ปักกิ่ง 17 ก.ย.- สื่อทางการจีนระบุว่า กรอบข้อตกลงเรื่องติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นยอดนิยมของจีนที่จีนบรรลุกับสหรัฐเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ด้านสื่อสหรัฐมองว่า การที่ผู้นำสหรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ่งบอกว่าเจ้าของใหม่ของติ๊กต็อกในสหรัฐจะเป็นกลุ่มธุรกิจใด
หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนลงบทความที่เขียนโดยจงเซิง (แปลว่าเสียงแห่งจีน) ซึ่งเป็นนามปากกาที่มักใช้ในการแสดงทัศนะด้านนโยบายต่างประเทศในวันนี้ว่า จีนบรรลุฉันทามติกับสหรัฐในประเด็นติ๊กต็อก เนื่องจากเป็นไปตามหลักการการให้เกียรติซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ บทความระบุด้วยว่า จีนจะพิจารณาทบทวนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกเทคโนโลยีและการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาของติ๊กต็อกให้เป็นไปหลักการทางกฎหมาย
ขณะนี้นักลงทุนทั้งฝั่งสหรัฐและฝั่งจีนกำลังรอการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและประธานาธิบดีสี จิ้นผิงที่จะยืนยันข้อตกลงเรื่องติ๊กต็อกในวันที่ 19 กันยายนนี้ หลังจากคณะเจรจาของทั้งสองฝ่ายบรรลุกรอบข้อตกลงในการเจรจาการค้ารอบที่ 4 เป็นวันที่ 2 ที่กรุงมาดริดของสเปนเมื่อวันที่ 15 กันยายน คาดกันว่าความคืบหน้าเรื่องติ๊กต็อกที่มีผู้ใช้งานสหรัฐมากถึง 170 ล้านคนจะปูทางให้แก่การเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนรอบต่อไป
ด้านเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น (CNN) ของสหรัฐรายงานอ้างแหล่งข่าวที่ทราบเรื่องกรอบข้อตกลงติ๊กต็อกว่า ข้อเสนอที่จะช่วยให้ติ๊กต็อกสามารถให้บริการในสหรัฐได้ต่อไปจะเกี่ยวข้องกับการลงทุนจากกลุ่มธุรกิจในสหรัฐที่ประกอบไปด้วยบริษัทเงินร่วมทุน (Venture Capital: VC) กองทุนที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity: PE) และบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งจะร่วมกันตั้งบริษัทใหม่ในสหรัฐและให้บริการแอปฯ นี้เฉพาะในสหรัฐเท่านั้น กลุ่มนี้จะเป็นเจ้าของติ๊กต็อกในสัดส่วนร้อยละ 80 ที่เหลือเป็นของจีน และจะมีคนที่รัฐบาลสหรัฐแต่งตั้งเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการบริหารด้วย
มีข่าวลือแพร่สะพัดว่า นายแลร์รี เอลลิสัน วัย 81 ปี ประธานบริหารออราเคิล (Oracle) ที่กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกชั่วขณะเมื่อหุ้นของออราเคิลพุ่งทะยานเมื่อสัปดาห์ก่อน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาซื้อกิจการติ๊กต็อกในสหรัฐ นายเอลลิสันเป็นผู้สนับสนุนนายทรัมป์ และนายทรัมป์เคยประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่า จะเชียร์ให้นายเอลลิสันซื้อติ๊กต็อก ทั้งนี้ออราเคิลเป็นผู้ให้บริการเก็บข้อมูลการใช้งานติ๊กต็อกในสหรัฐตั้งแต่ปี 2563 และบรรลุข้อตกลงในปีเดียวกันกับรัฐบาลทรัมป์สมัยแรกว่าจะซื้อแอปฯ นี้ แต่การดำเนินการเผชิญอุปสรรคและล่าช้าไปจนถึงรัฐบาลโจ ไบเดนที่ลงนามกฎหมายห้ามจีนเป็นเจ้าของติ๊กต็อกในสหรัฐเกินร้อยละ 20 จากเดิมที่นายทรัมป์ต้องการให้ไบแดนซ์ (ByteDance) ของจีนและบริษัทอเมริกันถือหุ้นฝ่ายละครึ่ง
ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 16 กันยายนให้ขยายการปิดบริการติ๊กต็อกในสหรัฐออกไปอีก 90 วันจากวันที่ 17 กันยายนไปเป็นวันที่ 16 ธันวาคม หากไม่ขายกิจการในสหรัฐให้แก่ธุรกิจสหรัฐ นายทรัมป์ขยายเส้นตายให้ติ๊กต็อกเป็นครั้งที่ 4 แล้วหลังจากขยายเส้นตายแรกมีผลเมื่อวันที่ 19 มกราคม หนึ่งวันก่อนเขาสาบานตนรับตำแหน่งสมัยที่ 2.-814.-สำนักข่าวไทย