ยูเอ็นประณามเหตุความรุนแรงในเนปาล

กาฐมาณฑุ 10 ก.ย. – นายโวลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้ออกแถลงการณ์ในวันอังคารประณามเหตุความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ที่เกิดขึ้นในเนปาล และเรียกร้องให้มีการสอบสวนการเสียชีวิตของผู้ประท้วงระหว่างการเดินขบวนต่อต้านการทุจริตที่นำโดยกลุ่มคนหนุ่มสาว การประท้วงครั้งนี้ส่งผลให้นายเคพี ชาร์มา โอลิ นายกรัฐมนตรีเนปาล ต้องลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่ผู้ประท้วงได้ฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิวและปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันก่อนหน้ามีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงถึง 19 คน ชนวนเหตุสำคัญของการประท้วงมาจากการที่รัฐบาลของนายโอลิสั่งห้ามใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งแม้จะมีการยกเลิกคำสั่งในภายหลัง แต่ความรุนแรงก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยมีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน และผู้เสียชีวิตรวม 19 คน หลังจากเจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางสลายการชุมนุม เหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ถือเป็นความวุ่นวายครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล ที่เป็นประเทศที่ยากจนในเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเผชิญกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี 2008 กลุ่มคนหนุ่มสาวชาวเนปาลจำนวนมากต่างไม่พอใจกับปัญหาการว่างงาน และหลายล้านคนต้องเดินทางไปทำงานในต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพและส่งเงินกลับบ้านเกิด.-813.-สำนักข่าวไทย

ประท้วงเผาเมืองป่วนเนปาล

กาฐมาณฑุ 10 ก.ย. – การประท้วงกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ หรือ เจนซี (Gen Z) ในเนปาลลามไม่หยุด แม้นายกรัฐมนตรีจะยอมลาออกจากตำแหน่งและรัฐบาลยกเลิกการปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ โดยเมื่อวานนี้ การประท้วงใหญ่เกิดขึ้นทั้งในกรุงกาฐมาณฑุและอีกหลายเมืองทั่วประเทศ แม้จะมีคำสั่งเคอร์ฟิวตลอด 24 ชั่วโมงของรัฐบาลแต่ผู้ประท้วงไม่สนใจ ออกมารวมตัวชุมนุมประท้วงและก่อจลาจลอย่างบ้าคลั่ง มีการจุดไฟเผาอาคารรัฐสภา อาคารที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง ที่ทำการของพรรคร่วมรัฐบาล บ้านพักของ เค.พี.ชาร์มา โอลี นายกรัฐมนตรีที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ รวมถึงบ้านพักของรัฐมนตรีในรัฐบาลอีกหลายคน ที่ต้องพากันหนีเอาตัวรอดจากม็อบที่โกรธแค้นไปหลบภายใต้การดูแลความปลอดภัยของทหาร ผู้ประท้วงได้บุกเข้าสู่พื้นที่รัฐสภาหลังจากได้ทราบข่าวการลาออกของนายกรัฐมนตรี ชูมือโห่ร้อง และทำล้ายทรัพย์สินภายในอาคารรัฐสภาก่อนจุดไฟเผา ขณะเดียวกัน มีรายงานว่านักโทษกว่า 900 คนได้หลบหนีออกจากเรือนจำ 2 แห่งทางตะวันตกของกรุงกาฐมาณฑุด้วย สถานการณ์ทั่วเมืองหลวงปั่นป่วนหนัก ท่าอากาศยานระหว่างประเทศถูกสั่งปิดเพื่อความปลอดภัย มีรายงานผู้เสียชีวิตเมื่อวานนี้เพิ่มอีก 3 ราย เค.พี. ชาร์มา โอลี นายกรัฐมนตรีเนปาล ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ หลังจากเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงเมื่อวันจันทร์ที่มีผู้เสียชีวิต 19 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 300 คน โดยมีสาเหตุมาจากการความไม่พอใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่ต่อรัฐบาลที่สั่งห้ามการเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ แม้ว่ารัฐบาลจะยกเลิกคำสั่งดังกล่าวในเวลาต่อมา แต่การประท้วงยังคงเกิดขึ้นต่อไปและลุกลามบานปลายต่อเนื่อง กลุ่มผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ […]

นายกฯ เนปาลลาออก หลังเกิดการประท้วงหนัก

กาฐมาณฑุ 9 ก.ย. – สถานการณ์ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลเนปาลกำลังลุกลามอย่างหนัก ล่าสุดนายกรัฐมนตรีตัดสินใจลาออกแล้ว ส่งผลให้การเมืองเนปาลต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนอีกครั้ง บุคคลใกล้ชิดของนายเค.พี ชาร์มา โอลี นายกรัฐมนตรีเนปาลเปิดเผยเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาว่านายโอลีตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลลุกลามบานปลายและยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในวันนี้มีการชุมนุมใหญ่อีกครั้ง ผู้ประท้วงได้จุดไฟเผายางรถยนต์บนถนนวงแหวนรอบกรุงกาฐมาณฑุโดยไม่สนใจการประกาศเคอร์ฟิวของรัฐบาล ซึ่งเป็นการประกาศแบบไม่กำหนดช่วงเวลา และบังคับใช้อย่างไม่มีกำหนด ซึ่งในระหว่างนี้การชุมนุมประท้วง และการรวมตัว เป็นสิ่งต้องห้าม โรงเรียนห้างร้านต่างๆ ต้องปิดทำการ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายโอลีได้เรียกประชุมพรรคการเมืองทุกพรรคโดยกล่าวว่าความรุนแรงไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติและต้องหาทางแก้ปัญหาด้วยการเจรจาอย่างสันติ หลังจากเมื่อคืนนี้รัฐบาลได้ยอมยกเลิกมาตรการปิดกั้นการเข้าถึงโซเชียลมีเดียหลายแพล็ตฟอร์ม รวมทั้งเฟสบุ๊ก โดยให้เหตุผลว่าแพล็ตฟอร์มเหล่านี้ไม่ยอมลงทะเบียนกับทางการเพื่อปรามปรามการใช้โซเชียลมีเดียอย่างไม่เหมาะสมหลังจากเมื่อวานนี้เกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุมที่พยายามจะบุกเข้าไปในรัฐสภา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 17 คนในกรุงกาฐมาณฑุ และที่เมืองอิตาฮารีมีผู้เสียชีวิตไป 2 คน นอกจากนี้ยังผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน.-816.-สำนักข่าวไทย

ผู้ประท้วงต้านคอร์รัปชันในเนปาลเมินเคอร์ฟิว

กาฐมาณฑุ 9 ก.ย. – ผู้ชุมนุมต่อต้านการคอร์รัปชันในเนปาลฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิว หรือ ห้ามออกนอกเคหะสถาน ที่บังคับใช้ตลอดเวลา โดยมีการปะทะกับตำรวจและตะโกนคำขวัญต่อต้านนายกรัฐมนตรีเค พี ชาร์มา โอลิ (K.P. Sharma Oli) หลังจากเหตุประท้วงที่รุนแรงจากคำสั่งห้ามใช้งานโซเชียลมีเดียทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 19 คน รัฐบาลของนายโอลิได้ยกเลิกคำสั่งห้ามใช้งานโซเชียลมีเดียแล้ว หลังจากที่การประท้วงทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 19 รายและบาดเจ็บกว่า 100 ราย ภายหลังจากที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่ผู้ประท้วงที่พยายามบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันจันทร์ ความไม่สงบครั้งนี้นับเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล ซึ่งเป็นประเทศที่ต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจมาตั้งแต่การประท้วงที่นำไปสู่การยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี 2008 ในวันอังคาร นายโอลิยังได้เรียกประชุมพรรคการเมืองทุกพรรค โดยกล่าวว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและต้องหันมาใช้การเจรจาอย่างสันติเพื่อหาทางออกให้กับทุกปัญหา อย่างไรก็ตาม ความโกรธเคืองต่อรัฐบาลยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทาลง เนื่องจากผู้ประท้วงได้รวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภาและสถานที่อื่น ๆ ในกรุงกาฐมาณฑุ เพื่อท้าทายคำสั่งเคอร์ฟิวที่ทางการประกาศใช้ ผู้ประท้วงยังได้เรียกร้องให้ประชาชนเข้าร่วมพิธีไว้อาลัยเพื่อรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตในการประท้วงเมื่อวันจันทร์ด้วย ผู้ประท้วงบางส่วนได้จุดไฟเผายางรถยนต์บนถนนบางสาย ขว้างก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลที่ไล่ติดตามพวกเขาไปตามตรอกซอกซอยที่แคบ ขณะที่บางคนเฝ้าดูและถ่ายวิดีโอเหตุการณ์ปะทะกันด้วยโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ควันดำหนาทึบพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า พยานผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ผู้ประท้วงจุดไฟเผาบ้านของนักการเมืองบางคนในกรุงกาฐมาณฑุ และสื่อท้องถิ่นรายงานว่ารัฐมนตรีบางคนถูกเฮลิคอปเตอร์ทหารนำตัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย นายโอลิ วัย 73 ปี สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สี่เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 14 ของประเทศนับตั้งแต่ปี 2008 รัฐมนตรีสองคนในคณะรัฐมนตรีของเขาได้ลาออกเมื่อคืนวันจันทร์ […]

ประท้วงปิดกั้นสื่อออนไลน์ในเนปาล ตาย 19 ราย

กาฐมาณฑุ 9 ก.ย. – ตำรวจปราบจลาจลเนปาลเผชิญหน้าอย่างรุนแรงกับกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมากที่ออกมารวมตัวชุมนุมในกรุงกาฐมาณฑุ และพยายามบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย บาดเจ็บและถูกควบคุมตัวอีกจำนวนมาก ตำรวจปราบจลาจลเนปาลยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษาและเยาวชน ที่รวมตัวชุมนุมด้านนอกอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุเมื่อวานนี้ ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงขว้างปาก้อนหินและสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ และพยายามที่จะฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่เพื่อบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา มีรายงานผู้ประท้วงเสียชีวิต 19 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน ขณะที่ตำรวจปราบจลาจล 28 นายก็บาดเจ็บระหว่างปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน การประท้วงเกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากผู้คนในเนปาลจำนวนมากไม่พอใจรัฐบาลที่ออกประกาศคำสั่งระงับการเข้าถึงแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์หลายแห่ง ทั้งเฟซบุ๊ก ยูทูบ อินสตาแกรม และเอ็กซ์ หรือ ทวิตเตอร์เดิม อ้างแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งให้ลงทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐ รัฐบาลเนปาลระบุว่า ผู้ใช้งานที่สร้างบัญชีปลอมกำลังเผยแพร่ความเกลียดชัง ข่าวปลอม ก่ออาญากรรมไซเบอร์ และยังบ่อนทำลายความสงบในสังคม การเคลื่อนไหวต่อต้านมาตรการดังกล่าวบานปลายกลายเป็นความรุนแรง มีเยาวชนจำนวนมากออกมาร่วมประท้วงตามท้องถนน พร้อมระบุว่านี่คือการประท้วงของคนรุ่นใหม่ในเนปาล และว่ามาตการดังกล่าวของรัฐบาลเป็นการปิดกั้นสื่อและสิทธิเสรีภาพของผู้คนเนปาลกว่าร้อยละ 90 จากประชากรทั้งประเทศราว 30 ล้านคน ในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและความบันเทิงต่างๆ ทางสื่อออนไลน์ นอกจากประท้วงมาตรการปิดกั้นการเข้าถึงสื่อออนไลน์ของรัฐบาลแล้ว กลุ่มคนรุ่นใหม่ในเนปาลยังถือโอกาสนี้ออกมาประท้วงต่อต้านและแสดงความไม่พอใจต่อรัฐบาลที่ไม่แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการทุจริตในแวดวงราชการและการเมือง.-815.-สำนักข่าวไทย

ชาวชิคาโกต่อต้านการส่งทหารของ ‘ทรัมป์’

ชิคาโก 7 ก.ย. – ประชาชนหลายพันคนในนครชิคาโกได้ออกมารวมตัวกันเดินขบวนประท้วงในใจกลางเมืองในวันเสาร์เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านแผนการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะส่งกองกำลังทหารของรัฐบาลกลางเข้ามาทำหน้าที่ในเมืองและเพิ่มปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง ผู้ประท้วงหลายพันคนตะโกนคัดค้านนโยบายของทรัมป์ พร้อมชูป้ายข้อความต่าง ๆ เช่น “ยกเลิกไอซ์” และ “ไม่เอาทรัมป์ ไม่เอาทหาร” เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายทรัมป์กล่าวว่าจะส่งทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) เข้ามาปราบปรามอาชญากรรมในนครชิคาโก ซึ่งถือเป็นการใช้กำลังทหารในเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และน่าจะนำไปสู่การต่อสู้ทางกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ต่อมาเมื่อวันศุกร์ นายทรัมป์ยังได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อเปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหม (Department of Defense) เป็น “กระทรวงสงคราม” (Department of War) อีกด้วย นายเจบี พริตซ์เกอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ สมาชิกพรรคเดโมแครตและผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายทรัมป์อย่างเปิดเผย กล่าวเมื่อวันอังคารว่า เขาเชื่อว่าการบุกตรวจค้นของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแห่งสหรัฐอเมริกา จะเกิดขึ้นพร้อมกับเทศกาลวันประกาศอิสรภาพของเม็กซิโกที่กำหนดจัดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้และสุดสัปดาห์หน้า ทำให้เทศกาลเม็กซิกันบางแห่งในพื้นที่นครชิคาโกต้องถูกเลื่อนหรืองดไป เนื่องจากความหวาดกลัวต่อการบุกค้นของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง.-813.-สำนักข่าวไทย

นักศึกษาอินโดฯ เตรียมประท้วงที่รัฐสภา-รอเจรจารัฐบาล

จาการ์ตา 4 ก.ย. – กลุ่มนักศึกษาอินโดนีเซียกล่าวว่า พวกเขาจะจัดการประท้วงที่อาคารรัฐสภาในกรุงจาการ์ตาในวันพฤหัสบดีนี้ ในขณะที่ข้อเสนอในการนัดพบเจรจากับรัฐบาลเกี่ยวกับการประท้วงครั้งใหญ่ที่มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 10 รายยังไม่เกิดขึ้น การประท้วงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งนำโดยนักศึกษา กลุ่มแรงงาน และกลุ่มสิทธิมนุษยชน ได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ หลังจากที่รถของตำรวจได้ชนและทำให้คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างคนหนึ่งเสียชีวิตในขณะที่ตำรวจพยายามควบคุมการชุมนุมของประชาชน การประท้วงบางครั้งก็รุนแรงขึ้น กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิต 10 ราย และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 1,000 คนจากเหตุการณ์ปล้นทรัพย์และจลาจล กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้ออกมาประณามการใช้กำลังรุนแรงของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ก่อนการประท้วงในวันพฤหัสบดี กลุ่มพันธมิตรขององค์กรนักศึกษาซึ่งรู้จักกันในชื่อ “บีอีเอ็ม เอสไอ” (BEM SI) ได้กล่าวว่า ความวิตกกังวลของประชาชนไม่ได้มาจากการประท้วงบนท้องถนน แต่เกิดจากการทุจริตและการทำให้กฎหมายเป็นเรื่องการเมือง กลุ่มสหภาพนักศึกษา 10 แห่งได้พบกับสมาชิกรัฐสภาในวันพุธและเรียกร้องให้มีการสอบสวนที่เป็นอิสระเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงของตำรวจ ในขณะที่หยิบยกผลประโยชน์จำนวนมหาศาลที่สมาชิกสภาได้รับมาเปรียบเทียบกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่ชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่ต้องเผชิญ รองประธานสภาได้เสนอโอกาสให้ตัวแทนผู้ประท้วงได้พบกับตัวแทนจากรัฐบาลในวันพฤหัสบดี แต่ผู้นำกลุ่มนักศึกษากล่าวว่ายังไม่มีการติดตามผลคำเชิญดังกล่าว กลุ่มแรงงาน “”เกบรัก” (Gebrak) ก็จะจัดการประท้วงในกรุงจาการ์ตาในวันพฤหัสบดีเพื่อต่อต้านการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้้าที่ด้านความมั่นคง และเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัว “ฮิวแมน ไรท์ วอทช์” (Human Rights Watch) ซึ่งเป็นกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่มีสำนักงานในนครนิวยอร์กของสหรัฐ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ทางการอินโดนีเซียได้ควบคุมตัวผู้คนไปแล้วกว่า 3,000 คนในการปราบปรามทั่วประเทศ.-813.-สำนักข่าวไทย

สภาฯ ประท้วงวุ่น องค์ประชุมไม่ครบ “ฉลาด” ชิงปิด-ถกต่อ 5 ก.ย.

รัฐสภา 3 ก.ย.- สภาฯ ประท้วงวุ่น องค์ประชุมไม่ครบ “เพื่อไทย” ซัด ในห้องไม่มี ภท.อยู่ แซะ ปชน. ตอนลงนามได้ถามเรื่ององค์ประชุมหรือไม่ ขณะที่ “วิโรจน์-ปกรณ์วุฒิ” บอกกี่ชั่วโมงก็รอได้ สุดท้าย “ฉลาด” ชิงปิดประชุม ไปถกต่อ 5 ก.ย. ทำ “ณัฐวุฒิ” โวยลั่นรอนิดเดียวก็ไม่ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเย็น ซึ่งเป็นการประชุมพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ. … หรือกฎหมาย PRTR ที่เสนอโดยน.ส.เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 11,685 คน เป็นผู้เสนอ ซึ่งเป็นการพิจารณาในวาระ 1 โดยช่วงหนึ่งที่มีการลงมติ ที่ดูเหมือนสส.จะอยู่ในห้องประชุมน้อย โดยเฉพาะที่สส.พรรคภูมิใจไทย จำนวนหนึ่งกลับไปอยู่ที่พรรค ทำให้ใช้เวลานานในการรอสมาชิก แต่นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯคนที่ 2 ที่ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ไม่สามารถขานองค์ประชุมได้ ทำให้นายวิโรจน์ […]

สตรีอินโดนีเซียสวมชุดชมพูประท้วงเรียกร้องการปฏิรูป

จาการ์ตา 3 ก.ย. – สตรีอินโดนีเซียหลายร้อยคนสวมเครื่องแต่งกายสีชมพูเข้าร่วมการประท้วงในกรุงจาการ์ตาในวันนี้ เพื่อต่อต้านสิทธิพิเศษของสมาชิกรัฐสภาและการใช้ความรุนแรงของตำรวจ โดยถือไม้กวาดเป็นสัญลักษณ์ในการเรียกร้องให้มีการปฏิรูป กลุ่มสตรีเหล่านี้ถือป้ายที่มีข้อต่อต้านการใช้ความรุนแรง รวมถึงถือไม้กวาดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้จัดการประท้วงจากกลุ่ม “ดิ อะลายอานซ์ ออฟ อินโดนีเชียน วิเมน” (The Alliance of Indonesian Women) กล่าวว่าต้องการกวาดล้างสิ่งสกปรกของรัฐ และการปราบปรามของกองกำลังความมั่นคง มุเตียรา อิคา ปราติวี ผู้ประสานงานการประท้วงวัย 38 ปี กล่าวว่าการประท้วงของสตรีเป็น “รูปแบบของความโกรธและความกล้าหาญ” โดยกลุ่มต้องการให้เสียงของพวกเขาได้รับการรับฟัง เธอเสริมว่านโยบายของรัฐบาลในปัจจุบันได้ทำให้ประชาชนต้องเผชิญกับปัญหาการว่างงาน ความรุนแรง และการเลือกปฏิบัติ ซึ่งก่อให้เกิดความโกรธแค้นและความไม่พอใจ การประท้วงที่เริ่มต้นในกรุงจาการ์ตาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ส่งผลกระทบต่อรัฐบาล โดยการชุมนุมได้ลุกลามไปทั่วประเทศหลังจากรถยนต์ของตำรวจคันหนึ่งได้ชนคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างคนหนึ่งเสียชีวิตเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิต 10 คนจากการประท้วงครั้งนี้ ซึ่งยังทำให้เกิดการปล้นทรัพย์สินและจลาจลบางส่วนด้วย ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต กล่าวว่ากองทัพและตำรวจจะยืนหยัดอย่างมั่นคงเพื่อต่อต้านการใช้ความรุนแรง นอกจากนี้ ประธานาธิบดีปราโบโวยังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าความไม่สงบส่วนหนึ่งมีสัญญาณของการก่อการร้ายและการกบฏอยู่ด้วย.-813.-สำนักข่าวไทย

ตำรวจอินโดฯ ใช้แก๊สน้ำตากับผู้ประท้วงใกล้มหาวิทยาลัย

จาการ์ตา 2 ก.ย. (รอยเตอร์) – กลุ่มนักศึกษาและเจ้าหน้าที่กล่าววันอังคารว่า ตำรวจอินโดนีเซียได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงใกล้กับมหาวิทยาลัยสองแห่งในเมืองใหญ่แห่งหนึ่งในภูมิภาค ซึ่งเป็นการเพิ่มความตึงเครียดใหม่ให้กับการประท้วงรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและกระทบเสถียรภาพของประเทศมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว องค์กรนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอิสลามแห่งบันดุง (Islamic University of Bandung) หรือที่รู้จักกันในชื่อท้องถิ่นว่า “ยูนิสบา” UNISBA และมหาวิทยาลัยปาซุนดัน (Pasundan University) ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงจาการ์ตาไปทางตะวันตกมากกว่า 140 กิโลเมตร ระบุผ่านทางอินสตาแกรมว่า เจ้าหน้าที่ได้กระป๋องแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ประท้วงใกล้กับมหาวิทยาลัยเมื่อเย็นวันจันทร์ ในขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้บุกเข้าไปในมหาวิทยาลัย แต่พยายามสลายกลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่ใช่นักศึกษา ซึ่งกำลังหาที่หลบภัยภายในมหาวิทยาลัย เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านั้นได้ปิดกั้นถนนในพื้นที่ นายฮาริทส์ นูมาน คณบดีของยูนิสบากล่าวสอดคล้องกับแถลงการณ์ของตำรวจ พร้อมเสริมว่ามหาวิทยาลัยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์สำหรับผู้ประท้วง องค์กรนักศึกษาของยูนิสบาระบุว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคง โจมตีมหาวิทยาลัยอย่างรุนแรง โดยระบุว่าแก๊สน้ำตาทำให้เกิดปัญหาการหายใจสำหรับนักศึกษาบางคน และกล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่าพยายามปิดปากผู้ที่เห็นต่าง นักศึกษาในมหาวิทยาลัยถือเป็นผู้บุกเบิกประชาธิปไตยของอินโดนีเซียมาอย่างยาวนาน รวมถึงการมีบทบาทนำในการประท้วงที่ช่วยโค่นล้มประธานาธิบดีซูฮาร์โต ผู้นำเผด็จการในปี พ.ศ. 2541 โดยประธานาธิบดีคนปัจจุบัน นายปราโบโว ซูเบียนโต เคยเป็นผู้นำทางทหารภายใต้การปกครองในสมัยของนายซูฮาร์โต การประท้วงเริ่มต้นในกรุงจาการ์ตาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีเป้าหมายที่การใช้จ่ายของรัฐบาล เช่น สวัสดิการที่เพิ่มขึ้นสำหรับสมาชิกรัฐสภาและการประท้วงลุกลามไปทั่วประเทศ โดยมีการจลาจลและปล้นทรัพย์เกิดขึ้นในบางพื้นที่ หลังจากรถตำรวจคันหนึ่งได้พุ่งชนและทำให้คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างเสียชีวิต […]

protesters burn infrastructure in Indonesia

เหตุประท้วงบานปลาย ทำผู้นำอินโดฯ ยกเลิกไปจีน

จาการ์ตา 31 ส.ค. – ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ของอินโดนีเซีย ยกเลิกกำหนดการเดินทางไปจีน เนื่องจากเหตุประท้วงในอินโดนีเซีย บานปลาย มีรัฐสภาท้องถิ่นถูกวางเพลิงหลายแห่ง เดิมประธานาธิบดีปราโบโวมีกำหนดการเข้าร่วมชมขบวนพาเหรดเนื่องในวันชัยชนะที่จีนในวันที่ 3 กันยายน ฉลองครบ 80 ปีของการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โฆษกประธานาธิบดีออกคลิปแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ว่า ประธานาธิบดีต้องการเฝ้าติดตามสถานการณ์ในประเทศด้วยตนเองและหาทางออกที่ดีที่สุด จึงได้ขออภัยต่อรัฐบาลจีนว่าไม่สามารถเดินทางไปตามคำเชิญได้ นอกจากนี้ประธานาธิบดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องยกเลิกกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 80 (UNGA80) ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐ ในเดือนกันยายนด้วย การประท้วงในอินโดนีเซียเริ่มขึ้นในกรุงจาการ์ตา เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม โดยมีชนวนเหตุจากความไม่พอใจเรื่องการเสนอขึ้นค่าที่พักรายเดือนให้แก่สมาชิกรัฐสภา คิดเป็น 10 เท่าของค่าแรงขั้นต่ำในกรุงจาการ์ตา ซึ่งสูงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอยู่แล้ว จากนั้นเกิดเหตุคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างออนไลน์ถูกรถหุ้มเกราะของตำรวจชนเสียชีวิต กระตุ้นให้ผู้คนออกมาชุมนุมในเมืองหลวง และบานปลายไปอีกหลายพื้นที่ เป็นบททดสอบใหญ่ครั้งแรกของรัฐบาลปราโบโวที่ขึ้นบริหารประเทศมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เมื่อเช้าวันเสาร์ผู้ประท้วงได้วางเพลิงอาคารรัฐสภาในจังหวัดนูซาเติงการาตะวันตก จังหวัดชวากลาง และจังหวัดชวาตะวันตก ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุมใน 2 จังหวัดแรก ส่วนเมื่อวันศุกร์มีการวางเพลิงอาคารรัฐสภาในจังหวัดสุลาเวสีใต้ ทำให้ผู้ติดอยู่ในอาคารเสียชีวิต 3 คน และมีคนได้รับบาดเจ็บเพราะกระโดดออกมาจากอาคาร 2 คน […]

ผู้ประท้วงอินโดนีเซียเผาอาคารรัฐสภาท้องถิ่น-ดับ 3

มากัสซาร์, อินโดนีเซีย 30 ส.ค. – เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเปิดเผยวันเสาร์ว่า มีผู้เสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บ 5 รายหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงจุดไฟเผาอาคารรัฐสภาของท้องถิ่น ซึ่งการประท้วงในครั้งนี้ถือเป็นการทดสอบครั้งสำคัญครั้งแรกของรัฐบาลประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซียไม่ได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้เมื่อคืนวันศุกร์ที่เมืองมากัสซาร์ ซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดสุลาเวสีใต้ ในขณะที่ สำนักข่าวอันตารา ของทางการอินโดนีเซียรายงานว่า ผู้เสียชีวิตถูกระบุว่าติดอยู่ภายในอาคารที่กำลังลุกไหม้ และมีผู้บาดเจ็บ 2 รายจากการกระโดดลงมาจากอาคาร การประท้วงเริ่มขึ้นในกรุงจาการ์ตาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในประเด็นเรื่องค่าตอบแทนของสมาชิกสภานิติบัญญัติที่สูงลิ่ว และได้บานปลายเมื่อวันศุกร์หลังจากรถหุ้มเกราะของตำรวจชนคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างจนเสียชีวิต นายปราโบโว ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านของคนขับรถผู้เสียชีวิตเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ เพื่อแสดงความเสียใจต่อพ่อแม่ของเขา และให้คำมั่นว่าจะดูแลการสอบสวนคดีการเสียชีวิตนี้ด้วยตนเอง สื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีการปล้นร้านค้าประปรายในกรุงจาการ์ตา และเกิดความเสียหายกับสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมหลายแห่งเมื่อวันศุกร์ รวมถึงมีการเดินขบวนประท้วงในเมืองใหญ่อย่างบันดุงและยอกยาการ์ตา การรถไฟขนส่งมวลชนในกรุงจาการ์ตาระบุว่า ในวันนี้รถไฟจะไม่จอดที่สถานีแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่มีการประท้วงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่บริการรถประจำทางทรานส์จาการ์ตาแจ้งว่าไม่สามารถให้บริการลูกค้าได้ สำหรับในวันนี้ยังไม่มีสัญญาณของการประท้วงเพิ่มเติมแต่อย่างใด.-813.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 126
...