ศบค.ให้ 14 วันประเมินมาตรการผ่อนปรน

ทำเนียบรัฐบาล 30 เม.ย.-ศบค. เผยผู้ป่วยใหม่ 7 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ผ่อนปรนให้เปิดตลาด ร้านตัดผม กิจการค้าปลีก-ส่ง กิจกรรมสวนสาธารณะ ประเมินผล 14 วัน ขอทุกคนร่วมมือปรับตัวช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อ ถ้าตัวเลขกลับมาเพิ่ม ต้องทบทวนใหม่


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 วันนี้(30 เม.ย.) ว่า ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 7 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,954 ราย รักษาหาย 2,687 ราย รักษาตัวอยู่ 213 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 54 ราย ทั้งนี้จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 7 ราย พบว่ามาจากการค้นหาโรคในชุมชนที่จังหวัดภูเก็ต 3 ราย กระบี่ 1 ราย รวมเป็น 4 ราย และเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศคือ มาเลเซีย และเข้ากักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ในกรุงเทพฯ 3 ราย 

“ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,954 ราย พบใน 5 จังหวัดที่สูงที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,488 รายและมีอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 12 ราย ภูเก็ต 216 ราย นนทบุรี 157 ราย ยะลา 113 ราย และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย สมุทรปราการ 113 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน โดยไม่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 52.25 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 26.24 ยะลา ร้อยละ 21.15 นนทบุรี ร้อยละ 12.50 ปัตตานี ร้อยละ 10.95” โฆษกศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จังหวัดกระบี่จะได้เปิดศูนย์ตรวจเชื้อโควิด-19 แห่งแรก โดยจะทราบผลการตรวจภายใน 4 ชั่วโมง โดยเป็นห้องปฏิบัติการอณูชีววิทยาทางการแพทย์ ที่ได้ผ่านการทดสอบความชำนาญมาจากห้องปฏิบัติการด้านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี Real Time RT-PCR สำหรับศูนย์ตรวจเชื้อโควิด-19 ของโรงพยาบาลกระบี่นี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ เป็นเงิน 4,900,000 บาท และ โรงพยาบาลกระบี่สมทบอีก 100,000 บาท โดยสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้วันละ 120 ตัวอย่าง ซึ่งจะแก้ปัญหาให้จังหวัดกระบี่ที่ไม่มีเครื่องตรวจหาเชื้อเป็นของตัวเอง

โฆษกศบค. กล่าวว่า สถานการณ์โลกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 3,220,225 ราย เสียชีวิต 228,223 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด  1,064,533 ราย เสียชีวิต 61,668 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 59 ของโลก ขณะที่ในกลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชีย พบว่า อินเดียอยู่ที่ อันดับที่ 16 ของโลก สิงคโปร์ อันดับที่ 25 ของโลก ปากีสถาน อันดับที่ 26 ของโลก ญี่ปุ่นอันดับที่ 29 ของโลก และเกาหลีใต้ อันดับที่ 35 ของโลก 


“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะ ผอ.ศบค.เน้นย้ำมาตรการผ่อนปรนต่าง ๆ ว่าถือเป็นความรับผิดชอบของคนไทยทั้งประเทศที่ตัดสินใจร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ทั้งเรื่องการระบาดและผลกระทบทางเศรษฐกิจ หากสามารถควบคุมสถานการณ์ด้านสาธารณสุขในระยะแรกนี้ได้ จะผ่อนปรนในระยะต่อ ๆไปได้ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ ทำให้ประชาชนปลอดภัย บรรเทาความเดือดร้อน ทั้งค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายวิถีชีวิตของประชาชน และป้องกันการแพร่ระบาดไม่ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ หากเราควบคุมได้ไม่ดี ทุกอย่างอาจจะแย่ลง ภารกิจนี้เป็นงานและท้าทาย แต่หากทุกคนโดยเฉพาะผู้ประกอบการ ผู้รับบริการ ผู้บริโภคและประชาชนร่วมมือกัน ด้วยความตั้งใจ มุ่งเน้นเรื่องการป้องกันตนเองและผู้อื่น มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมจะสำเร็จได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษกศบค. กล่าวว่า มาตรการที่ยังคงบังคับใช้ คือการประกาศขยาย พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม มาตรการเคอร์ฟิวเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. การเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ ซึ่งที่รัฐจัดสถานที่กักกันให้ มีคนเข้าไปอยู่จำนวนมากและตรวจพบมีผู้ติดเชื้อกว่า 80 คน ซึ่งหากไม่กักกันตัวไว้ และแต่ละคนกระจายไปอยู่ในสังคม จะทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกกว่า 10,000 คน การจำกัดการบินเข้า-ออกของสายการบินระหว่างประเทศ ออกไปถึงวันที่ 31 พฤษภาคม โดยอนุญาตให้เฉพาะสายการบินบางประเภทเท่านั้น งดและชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด โดยไม่มีเหตุจำเป็น คงการทำงานที่บ้านให้ได้ร้อยละ 50 และห้ามประชาชนเข้าไปหรือใช้สถานที่ที่มีคนจำนวนมาก หรือทำกิจกรรมร่วมกันที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเป็นการชั่วคราว

“ศบค.มีมาตรการผ่อนปรนของแต่ละกิจการและกิจกรรม โดยการดำเนินงานจะต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และนำปัจจัยด้านสังคมและด้านเศรษฐกิจมาประกอบการพิจารณา โดยยึดถือข้อกำหนดต่าง ๆ ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 1 ข้อ 11  เช่น  การทำความสะอาดพื้นผิวของสถานที่ที่เกี่ยวข้องทั้งก่อนและหลังการทำกิจกรรม การกำจัดมูลฝอย การใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ ทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ การล้างมือ การเว้นระยะนั่งและยืน ซึ่งแต่ละกิจการต้องนำไปปรับใช้ สำหรับมาตรการผ่อนปรนประเภทกิจการและกิจกรรม ได้แก่ 1. ตลาด ได้แก่ ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดน้ำ ตลาดชุมชน ถนนคนเดิน และแผงลอย 2.ร้านจำหน่ายอาหาร ได้แก่ ร้านอาหารทั่วไป ร้านเครื่องดื่ม ขนมหวาน ไอศครีม(นอกห้าง) ร้านอาหารริมทาง รถเข็นและหาบเร่” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษกศบค. กล่าวว่า  3.กิจการค้าปลีก-ส่ง ได้แก่ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อบริเวณพื้นที่นั่งและยืนรับประทาน รถเร่หรือรถวิ่งขายสินค้าบริโภค ร้านค้าปลีกขนาดย่อม ค้าปลีกชุมชน และร้านค้าปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม 4.กีฬาและสันทนาการได้แก่กิจกรรมในสวนสาธารณะ ได้แก่ เต้นรำ ไทเก๊ก สนามกีฬากลางแจ้ง ที่เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ได้เล่นเป็นทีมและไม่มีการแข่งขัน ได้แก่ เทนนิส ยิงปืน ยิงธนู จักรยาน กอล์ฟ สนามซ้อม 5. ร้านตัดผม เสริมสวย เฉพาะ ตัด สระไดร์ 6. อื่น ๆ ได้แก่ ร้านตัดขนสัตว์ ร้านรับเลี้ยงรับฝากสัตว์ โดยทั้งหมดให้เริ่มมาตรการได้ในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกำหนดรายละเอียดต่อไป ซึ่งรายละเอียดการปฏิบัติของแต่ละพื้นที่มีความเข้มข้นมากกว่าได้ แต่จะน้อยกว่ามาตรฐานกลางของศบค.ไม่ได้

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มาตรการต่าง ๆไม่ได้เป็นเพียงการดูแลผู้ประกอบการ แต่มีความสำคัญต่อผู้รับบริการด้วย ซึ่งผู้รับบริการจะต้องไม่ได้รับความเสี่ยงในการเกิดโรคขึ้นมาอีก  เพราะฉะนั้นการมีมาตรการออกมาเช่นนี้เพื่อคุ้มครองทั้งสองฝ่าย และถ้าทุกคนเห็นด้วยกับการผ่อนคลาย ฝากให้ทุกคนให้ความร่วมมือและนำมาปรับเพื่อนำไปปฏิบัติต่อไป โดยจะใช้เวลา 14 วันติดตามประเมินผล ถ้ามีตัวเลขการติดเชื้อคงที่ไปเรื่อย ๆ แสดงว่าทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และรู้วิธีการจัดการตัวเอง กิจการและกิจกรรมต่าง ๆได้ดี และจะสามารถเลื่อนระดับการผ่อนคลายในกิจการและกิจกรรมมากขึ้น

“แต่ถ้าใน 14 วัน ตัวเลขการติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นเป็นสองหลักสามหลัก จะต้องถอยหลังกลับมา และมาตรการต่าง ๆ ต้องถูกทบทวนใหม่ทั้งหมด ทุกคนมีส่วนร่วมทั้งหมด ตามหลักการคือจะต้องร่วมกันให้ได้มากกว่าร้อยละ 90 จึงจะสามารถควบคุมโรคได้ ช่วงนี้ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของทุกคน และขอให้ประสบความสำเร็จเหมือนที่เคยปฏิบัติกันมาในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา” โฆษกศบค. กล่าว

ส่วนประชาชนจะกลับมาใช้ชีวิตปกติแบบวิถีใหม่ทั้งหมดได้เมื่อใด นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค.แบ่งระยะไว้เป็น 25% 50% 75% 100% และให้ช่วงเวลาไว้ 14 วัน ถ้าทุกอย่างผ่านไปอย่างดี จะแบ่งเป็น 4 ช่วงคือนับเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน แต่เวลาตรงตามนั้นหรือไม่ และโรคจากหายไปใน 2 เดือนหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเทศไทยอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาจากประเทศต่าง ๆโดยรอบด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คงไม่ได้เป็นคำตอบที่จะบอกชัดเจน 

“ได้เห็นการส่งข้อมูลการพยากรณ์โรค โดยการใช้สถิติว่าตัวเชื้อโรคจะหายไปเมื่อใด ซึ่งนักวิชาการของสิงคโปร์เอาสถิติมาร้อยเรียงกันและบอกว่าประเทศไทยจะหมดเชื้อ 100% ในวันที่ 11 มิถุนายน ซึ่งก็เป็นข่าวดี แต่เป็นการใช้ข้อมูลเมื่ออดีตมาธิบายข้างหน้า แต่ถ้าวันนี้เราร่วมมือกันดีกว่านั้น อาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้ หรือถ้าวันนี้เราหย่อนกันมาก พรุ่งนี้มีติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาสองหลัก สิ่งที่พูดกันวันนี้ แทบจะกลายเป็นศูนย์เลยทันที จึงไม่มีอะไรแน่นอน 100% แต่เราก็อยากจะมีความหวังในเชิงบวก ซึ่งเกิดจากการร่วมมือของประชาชนทุกคน” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีและจะเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และยังต้องการความร่วมมือจากประชาชน 100% หากทุกคนเข้าใจและช่วยกันทำให้เกิดตัวเลขผู้ป่วยเพียงตัวเดียว หากร่วมมือกันต่อไป ยังคงตัวเลขตัวเดียวได้และยังได้อิสระในการจับจ่ายใช้สอยและการประกอบอาชีพเหมือนเดิม ประชาชนทุกคนจะต้องช่วยกันตรวจสอบกิจการนั้น ๆ และ 14 วันจากนี้จะเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลง ปรับตัวและใช้ชีวิตวิถีใหม่ ถ้าช่วยกันได้จะประสบความสำเร็จ ได้เห็นตัวเลขหนึ่งหลักไปอีกสามเดือนข้างหน้า เราจะพ้นภัยกันทั้งประเทศและจะแตกต่างจากที่อื่นทั่วโลก

ผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาการฆ่าตัวตายที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งคล้ายกับว่าเริ่มเป็นพฤติกรรมเลียนแบบของผู้ที่หาทางออกไม่ได้ จะแก้ปัญหานี้อย่างไร โฆษกศบค. กล่าวว่า ข้อมูลต่าง ๆ จากกรมสุขภาพจิตรวบรวมว้ ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ถือเป็นวิกฤติของโลก หน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขจะเข้าไปศึกษาเพื่อหาทางลดจำนวนการสูญเสียจากการฆ่าตัวตาย ซึ่งในหลักการการดูแลปัญหาการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่ป้องกันได้ โดยการแก้ปัญหาที่ตรงจุด จะช่วยลดการสูญเสียได้ 

“ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากใครที่ได้รับผลกระทบและมีความคิดเรื่องการฆ่าตัวตาย ขอให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดให้ความสำคัญและติดต่อมายังกระทรวงสาธารณสุขและสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 8.3 ต่อแสนประชากร แต่ขณะนี้ตัวเลขยังไม่สูงถึงครั้งนั้น ยังมีมาตรการป้องกันที่ช่วยให้ตัวเลขลดลงได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]