จีนงดให้วีซ่าระยะสั้นแก่ชาวเกาหลีใต้

โซล 10 ม.ค.- สถานทูตจีนประจำเกาหลีใต้แจ้งระงับการให้วีซ่าพำนักระยะสั้นแก่ชาวเกาหลีใต้ เพื่อตอบโต้ที่เกาหลีใต้ใช้มาตรการจำกัดการเข้าประเทศกับชาวจีนเพราะกังวลเรื่องโควิด-19 สถานทูตจีนประจำเกาหลีใต้แจ้งว่า สถานทูตจีนและสถานกงสุลจีนในเกาหลีใต้จะระงับการออกวีซ่าระยะสั้นแก่พลเรือนเกาหลีใต้ และจะปรับเปลี่ยนมาตรการนี้อีกครั้งเมื่อเกาหลีใต้ยกเลิกการใช้มาตรการจำกัดการเข้าประเทศอย่างเลือกปฏิบัติกับจีน เดือนธันวาคมที่ผ่านมาเกาหลีใต้ได้ออกมาตรการจำกัดผู้เดินทางมาจากจีนหลายมาตรการโดยอ้างเรื่องจีนมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เช่น จำกัดการออกวีซ่าระยะสั้นให้แก่ชาวจีนจนถึงสิ้นเดือนมกราคม ยกเว้นเจ้าหน้าที่รัฐ นักการทูต ผู้มีภารกิจด้านมนุษยธรรมและธุรกิจที่จำเป็น, จำกัดจำนวนเที่ยวบิน, จำกัดให้ทุกเที่ยวบินจากจีนต้องลงจอดที่ท่าอากาศยานที่กำหนด, กำหนดให้มีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบก่อนขึ้นเครื่องบินและต้องตรวจอีกครั้งเดินทางมาถึง ข้อมูลของทางการเกาหลีใต้ระบุว่า ชาวจีน 2,224 คนที่เดินทางเข้ามาด้วยวีซ่าระยะสั้นตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2566 มีผลตรวจเมื่อเดินทางมาถึงเป็นบวกจำนวนร้อยละ 17.5 ปี 2562 และปี 2563 นักท่องเที่ยวจากจีนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ คิดเป็นร้อยละ 34.4 และ 27.2 ตามลำดับ ตัวเลขดังกล่าวลดลงอย่างมากในปี 2565 โดยลดจาก 6 ล้าน 2 หมื่นคนในปี 2562 เหลือ 200,000 คนในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2565 คิดป็นร้อยละ 7.5 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย

สื่อจีนชี้หลายพื้นที่ผ่านจุดสูงสุดของโควิดแล้ว

ปักกิ่ง 10 ม.ค.- สื่อทางการจีนระบุว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ในหลายพื้นที่ของจีนผ่านพ้นจุดสูงสุดแล้ว เฮลธ์ไทมส์ (Health Times) สิ่งพิมพ์ของพีเพิลเดลี ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ระบุว่า การระบาดลดลงอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงปักกิ่งและหลายมณฑล พร้อมกับอ้างรายงานของทางการท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศว่า การระบาดได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดแล้วในหลายพื้นที่ สำนักป้องกันและควบคุมการระบาดมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของประเทศแจ้งว่า นับจนถึงวันที่ 6 มกราคม คนในมณฑลติดโควิดแล้วเกือบร้อยละ 90 นายกเทศมนตรีกรุงปักกิ่งแจ้งว่า การระบาดผ่านพ้นจุดสูงสุดแล้ว กรรมาธิการสุขภาพเทศบาลนครฉงชิ่งแจ้งว่า การระบาดถึงจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม มณฑลเจียงซูแจ้งว่า การระบาดถึงจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม และสองเมืองในมณฑลกวางตุ้งแจ้งว่า การระบาดถึงจุดสูงสุดก่อนสิ้นปี 2565 จีนพบผู้ติดโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ทางการผ่อนปรนมาตรการจำกัดเข้มงวดที่ใช้มานาน 3 ปีเมื่อต้นเดือนธันวาคม และเปิดประเทศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

สัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจีน-อาร์เจนตินามีผลแล้ว

บัวโนสไอเรส 9 ม.ค.- สัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจีน-อาร์เจนตินามีผลอย่างเป็นทางการแล้ว เปิดทางให้อาร์เจนตินาเพิ่มทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่พร่องลงไปมาก ธนาคารกลางอาร์เจนตินาแถลงเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ประธานธนาคารกลางอาร์เจนตินาและประธานธนาคารกลางจีนรับรองว่า สัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่าง 2 ธนาคารกลางมีผลบังคับใช้แล้ว และรับปากว่าจะนำเงินหยวนของจีนมาใช้ในตลาดอาร์เจนตินาให้มากยิ่งขึ้น สัญญานี้ครอบคลุมเรื่องการแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อสนับสนุนทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ 130,000 ล้านหยวน (ราว 642,560 ล้านบาท) และการใช้เงิน 35,000 ล้านหยวน (ราว 173,000 ล้านบาท) เป็นกรณีพิเศษเพื่อชดเชยการดำเนินการในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศ ประธานาธิบดีอัลแบร์โต เฟอร์นันเดซ ของอาร์เจนตินาประกาศเรื่องสัญญานี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยระบุในขณะนั้นว่ามีมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 167,545 ล้านบาท) รัฐบาลอาร์เจนตินาต้องการฟื้นคืนทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่พร่องลงไปมาก เพื่อนำเงินไปชำระการค้าและชำระหนี้ในอนาคต อีกทั้งยังเป็นเงื่อนไขหลักของการทำข้อตกลงขอสินเชื่อจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ (IMF) ด้วย ขณะที่จีนเป็นประเทศคู่ค้าใหญ่อันดับ 2 ของอาร์เจนตินา รองจากบราซิล และเป็นตลาดส่งออกสินค้าสำคัญอันดับ 2 ของอาร์เจนตินา.-สำนักข่าวไทย

มณฑลอันดับ 3 ของจีนติดโควิดแล้ว 90%

ปักกิ่ง 9 ม.ค.- เจ้าหน้าที่จีนแจ้งวันนี้ว่า คนในมณฑลเหอหนานที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของจีนติดโรคโควิด-19 แล้วเกือบร้อยละ 90 ผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการสุขภาพมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน แถลงข่าววันนี้ว่า นับจนถึงวันที่ 6 มกราคม 2566 อัตราการติดโควิดในมณฑลนี้แตะร้อยละ 89 แล้ว ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า มณฑลเหอหนานที่มีประชากร 99 ล้าน 4 แสนคนติดโควิดแล้วราว 88 ล้าน 5 แสนคน ยอดผู้ป่วยที่ไปคลินิกสำหรับผู้ป่วยมีไข้มีจำนวนสูงสุดเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2565 หลังจากนั้นเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง จีนมีผู้ติดโควิดเพิ่มขึ้นหลังจากเมื่อเดือนธันวาคมตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดที่ใช้อย่างเข้มงวดมาหลายปี เนื่องจากกระทบเศรษฐกิจอย่างหนักและจุดกระแสประท้วงทั่วประเทศแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คาดว่ายอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากจะมีคนจำนวนมากเดินทางออกจากเมืองใหญ่ไปเยี่ยมครอบครัวในชนบทช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะเริ่มอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม ข้อมูลของทางการระบุว่า เฉพาะวันเสาร์ที่เป็นวันเริ่มต้นของการเดินทางมีคนเดินทางภายในประเทศแล้ว 34 ล้าน 7 แสนคน เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ใน 3 จากปีก่อน.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังโควิดอีกครั้ง

เกาหลีเหนือขอให้ประชาชนเพิ่มมาตรการในการกักตัวดูอาการเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 โดยอ้างว่า เกิดการระบาดของโควิดอย่างรวดเร็วในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้และจีน

เทศกาลเดินทางครั้งใหญ่ในจีนเริ่มขึ้นแล้ว

ปักกิ่ง 8 ม.ค.- จีนเริ่มการเดินทางเทศกาลฤดูใบไม้ผลิหรือที่เรียกว่า “ชุนยุ่น” (春運) แล้วตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7 มกราคม เป็นช่วงเวลา 40 วันของการเดินทางเนื่องในเทศกาลตรุษจีน และถือเป็นการเคลื่อนย้ายคนประจำปีครั้งใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงที่ยังไม่มีโควิดระบาด ตรุษจีนปีนี้เริ่มต้นอย่างเป็นทางในวันที่ 21 มกราคม และจะเป็นปีแรกนับจากปี 2563 ที่จีนไม่ใช้มาตรการจำกัดการเดินทางในประเทศ หลังจากทางการผ่อนคลายนโยบายควบคุมโควิดเป็นศูนย์ลงครั้งใหญ่เมื่อเดือนธันวาคม นักลงทุนหวังว่าการเปิดประเทศจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจีนมูลค่า 17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 573 ล้านล้านบาท) ที่ขยายตัวต่ำที่สุดในรอบเกือบครึ่งศตวรรษ กระทรวงคมนาคมจีนคาดการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า จะมีคนเดินทางมากกว่า 2,000 ล้านคนในช่วง 40 วันของชุนยุ่น เพิ่มขึ้น 1 เท่าจากปี 2565 และคิดเป็นร้อยละ 70.3 ของการเดินทางในปี 2562 ก่อนมีโควิด หลายคนยินดีที่จะได้กลับไปฉลองตรุษจีนพร้อมหน้าครอบครัวที่บ้านเกิดเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แต่หลายคนตัดสินใจไม่เดินทางในปีนี้เพราะเกรงว่าจะนำเชื้อไปติดผู้สูงวัย ขณะนี้มีความกังวลว่า การที่คนทำงานตามเมืองใหญ่เดินทางกลับบ้านเกิดในชนบทจะทำให้เกิดการระบาดใหญ่ตามชนบทที่มีเตียงไอซียูและเครื่องช่วยหายใจไม่เพียงพอ ทางการจีนแจ้งว่า กำลังเพิ่มบริการดูแลสุขภาพระดับชุมชน เพิ่มคลินิกสำหรับผู้ป่วยมีไข้ในชนบท และเปิดช่องทางด่วนสำหรับผู้ป่วยเสี่ยงสูง โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่มีโรคประจำตัว ให้สามารถส่งตัวจากหมู่บ้านไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อมได้โดยตรง อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางคนอ้างผลสำรวจออนไลน์ว่า คนในชนบทมีอัตราการติดโควิดไม่ต่างจากคนในเมือง […]

อุบัติเหตุบนถนนครั้งใหญ่ในจีน ตายเจ็บร่วม 40 คน

ปักกิ่ง 8 ม.ค.- สื่อทางการจีนรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุบนถนนครั้งใหญ่ในมณฑลเจียงซี ทางตะวันออกของประเทศในวันนี้ มีผู้เสียชีวิต 17 คน บาดเจ็บ 22 คน สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี (CCTV) รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นก่อนเวลา 01:00 น.วันนี้ตามเวลาจีนที่เทศมณฑลหนานชาง มีผู้เสียชีวิต 17 คน บาดเจ็บ 22 คน ผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนอย่างละเอียด ตำรวจจราจรเทศมณฑลหนานชางแจ้งคำแนะนำแก่ผู้ขับขี่หลังจากมีข่าวอุบัติเหตุได้หนึ่งชั่วโมงว่า พื้นที่ดังกล่าวมีหมอกหนา ทัศนวิสัยการขับขี่ไม่ดี อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจราจรได้ง่าย ขอให้ผู้ขับขี่ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เปิดไฟตัดหมอก รักษาระยะห่างกับรถคันหน้า ระวังคนเดินเท้า ไม่เปลี่ยนเลนและไม่ขับแซง เดือนธันวาคมปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิต 1 คน จากเหตุรถชนกันหลายร้อยคันบนทางหลวงสายหนึ่งทางตอนกลางของจีน เนื่องจากหมอกลงจัด ส่วนเดือนกันยายนมีผู้โดยสาร 27 คนเสียชีวิตเมื่อรถโดยสารที่พาพวกเขาไปกักตัวในมณฑลกุ้ยโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศพลิกคว่ำบนมอเตอร์เวย์.-สำนักข่าวไทย

“แจ็ค หม่า” จะสละการควบคุมแอนต์กรุ๊ป

ปักกิ่ง 7 ม.ค.- แอนต์กรุ๊ป (Ant Group) บริษัทฟินเทคยักษ์ใหญ่ของจีนแจ้งว่า นายแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทจะสละการควบคุมบริษัทด้วยการลดสัดส่วนสิทธิในการออกเสียง เพื่อทำให้โครงสร้างบริษัทและการพัฒนาระยะยาวมีความยั่งยืน แอนต์กรุ๊ปแถลงวันนี้ว่า กำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างเจ้าของบริษัท เพื่อไม่ให้มีผู้ถือหุ้นรายใดมีอำนาจควบคุมบริษัท ไม่ว่าจะเป็นรายเดียวหรือร่วมกับฝ่ายอื่น พร้อมกับแจกแจงโครงสร้างเดิมที่มีความซับซ้อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายหม่าถือหุ้นทางอ้อมอยู่ร้อยละ 53.46 ถือว่าเป็นบุคคลผู้ควบคุมบริษัท แต่หลังจากปรับเปลี่ยนแล้วนายหม่าจะมีสิทธิออกเสียงเพียงร้อยละ 6.2 เท่านั้น บุคคล 10 คนที่ประกอบด้วยผู้ก่อตั้ง ฝ่ายบริหารและพนักงาน จะใช้สิทธิออกเสียงอย่างเป็นอิสระ แอนต์กรุ๊ประบุด้วยว่า กำลังทำการปรับเปลี่ยนเพื่อเดินหน้าสร้างเสถียรภาพให้แก่โครงสร้างบริษัทและทำให้การพัฒนาระยะยาวมีความยั่งยืน โดยจะไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด แจ็ค หม่า วัย 58 ปี อดีตครูสอนภาษาอังกฤษชาวเมืองหางโจว กลายเป็นนักธุรกิจที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งของจีน เขาเริ่มหายหน้าไปจากสังคมตั้งแต่ถูกรัฐบาลจีนล่มแผนการนำแอนต์กรุ๊ปไปเสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) ที่ฮ่องกงในปี 2563 หลังจากแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ นอกจากนี้อาลีบาบา ยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตที่เขาร่วมก่อตั้งยังถูกรัฐบาลจีนสั่งปรับมากเป็นประวัติการณ์ถึง 2,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 92,757 ล้านบาท) ข้อหาพฤติกรรมอันไม่เป็นธรรม สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เขามาไทยในสัปดาห์นี้ หลังจากปรากฏตัวตามงานการกุศลและไปพักค้างในต่างประเทศเป็นครั้งคราว.-สำนักข่าวไทย

เนเธอร์แลนด์-โปรตุเกสสั่งตรวจโควิดกับคนมาจากจีน

เนเธอร์แลนด์และโปรตุเกสเป็นประเทศล่าสุดที่ใช้มาตรการกำหนดให้ผู้โดยสารเครื่องบินมาจากจีนต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 เป็นลบเมื่อเดินทางมาถึง

“ทุเรียนฟิลิปปินส์” คว้าโอกาสทอง เตรียมบุกตลาดจีน

มะนิลา, 5 ม.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันพุธ (4 ม.ค.) จีนอนุญาตการนำเข้าทุเรียนฟิลิปปินส์ ซึ่งนับเป็นอีกก้าวของการขยับขยายความร่วมมือทางการเกษตรระหว่างสองประเทศ และโอกาสทองของ “ดาเวา” (Davao) เมืองหลวงแห่งทุเรียนของฟิลิปปินส์ ที่ครองสัดส่วนเกือบร้อยละ 80 ของผลผลิตทุเรียนทั้งหมดภายในประเทศ โจมาร์ อับดอน วัย 29 ปี พนักงานโรงงานแปรรูปทุเรียนในเมืองดาเวา ดีใจกับข่าวใหม่นี้และหวังว่าข้อตกลงนำเข้าดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้ของเกษตรกรผู้เพาะปลูกและคนส่วนอื่นๆ รวมถึงช่วยให้คนต่างชาติรับรู้ว่าฟิลิปปินส์ส่งออกทุเรียนเช่นกันและรู้จักทุเรียนฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น ทุเรียน หนึ่งในสุดยอดผลไม้ทำเงิน กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน ทำให้การเข้าถึงตลาดจีนขนาดมหึมากลายเป็นขุมทรัพย์สำหรับเกษตรกรผู้เพาะปลูกทุเรียนในฟิลิปปินส์ โดยฤดูทุเรียนของเมืองดาเวาอยู่ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม ส่วนทุเรียนดาเวาพันธุ์ยอดนิยม ได้แก่ ปูยัต (Puyat) และดี101 (D101) ที่ทนศัตรูพืชและออกลูกมากกว่าพันธุ์ชื่อดังอื่นๆ คานเดลาริโอ มิคูโลบ อดีตหัวหน้าสมาคมชาวสวนทุเรียนของเมืองดาเวา เผยว่าปัจจุบันเมืองดาเวาผลิตทุเรียนประมาณ 50,000 ตันต่อปี โดยมีผู้เพาะปลูกมากกว่า 3,000 ราย และโรงงานแปรรูปมากกว่า 5 แห่ง หากแต่ละครัวเรือนมีพื้นที่เพาะปลูก 1 เฮกตาร์ (ราว 6 ไร่) […]

นักวิจัยจีนพบ “ซากประตูลับ” บนกำแพงเมืองจีน กว่า 130 บาน

เทียนจิน, 4 ม.ค. (ซินหัว) — วันพุธ (4 ม.ค.) ทีมวิจัยระบบการป้องกันของกำแพงเมืองจีน ซึ่งถูกยกให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เผยการค้นพบซากประตูที่ถูกซ่อนอยู่กว่า 130 บานบนกำแพงเมืองจีนเมื่อไม่นานมานี้ ผ่านการถ่ายภาพต่อเนื่องที่มีความละเอียดเกือบระดับเซนติเมตร ทีมงานทำการวิเคราะห์รูปภาพเพิ่มเติมและลงพื้นที่สำรวจประตูลับดังกล่าว และพบว่าประตูลับแต่ละบานออกแบบมาให้เข้ากันได้ดีกับภูมิประเทศในท้องถิ่น ในอดีตเส้นทางลับเหล่านี้มีไว้เป็นทางผ่านของทหารสอดแนม ขณะที่บางเส้นทางถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอกกำแพงเมืองจีน หรือเพื่อการค้าและการพาณิชย์สมัยโบราณ เอกสารทางการบางฉบับที่มีอายุย้อนกลับไปสมัยราชวงศ์หมิง (ปี 1368-1644) ระบุว่าชนเผ่าเร่ร่อนได้รับอนุญาตให้ใช้งานประตูลับข้างต้น เพื่อการเลี้ยงปศุสัตว์ระหว่างภูมิภาคชิงไห่และเหอเท่าทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรน้ำและหญ้าอุดมสมบูรณ์ในห้วงเวลานั้น จางอวี้คุน ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเทียนจินซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิจัย ชี้ว่าการเลี้ยงปศุสัตว์ข้างต้นมีหลักฐานยืนยันเป็นประตูลับขนาดใหญ่บางส่วน ที่สามารถให้ม้าสองตัวเดินผ่านจากทั้งสองทิศทาง ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยพิสูจน์ว่ากำแพงเมืองจีนไม่ได้ปิดสนิท แต่จะ “เปิด” อย่างเป็นระบบ ก่อนหน้านี้จีนมีการศึกษาเกี่ยวกับทางลับดังกล่าวน้อยมาก ทว่าการค้นพบครั้งใหม่สามารถช่วยนำเสนอกลไกทางสถาปัตยกรรมที่สมบูรณ์และเด่นชัดของกำแพงเมืองจีน ทีมงานยังพบประตูทางออกที่ลึกลับที่สุดของเส้นทางลับเหล่านี้ ซึ่งถูกบันทึกไว้โดยเหล่านักวิชาการในสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หมิง และชิง แต่ไม่เคยมีหลักฐานทางกายภาพของทางออกลับประเภทนี้ปรากฏมาก่อน หลี่เจ๋อ หนึ่งในสมาชิกทีมวิจัย อธิบายว่าประตูทางออกฝั่งที่หันไปทางข้าศึกถูกพรางด้วยอิฐ ส่วนฝั่งที่หันไปทางทหารในกำแพงเมืองจีนถูกสร้างให้เป็นโพรง ทำให้ศัตรูแทบไม่สามารถแยกแยะตำแหน่งของทางออกเมื่อมองจากภายนอก พร้อมชี้ว่าเมื่อด่านกำแพงหลักที่อยู่ใกล้เคียงถูกโจมตี ทหารจีนสามารถพังประตูจากด้านในได้เสมือนการทุบเปลือกไข่ และทำการโจมตีแบบสายฟ้าแลบ ซึ่งนับเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีถึงภูมิปัญญาทางการทหารของจีนในสมัยโบราณ ทั้งนี้ กำแพงเมืองจีนประกอบด้วยกำแพงหลายช่วงที่เชื่อมต่อกันจนมีความยาวรวมกว่า 20,000 กิโลเมตร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก […]

จีนออก “แสตมป์” ชุดพิเศษต้อนรับปีเถาะ

ปักกิ่ง, 6 ม.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันพฤหัสบดี (5 ม.ค.) ไชน่า โพสต์ (China Post) สังกัดการไปรษณีย์จีน ออกตราไปรษณียากรหรือแสตมป์ชุดพิเศษ จำนวน 2 ดวง เพื่อเฉลิมฉลองปีเถาะหรือปีกระต่ายตามปฏิทินจันทรคติจีนที่ใกล้มาถึง แสตมป์ชุดพิเศษดวงหนึ่งแสดงภาพกระต่ายสีน้ำเงินถือปากกาในมือขวาและซองจดหมายในมือซ้าย ซึ่งหมายถึงการวาดพิมพ์เขียวสำหรับปีใหม่ เนื่องจากคำว่า “กระต่ายสีน้ำเงิน” ออกเสียงคล้ายกับคำว่า “พิมพ์เขียว” ในภาษาจีน ส่วนแสตมป์อีกดวงแสดงรูปกระต่ายสามตัววิ่งเป็นวงกลม ซึ่งมีความหมายเป็นมงคลสื่อถึง “วงเวียนชีวิต” รวมถึงการกลับมารวมตัวของครอบครัวและความสุข โดยมีพื้นหลังเป็นลวดลายตำนาน “กระต่ายหยกตำยาบนดวงจันทร์” อันสื่อถึงความปรารถนาบริสุทธิ์เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศและสวัสดิภาพของประชาชน อนึ่ง จีนออกชุดแสตมป์นักษัตรทุกปีนับตั้งแต่ปี 1980 ซึ่งเป็นปีวอกหรือปีลิง โดยจักรราศีจีนประกอบด้วยสัตว์ 12 ชนิดที่บันทึกปีและสะท้อนคุณลักษณะของผู้คน ได้แก่ หนู วัว เสือ กระต่าย มังกร งู ม้า แกะ ลิง ไก่ สุนัข และหมู – สำนักข่าวซินหัว คลิกเพื่ออ่านข่าวภาษาอังกฤษ […]

1 165 166 167 168 169 557
...