหรัฐฯ และจีนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย การประชุมระดับเลขาธิการ ซึ่งกองทัพมาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่โรงแรมวิสมา เปอร์วีรา มีตัวแทนจากทั้งสองประเทศเข้าร่วม 54 คน เพื่อวางรากฐานสำหรับเสถียรภาพที่ยั่งยืน หลังเกิดการปะทะทางทหารบริเวณแนวพรมแดนครั้งเลวร้ายที่สุดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในรอบกว่าทศวรรษ รวมถึงการยิงปืนใหญ่และใช้เครื่องบินรบนานหลายวัน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43 ราย ชาวบ้านทั้งสองฝ่ายอพยพรวมกันมากกว่า 300,000 คน โมฮัด นิซัม จัฟฟาร์ ผู้บัญชาการกองทัพบกมาเลเซีย เผยว่า ขณะนี้ ทั้งไทยและมาเลเซียอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการหารือเกี่ยวกับขอบเขตอำนาจหน้าที่ หรือ ทีโออาร์ (TOR) ที่เสนอไว้ และการจัดตั้งกองกำลังติดตามผู้ช่วยทูตฝ่ายกลาโหมชั่วคราว ซึ่งจะนำไปสู่การจัดตั้งคณะผู้ตรวจสอบอาเซียนอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ยังมีการหารือเรื่องการปรับปรุงรูปแบบการสนับสนุนที่อาจต้องการจากมหาอำนาจ พร้อมเสริมว่า มาเลเซีย สหรัฐฯ และจีนจะเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

อินเดียจะยังคงซื้อน้ำมันรัสเซียแม้ ‘ทรัมป์’ จะขู่ลงโทษก็ตาม

นิวเดลี 2 ส.ค. – หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ค ไทมส์ รายงานวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่อินเดียกล่าวว่า อินเดียจะยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อไป แม้จะมีความเสี่ยงที่จะถูกลงโทษจากคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐก็ตาม เจ้าหน้าที่อาวุโสของอินเดีย 2 คนระบุว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใด ๆ และเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวว่ารัฐบาลไม่ได้ออกคำสั่งใด ๆ ให้บริษัทน้ำมันลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ทำเนียบขาวของสหรัฐ กระทรวงต่างประเทศของอินเดีย และกระทรวงปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติของอินเดียยังไม่ได้ตอบคำขอของสำนักข่าวรอยเตอร์ให้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ ในขณะที่รอยเตอร์ยังไม่สามารถยืนยันข่าวเรื่องนี้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ เมื่อเดือนที่แล้ว นายทรัมป์เคยโพสต์ข้อความบนแอปพลิเคชัน ทรูธโซเชียล ของเขาว่าอินเดียจะต้องเผชิญกับการลงโทษเพิ่มเติมหากยังคงซื้ออาวุธและน้ำมันจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเขากล่าวว่าเขาไม่สนใจว่าอินเดียจะทำอะไรกับรัสเซียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายทรัมป์ได้บอกกับนักข่าวว่าเขาได้ยินมาว่าอินเดียจะไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียอีกต่อไป ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าโรงกลั่นของรัฐบาลอินเดียได้หยุดซื้อน้ำมันรัสเซียในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากส่วนลดมีน้อยลงในเดือนกรกฎาคม เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม นายทรัมป์เคยขู่ว่าจะเก็บภาษี 100% กับประเทศที่ซื้อน้ำมันรัสเซีย เว้นแต่ว่ารัฐบาลมอสโกจะบรรลุข้อตกลงสันติภาพที่สำคัญกับยูเครน ทั้งนี้ รัสเซียเป็นผู้จัดหาน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 35% ของปริมาณน้ำมันทั้งหมดที่อินเดียนำเข้าจากต่างประเทศ.-813.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือหวังสันติภาพที่ยั่งยืนไทย-กัมพูชา

โซล 2 ส.ค. – เกาหลีเหนือ ได้แสดงความหวังที่จะเห็น “สันติภาพและความมั่นคงที่ยั่งยืน” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่ประเทศไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในสัปดาห์นี้ เพื่อยุติเหตุปะทะที่คร่าชีวิตผู้คนตามแนวชายแดนมาหลายวัน สำนักข่าวยอนฮับ ของเกาหลีใต้รายงานอ้างแถลงการณ์โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือในวันนี้ผ่านสำนักข่าวกลางเกาหลี หรือ เคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ หลังจากข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้เมื่อเที่ยงคืนของวันจันทร์ที่ผ่านมา โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าวว่า เกาหลีเหนือหวังว่าประเทศทั้งสองที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะสามารถบรรลุสันติภาพและความมั่นคงที่ยั่งยืนในภูมิภาคได้ ด้วยการคลี่คลายความขัดแย้ง สร้างความเชื่อมั่นทางการเมืองให้ลึกซึ้ง และส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี.-813.-สำนักข่าวไทย

อดีต ปธน. โคลอมเบียถูกตัดสินกักบริเวณ 12 ปี

โบโกตา 1 ส.ค. – ผู้พิพากษาศาลโคลอมเบียตัดสินเมื่อวานนี้ให้กักบริเวณนายอัลบาโร อูริเบ อดีตประธานาธิบดีโคลอมเบีย ในบ้านพักเป็นเวลา 12 ปี ในความผิดฐานใช้อำนาจโดยมิชอบและติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ ในคดีที่ดำเนินมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเขากับกลุ่มกองกำลังกึ่งทหารฝ่ายขวาในอดีต นายอูริเบถูกตัดสินว่ามีความผิดในสองข้อหานี้เมื่อวันจันทร์โดยผู้พิพากษาแซนดรา ลิเลียนา เฮเรเดีย ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการข่มขู่พยาน ซึ่งใช้เวลาพิจารณาคดีมานานกว่า 13 ปี โดยนายอูริเบยืนยันมาโดยตลอดว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ผู้พิพากษาเฮเรเดียอ่านคำพิพากษาต่อศาลในการพิจารณาคดีช่วงบ่ายวันศุกร์ คำตัดสินของระบุว่า นายอูริเบจะต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 578,000 ดอลลาร์ และถูกห้ามดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลามากกว่าแปดปี คำพิพากษาระบุว่า นายอูริเบซึ่งทีมทนายความกล่าวว่าจะยื่นอุทธรณ์ จะต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ในเมืองริโอเนโกร จังหวัดอันติโอเกีย ซึ่งเป็นที่พำนักของเขา จากนั้นจะต้องเดินทางไปยังที่พักของเขาโดยทันทีเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งให้กักบริเวณในบ้านพักตามคำสั่งศาล การตัดสินลงโทษครั้งนี้ทำให้นายอูริเบเป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกของประเทศที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในชั้นศาล และเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งปีก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีโคลอมเบียปี 2026 ซึ่งพันธมิตรและลูกน้องหลายคนของนายอูริเบกำลังแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่ง นอกจากนี้ การตัดสินลงโทษดังกล่าวยังอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างโคลอมเบียกับสหรัฐด้วย โดยนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า การตัดสินลงโทษนายอูริเบเป็นการใช้อำนาจของศาลโคลอมเบียเป็นอาวุธโดยผู้พิพากษาที่มีแนวคิดสุดโต่ง และนักวิเคราะห์กล่าวว่าอาจมีการตัดความช่วยเหลือจากสหรัฐเพื่อตอบโต้ นายอูริเบ วัย 73 ปี และผู้สนับสนุนเขา ยืนยันมาโดยตลอดว่ากระบวนการนี้เป็นการกลั่นแกล้ง ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามของเขาแสดงความยินดีว่าเป็นผลกรรมที่สมควรได้รับสำหรับชายที่ถูกกล่าวหามานานหลายทศวรรษว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มกองกำลังกึ่งทหารฝ่ายขวาที่ใช้ความรุนแรง แต่ไม่เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาญาใด ๆ จนกระทั่งถึงตอนนี้ นายอูริเบกล่าวว่าทีมทนายของเขาจะยื่นอุทธรณ์อย่างเป็นทางการเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อล้มล้างคำตัดสินทั้งหมด.-813.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือกล่าวโจมตีการซ้อมรบร่วมสหรัฐ-เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น

โซล 2 ส.ค. – เกาหลีเหนือ กล่าววันนี้ประณามการซ้อมรบทางทหารครั้งล่าสุดของสหรัฐร่วมกับกองกำลังเกาหลีใต้และญี่ปุ่น โดยกล่าวหาว่าเป็นการเตรียมการสำหรับ “การชิงโจมตีก่อน” (preemptive strikes) ต่อเกาหลีเหนือ สำนักข่าวยอนฮับ ของเกาหลีใต้รายงานวันนี้ว่า “โรดอง ซินมุน” (Rodong Sinmun) หนังสือพิมพ์หลักของทางการเกาหลีเหนือกล่าวหาดังกล่าวในบทความหนึ่งโดยหยิบยกประเด็นการซ้อมรบทางอากาศที่นำโดยสหรัฐ ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วในบริเวณใกล้กับญี่ปุ่น และการซ้อมรบด้านการส่งกำลังบำรุงทางอากาศระหว่างนาวิกโยธินเกาหลีใต้และสหรัฐ บทความดังกล่าวระบุว่า การซ้อมรบเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อดำเนินการชิงโจมตีเกาหลีเหนือก่อนเพื่อตัดตอน พร้อมเสริมว่า เพื่อเป็นการสร้างสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีและในภูมิภาค การกระทำทางทหารของสหรัฐ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้จะต้องยุติลง บทความยังวิพากษ์วิจารณ์ความร่วมมือทางทหารไตรภาคีอย่างต่อเนื่องระหว่างเกาหลีใต้ สหรัฐ และญี่ปุ่น โดยกล่าวหาว่ามีเจตนาที่จะ “บดขยี้” เกาหลีเหนือด้วยกำลังทางทหารร่วมกัน นอกจากนี้ ยังระบุว่าเป็นการกระทำที่ชอบธรรมและถูกต้องที่เกาหลีเหนือจะเสริมสร้างกำลังป้องกันของตนเพื่อตอบโต้กิจกรรมดังกล่าวของทั้งสามประเทศ สำหรับเกาหลีใต้ได้พยายามเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงแบบสามฝ่ายกับสหรัฐและญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่เพิ่มขึ้นจากเกาหลีเหนือ.-813.-สำนักข่าวไทย

1 29 30 31 32 33 694