เสียชีวิต

ฮานอย 29 ก.ย. – พายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” (Bualoi) ได้พัดเข้าถล่มชายฝั่งเวียดนามในวันจันทร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และสูญหายอีก 17 ราย ขณะที่ลมกระโชกแรงและฝนตกหนักสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือน ทำให้ไฟฟ้าดับ และน้ำท่วมถนน ก่อนที่พายุจะอ่อนกำลังลงขณะเคลื่อนตัวไปยังประเทศลาว สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ระบุว่า ไต้ฝุ่นบัวลอยเคลื่อนตัวไปตามแนวชายฝั่งภาคเหนือตอนกลางของประเทศ ก่อนจะขึ้นฝั่งในช่วงเช้าวันจันทร์ และทำให้เกิดคลื่นสูงถึง 8 เมตร หน่วยงานจัดการภัยพิบัติของรัฐบาล รายงานว่า ชาวประมง 17 คนสูญหาย หลังคลื่นยักษ์ซัดเรือประมง 2 ลำ นอกชายฝั่งจังหวัดกว๋างจิ ขณะที่เรือประมงอีกลำขาดการติดต่อระหว่างเกิดพายุ สำนักข่าวเวียดนาม หรือ วีเอ็นเอ รายงานว่า ลมแรงในจังหวัดนิงห์บิงห์ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บ 7 ราย ส่วนสำนักงานจัดการภัยพิบัติ รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จากน้ำท่วมในเมืองเว้ และอีก 1 ราย เสียชีวิตจากต้นไม้ล้มทับในจังหวัดแถ่งฮว้า […]

ฮานอย 29 ก.ย. – พายุไต้ฝุ่นบัวลอยพัดขึ้นฝั่งบริเวณตอนกลางของเวียดนามแล้วเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย สูญหายอีกหลายคน สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติของเวียดนามระบุว่า พายุไต้ฝุ่นบัวลอยซึ่งมีความเร็วลมสูงสุดถึง 133 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัดขึ้นฝั่งระหว่างจังหวัดกว๋างจิกับจังหวัดเหงะอาน ทางตอนกลางของเวียดนาม ช่วงเช้ามืดวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและพายุกำลังแรงครอบคลุมเป็นบริเวณกว้างตั้งแต่ตอนเหนือของจังหวัดกว๋างจิลงไปถึงจังหวัดทัญฮว้า ขณะที่แถบชายฝั่งมีคลื่นสูงและคลื่นซัดฝั่งรุนแรง ทางการหลายจังหวัดทางภาคกลางของเวียดนามต้องสั่งปิดโรงเรียน บริษัทห้างร้าน โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณริมชายฝั่งและเทือกเขาสูง สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติของเวียดนามพยากรณ์ว่า จะเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลางขึ้นไปถึงภาคเหนือของเวียดนามระหว่าง 28-30 ก.ย. ปริมาณฝนเฉลี่ยอยู่ที่ 250-300 มิลลิเมตร บางพื้นที่ฝนอาจตกหนักถึง 500 มิลลิเมตร ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายจะเพิ่มขึ้นจนอาจล้นฝั่งเข้าท่วมพื้นที่ริมฝั่ง โดยเฉพาะหลายจังหวัดภาคกลาง อย่างจังหวัดทัญฮว้า เหงะอาน และจังหวัดห่าติ๋ญ จนถึงขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตจากผลของพายุไต้ฝุ่นบัวลอยแล้ว 1 ราย สูญหายอีก 4 คน บ้านเรือนกว่า 100 หลังคาเรือนเสียหายหรือหลังคาถูกพัดหาย มีการอพยพชาวบ้านในหลายจังหวัดรวมกว่า 54,000 คน สนามบินในเมืองดานังและจังหวัดใกล้เคียงยกเลิกเที่ยวบิน 42 เที่ยว และมีอีก 51 […]

มะนิลา 26 ก.ย. – พายุโซนร้อน ‘บัวลอย’ ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในวันนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 4 คน คาดว่าพายุจะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ในคืนนี้และอาจจะทวีกำลังแรงขึ้นได้ เจ้าหน้าที่ป้องกันภัยพลเรือนของฟิลิปปินส์กล่าวว่าพายุโซนร้อนบัวลอยซึ่งมีกำลังแรงได้พัดผ่านเกาะลูซอนทางภาคเหนือในวันนี้ ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักกระแสลมแรง สร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนและสถานประกอบการต่างๆ ต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า และป้ายโฆษณาหักโค่น ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 คน ซึ่ง 1 ในจำนวนนี้เสียชีวิตจากการถูกต้นไม้ล้มทับ และอีกคนหนึ่งถูกกำแพงถล่มทับ ตามท้องถนนเต็มไปด้วยเศษซากความเสียหายที่เกิดจากพายุ นอกจากนี้ประชาชนหลายล้านคนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ก่อนที่พายุบัวลอยจะพัดขึ้นฝั่งชาวฟิลิปปินส์หลายแสนคนได้พากันอพยพไปอยู่ตามศูนย์พักพิงชั่วคราว ในกรุงมะนิลาซึ่งมีประชาชนจากชุมชนชายฝั่งทะเล และผู้ที่มีบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำอพยพมาอยู่ในศูนย์ เพราะมีความเสี่ยงว่าบ้านเรือนจะถูกน้ำท่วมฉับพลันหรือเกิดดินถล่ม หลังจากที่ฟิลิปปินส์เพิ่งถูกซูเปอร์ไต้ฝุ่น “รากาซา” พัดถล่มพื้นที่ทางตอนเหนือไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน คาดว่าพายุโซนร้อนบัวลอยจะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ในเวลาหลังเที่ยงคืนวันนี้ และในระหว่างนั้นพายุอาจจะทวีกำลังแรงขึ้นก่อนที่จะพัดขึ้นฝั่งทางภาคกลางเวียดนามในวันเสาร์นี้ จากนั้นจะเคลื่อนตัวลงสู่อ่าวตังเกี๋ยต่อไปในวันอาทิตย์-816.-สำนักข่าวไทย

ฮวาเหลียน, ไต้หวัน, 25 ก.ย. – ไต้หวันยังคงค้นหาผู้สูญหาย 22 ราย ในวันพฤหัสบดี หลังซูเปอร์ไต้ฝุ่น “รากาซา” (Ragasa) ที่พัดถล่มทำให้เกิดน้ำท่วมล้นทะเลสาบสันดอนกั้นที่อยู่เหนือเมืองเล็ก ๆ บนชายฝั่งตะวันออกที่ห่างไกล โดยภัยพิบัติครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นผู้สูงอายุเกินกว่าที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำให้อพยพขึ้นไปอยู่บนชั้นสองของบ้าน จำนวนผู้เสียชีวิตในไต้หวันถูกปรับลดลงจาก 17 ราย เหลือ 14 ราย หลังเกิดฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุรากาซาในเทศมณฑลฮวาเหลียน ทำให้ทะเลสาบสันดอนกั้นที่บนภูเขามีน้ำล้นทะลักและปล่อยปริมาณน้ำขนาดมหาศาลเข้าท่วมเมืองกว่างฟู่ (Guangfu) รัฐบาลยังปรับลดจำนวนผู้สูญหายจาก 33 ราย เหลือ 22 ราย เนื่องจากสามารถติดตามตัวผู้คนได้มากขึ้น ตามปกติแล้ว ไต้หวันมีแผนการอพยพที่ซักซ้อมมาอย่างดีก่อนเกิดพายุไต้ฝุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภูเขาและชายฝั่งตะวันออกที่มีประชากรเบาบาง ซึ่งช่วยจำกัดจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายได้ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามว่าคำสั่งให้อพยพจากชั้นล่างขึ้นไปชั้นบนนั้นเหมาะสมหรือไม่ และมีสิ่งใดบ้างที่สามารถทำแตกต่างไปจากเดิมได้ นายกรัฐมนตรีโช จุง-ไถ (Cho Jung-tai) กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพฤหัสบดีว่า นอกเหนือจากการไว้อาลัยเหยื่อผูัเสียชีวิตแล้ว รัฐบาลต้องสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ชั้นหนึ่งของบ้านพักอาศัย การหาความกระจ่างในเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปรับปรุงระเบียบปฏิบัติการอพยพในอนาคต พื้นที่ชนบทหลายแห่งของไต้หวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตะวันออก มีประชากรสูงอายุจำนวนมาก เนื่องจากคนหนุ่มสาวได้ย้ายเข้าเมืองเพื่อหางานที่ดีกว่า นายหลิน จุง-หลู่ (Lin Jung-lu) […]

ฮวาเหลียน, ไต้หวัน 24 ก.ย. – สำนักงานดับเพลิงไต้หวันรายงานในวันพุธว่า มีผู้เสียชีวิต 14 รายในเมืองฮวาเหลียน ทางตะวันออกของไต้หวัน และมีผู้สูญหายอีก 124 ราย หลังจากที่ระดับน้ำในทะเลสาบสันดอนกั้นบนภูเขาล้นแนวกั้นและเข้าท่วมเมืองในช่วงที่พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” พัดผ่าน นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ไต้หวันถูกพัดถล่มด้วยอิทธิพลของซูเปอร์ไต้ฝุ่นรากาซา ซึ่งขณะนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งทางใต้ของจีนและฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย ทะเลสาบสันดอนกั้น ซึ่งเกิดจากดินถล่มจากฝนที่ตกหนักก่อนหน้านี้ในพื้นที่ทางตะวันออกที่มีประชากรเบาบางของเกาะ ได้เกิดน้ำล้นตลิ่งเมื่อช่วงบ่ายวันอังคาร ส่งน้ำปริมาณมากเข้าท่วมเมืองกวงฟู่ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกล่าวว่า ผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายทั้งหมดอยู่ในเมืองกวงฟู่ ซึ่งกระแสน้ำได้พัดสะพานข้ามแม่น้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งพังทลายลง หลายภูมิภาคทั่วไต้หวันได้ส่งทีมกู้ภัยไปยังฮวาเหลียน โดยกองทัพได้ส่งทหาร 340 นายเข้าช่วยเหลือ ในเมืองกวงฟู่ ทหารที่ใช้รถลำเลียงพลหุ้มเกราะเพื่อหลีกเลี่ยงโคลนที่หนาบนถนน ได้เดินแจกน้ำและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตามบ้านเรือน ข้อมูลของรัฐบาลระบุว่า ประชาชนประมาณ 5,200 คน หรือประมาณ 60% ของประชากรเมืองกวงฟู่ ได้ขึ้นไปหลบภัยที่ชั้นสูงของบ้านเรือนของตนเอง ขณะที่ส่วนใหญ่ที่เหลือได้ออกไปพักอยู่กับครอบครัว รัฐบาลประเมินว่าทะเลสาบสันดอนกั้นดังกล่าวมีปริมาณน้ำ 91 ล้านตัน ซึ่งสามารถเติมสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิกได้ประมาณ 36,000 สระ และเทียบเท่ากับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของไต้หวัน รัฐบาลกล่าวว่าทะเลสาบปล่อยน้ำออกมาประมาณ 60 ล้านตัน ในฮ่องกง ถนนต่างๆ […]

ยามากาตะ, ญี่ปุ่น 21 ก.ย. – จังหวัดยามากาตะ ซึ่งถิอเป็นศูนย์กลางของผู้ที่ชื่นชอบราเม็งของญี่ปุ่น กลุ่มนักวิจัยเสนอผลการศึกษาที่ชี้ว่า การบริโภคอาหารจานเส้นที่เป็นที่รักนี้ 3 ครั้งหรือมากกว่าต่อสัปดาห์อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า การศึกษาร่วมกันที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยหลายแห่งในจังหวัดยามากาตะทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการบริโภคราเม็งสูงที่สุดในญี่ปุ่น พบว่าผู้ที่รับประทานราเม็งเป็นประจำมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่กินเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งประมาณ 1.5 เท่า อย่างไรก็ตาม นักวิจัยย้ำว่าผลการศึกษาดังกล่าวยังไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่มากพอจะสรุปได้ว่าราเม็งเป็นอันตรายอย่างชัดเจน และตั้งข้อสังเกตว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความเชื่อมโยงระหว่างพฤติกรรมการกินบะหมี่บ่อยครั้งกับผลลัพธ์ด้านสุขภาพ การศึกษานี้ได้ติดตามผู้อยู่อาศัย 6,725 คนในจังหวัดยามากาตะที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เป็นเวลาประมาณ 4 ปีครึ่ง โดยแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมตามความถี่ในการกินราเม็ง ตั้งแต่ “น้อยกว่าเดือนละครั้ง” ไปจนถึง “3 ครั้งหรือมากกว่าต่อสัปดาห์” และปรับค่าสถิติเพื่อนำปัจจัยด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์อื่น ๆ มาร่วมพิจารณาด้วย ผลปรากฏว่ากลุ่มที่มีความเสี่ยงเสียชีวิตต่ำที่สุดคือผู้ที่กินราเม็งสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง สำหรับบางกลุ่มความเสี่ยงจะเพิ่มสูงขึ้น ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 70 ปีที่กินราเม็ง 3 ครั้งหรือมากกว่าต่อสัปดาห์มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่กินสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งถึงกว่าสองเท่า และคนรักราเม็งที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำร่วมด้วย ความเสี่ยงของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นไปอีกถึง 2.7 เท่า […]

นิวเดลี 17 ก.ย. – สื่อท้องถิ่นของอินเดียรายงานวันนี้ว่า เหตุดินถล่มและฝนตกหนักในรัฐอุตตราขัณฑ์ ที่ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาหิมาลัยของอินเดีย คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 15 ราย และยังมีผู้สูญหายอีก 16 คน ภาพวิดีโอที่เผยแพร่ในสื่อต่างๆ แสดงให้เห็นกระแสน้ำโคลนที่ไหลบ่าเข้าท่วมเมืองสหัสตราธารา (Sahastradhara) ในเขตเดห์ราดูน เมื่อวันอังคาร ทำให้ร้านค้า ถนนหนทาง และบ้านเรือนพังเสียหาย ในขณะที่ผู้คนต้องหาที่กำบังอยู่หลังกำแพง ชาวบ้านรายหนึ่งบอกกับสำนักข่าวเอเอ็นไอว่า ร้านค้าของเขาถูกน้ำพัดหายไปทั้งหมด และร้านของเขาเป็น 1 ใน 7 ร้านที่ถูกกระแสน้ำพัดหายไปจากตลาดจนไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย หนังสือพิมพ์ “อินเดียนเอ็กซ์เพรส” (Indian Express) รายงานว่าในวันอังคาร เจ้าหน้าที่กู้ร่างผู้เสียชีวิตได้ 13 ราย สำหรับรัฐอุตตราขัณฑ์เป็นพื้นที่ที่มักเกิดน้ำท่วมและดินถล่มบ่อยครั้ง เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กระแสน้ำและโคลนจากน้ำท่วมได้ไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านดาราลิ (Dharali) ในรัฐอุตตราขัณฑ์ ซึ่งทางการระบุว่ายังมีผู้สูญหายอีกกว่า 60 คน.-813.-สำนักข่าวไทย

จาการ์ตา 11 ก.ย. – เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินโดนีเซีย กล่าววันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมบนเกาะบาหลีในสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้นจาก 9 เป็น 14 รายแล้ว แม้ว่าฝนจะหยุดตกและระดับน้ำในพื้นที่ส่วนใหญ่เริ่มลดลงแล้ว โฆษกสำนักงานบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า มีผู้สูญหาย 2 ราย ในเมืองเดนปาซาร์ ซึ่งเป็นเมืองเอกของเกาะบาหลี ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของอินโดนีเซีย และมีเจ้าหน้าที่กู้ภัย 125 นาย ถูกส่งไปค้นหาผู้สูญหาย เขากล่าวเสริมว่า มีประชาชนกว่า 500 คน ถูกอพยพไปยังโรงเรียนและมัสยิด เพื่อพักอาศัยเป็นการชั่วคราว ฝนที่ตกหนักตั้งแต่วันอังคารถึงวันพุธได้ก่อให้เกิดน้ำท่วมในเมืองเดนปาซาร์ และ 6 ใน 8 ภูมิภาคของบาหลี ส่งผลให้ถนนสายหลักหลายสายถูกปิด รวมถึงเส้นทางเข้าสู่สนามบินนานาชาติของเกาะ นอกจากนี้ยังเกิดเหตุดินถล่มในบางพื้นที่ด้วย สำนักงานบรรเทาสาธารณภัยระบุว่า ไม่มีชาวต่างชาติอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิต และไม่มีรายงานการยกเลิกเที่ยวบินในวันพฤหัสบดี เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเร่งสูบน้ำออกจากอาคารที่ถูกน้ำท่วมหลายแห่ง และทหารประมาณ 500 นาย ถูกส่งไปทำความสะอาดถนนที่เต็มไปด้วยโคลน ซากปรักหักพัง และก้อนหิน นอกจากนี้ ฝนที่ตกหนักยังทำให้เกิดน้ำท่วมในจังหวัดนูซาเต็งการาตะวันออกของอินโดนีเซีย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย.-813.-สำนักข่าวไทย