“บลิงเคน” จะเยือนจีนต้นเดือนหน้า

เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยวานนี้ว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีนระหว่างวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นการยืนยันแผนการเดินทางที่รอคอยมาเป็นระยะเวลายาวนาน ที่มีเป้าหมายในการป้องกันมิให้ความตึงเครียดระหว่างประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดสองอันดับแรกของโลกลุกลามไปมากกว่านี้

คนตามนับล้าน! จอมยุทธ์หญิงโชว์ลีลากังฟูในยูนนาน

คุนหมิง, 13 ม.ค. (ซินหัว) — ชวนทำความรู้จัก “หยางฮุ่ย”หญิงวัย 26 ปี จากพื้นที่ชนบทในเมืองเป่าซาน มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งชื่นชอบศิลปะการต่อสู้และการออกกำลังกายเพื่อป้องกันตัวเป็นชีวิตจิตใจ หยางใช้อุปกรณ์ทุกชนิดเท่าที่หาได้ตั้งแต่ยางรถยนต์เก่าไปจนถึงเสาไม้เพื่อฝึกฝนความแข็งแกร่ง โดยคลิปวิดีโอการฝึกวิชากังฟูของหยางกลายเป็นคลิปยอดนิยมบนสื่อสังคมออนไลน์จีน จนทำให้เธอมีผู้ติดตามจำนวนหลายล้านคน-สำนักข่าวซินหัว อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/vdo/332300_20230113https://www.youtube.com/watch?v=mt2IAaoRnaUขอบคุณภาพจาก Xinhua

นักเชิดสิงโตจีนโชว์ลีลาสกี ฉลองตรุษจีนบนเทือกเขาแอลป์

ลูบลิยานา, 16 ม.ค. (ซินหัว) — นักเชิดสิงโตจีนสองคนแสดงลีลาเล่นสกีที่สกีรีสอร์ตควาเวค (Krvavec) แห่งเทือกเขาแอลป์ในสโลวีเนีย เมื่อวันเสาร์ (14 ม.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก การแสดงดังกล่าว ซึ่งผสมผสานวัฒนธรรมการเชิดสิงโตดั้งเดิมของจีนเข้ากับกีฬาสกีดั้งเดิมของสโลวีเนีย ถูกจัดขึ้นเพื่อแบ่งปันความสุขเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งตรงกับวันที่ 22 ม.ค. ของปีนี้ หวังซุ่นชิง เอกอัครราชทูตจีนประจำสโลวีเนีย กล่าวว่าการเชิดสิงโตได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมจีน โดยการสืบสานวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมอันรวมถึงการเชิดสิงโตถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับชาวจีนโพ้นทะเล พร้อมเสริมว่าจีนและสโลวีเนียได้ร่วมมือด้านกีฬาฤดูหนาวอย่างแข็งขันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หวังแสดงความหวังว่าทั้งสองประเทศจะร่วมมือด้านกีฬาฤดูหนาวกันมากขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ทั้งสองประเทศและประชาชนใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ด้านเสี่ยนเจี่ยนหง ประธานหอการค้าจีนในสโลวีเนีย กล่าวในฐานะชาวจีนโพ้นทะเลรุ่นใหม่ในสโลวีเนียที่มีสายเลือดจีนอยู่ในตัวว่าความปรารถนาของเหล่าชาวจีนโพ้นทะเลคือการทำให้วัฒนธรรมจีนดั้งเดิมหยั่งรากและเฟื่องฟู ณ ที่แห่งนี้- สำนักข่าวซินหัว คลิกเพื่ออ่านข่าวภาษาอังกฤษ https://english.news.cn/20230115/781dcf3586964347a9df69f7fd223bf4/c.htmlอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/vdo/332815_20230116ขอบคุณภาพจาก Xinhua

นักวิจัยจีนค้นพบวิธีสังเคราะห์ “แป้ง-โปรตีน” จากซังข้าวโพด

ปักกิ่ง, 16 ม.ค. (ซินหัว) — เมื่อไม่นานนี้ คณะนักวิจัยชาวจีนได้พัฒนาวิธีการสังเคราะห์แป้งเทียมและโปรตีนจากจุลินทรีย์ (microbial proteins) ที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยการใช้ซังข้าวโพด ซึ่งวิธีการนี้สามารถลดต้นทุนการผลิตแป้งเทียมและนำเสนอทางเลือกใหม่ในการผลิตอาหาร รายงานระบุว่าจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ก่อให้เกิดความท้าทายอย่างมากต่อความมั่นคงทางอาหาร ดังนั้นการเปลี่ยนของเสียทางการเกษตรให้กลายเป็นอาหารเทียมจึงนับเป็นวิธีการสำคัญในการบรรเทาวิกฤตการณ์ด้านอาหารและบรรลุการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน คณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ สังกัดสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรจีน (CAAS) และสถาบันอื่นๆ ในจีน ได้ใช้ระบบโมเลกุลเอนไซม์หลากชนิด (multi-enzyme) และยีสต์ของขนมปัง เพื่อเปลี่ยนเซลลูโลส (cellulose) ในซังข้าวโพดให้เป็นแป้งเทียม และผลิตโปรตีนจากจุลินทรีย์ด้วยกระบวนการหมักภายใต้สภาวะที่มีก๊าซออกซิเจน (aerobic conditions) ผลการศึกษาพบว่ากระบวนการผลิตทั้งหมดใช้เงินลงทุนค่าอุปกรณ์เพียงเล็กน้อย และไม่ต้องใช้โคเอนไซม์ (coenzyme) หรือพลังงาน รวมถึงไม่นำไปสู่การสูญเสียน้ำตาล ซึ่งก่อให้เกิดความเป็นไปได้ในการผลิตแป้งเทียมและโปรตีนจากจุลินทรีย์ด้วยต้นทุนต่ำ อนึ่ง ผลการศึกษาข้างต้นได้รับการตีพิมพ์ในวารสารไซเอนซ์ บูลเลติน (Science Bulletin)- สำนักข่าวซินหัว คลิกเพื่ออ่านข่าวภาษาอังกฤษ https://english.news.cn/20230116/bc66ed28cbdf49ca99ba3085fd0d1b73/c.htmlอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/china/332859_20230117ขอบคุณภาพจาก Xinhua

ประชากรจีนหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 60 ปี

ประชากรจีนเมื่อปีที่แล้วหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 60 ปี ในขณะที่จีน ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับวิกฤตด้านประชากร

ญี่ปุ่น-อินเดีย เปิดฉากซ้อมบินเครื่องบินขับไล่ร่วมกัน 11 วัน

โตเกียว 16 ม.ค. – ญี่ปุ่นกับอินเดียเริ่มซ้อมบินเครื่องบินขับไล่ในพื้นที่ใกล้กรุงโตเกียวในวันนี้ ขณะที่ทั้งสองประเทศตั้งเป้ายกระดับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมและความมั่นคงร่วมกันเพื่อคานอิทธิพลด้านทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นเผยวันนี้ว่า ญี่ปุ่นส่งเครื่องบินขับไล่ 8 ลำ เข้าร่วมการซ้อมบิน อินเดียส่งเครื่องบินขับไล่ 4 ลำ เครื่องบินลำเลียง 2 ลำ และเครื่องบินเติมน้ำมันเชื้อเพลิงทางอากาศ 1 ลำ โดยจะใช้เวลาซ้อมบินทั้งหมด 11 วัน มีเจ้าหน้าที่ทหาร 150 นายจากกองทัพอากาศอินเดียเข้าร่วม การซ้อมรบทางอากาศในครั้งนี้มีขึ้นที่ฐานทัพอากาศเฮียกุริในจังหวัดอิบารากิ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว ญี่ปุ่นและอินเดียได้ตกลงเกี่ยวกับการซ้อมรบทางอากาศในครั้งนี้มาตั้งแต่การหารือระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศกับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศในปี 2562 แต่ประสบปัญหาล่าช้าเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ญี่ปุ่นกับอินเดียเป็นประเทศสมาชิกในกรอบความร่วมมือด้านความมั่นคง 4 ฝ่าย หรือ ควอด (QUAD) ร่วมกับอีก 2 ประเทศ คือ ออสเตรเลียกับสหรัฐ ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มชาติมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเพื่อคานอิทธิพลด้านทหารและเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นของจีน ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นเพิ่งลงนามในข้อตกลงด้านกลาโหมฉบับใหม่กับอังกฤษเมื่อสัปดาห์ก่อน และลงนามในความร่วมมือด้านการสำรวจอวกาศกับสหรัฐอีกด้วย. -สำนักข่าวไทย

“เทนเซ็นต์” ไล่ออก พนง.ยักยอกฉ้อโกงกว่า 100 คน

ปักกิ่ง 16 ม.ค.- เทนเซ็นต์ (Tencent) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนไล่ออกพนักงานมากกว่า 100 คน เนื่องจากละเมิดนโยบายต่อต้านการฉ้อโกง เทนเซ็นต์เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เป็นผู้ผลิตวิดีโอเกมรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันวีแชท บริษัทแจ้งวันนี้ว่า พบว่าพนักงานมากกว่า 100 คน ละเมิดนโยบายต่อต้านการฉ้อโกง หลายคนถูกแจ้งความในข้อหารับสินบนและยักยอก และถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง พนักงานที่ถูกไล่ออกมีทั้งคนที่อยู่ในพีซีจี (PCG) ที่ดูแลธุรกิจแพลตฟอร์มและคอนเทนต์, บริษัทให้บริการประมวลผลผ่านอินเทอร์เน็ตหรือคลาวด์คอมพิวติง และบริษัทฟินเทค พนักงานคนหนึ่งรับสินบนจากผู้ที่ไม่ได้ทำงานให้ภาครัฐและถูกตัดสินจำคุก 3 ปี เทนเซ็นต์ระบุด้วยว่า แผนกสอบสวนต่อต้านการฉ้อโกงของบริษัทจะเดินหน้ากวาดล้าง สอบสวน และดำเนินการกับผู้ละเมิดนโยบายของบริษัท โดยพบว่าปี 2565 มีการละเมิดเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 2564 ขณะที่สื่อทางการจีนรายงานว่า นายโพนี หม่า ซีอีโอ (CEO) ของเทนเซ็นต์กล่าวในการประชุมภายในกับพนักงานเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ว่า มีการทุจริตในบริษัทในระดับที่สูงจนน่าตกใจ.-สำนักข่าวไทย

โรงงานเคมีระเบิดในจีน เสียชีวิตแล้ว 2 คน

ปักกิ่ง 16 ม.ค. – เกิดเหตุโรงงานเคมีระเบิดที่มณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเมื่อวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 34 คน สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีนรายงานวันนี้ว่า เหตุโรงงานเคมีระเบิดที่เมืองผานซานในมณฑลเหลียวหนิงเมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 คน ผู้บาดเจ็บ 34 คน และยังคงมีผู้สูญหายอีก 12 คน โดยที่ผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้รับการส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลแล้ว ทั้งยังระบุว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงไหม้ได้แล้ว แต่เพลิงยังไม่ดับสนิท ซีซีทีวียังระบุว่า ทางการมณฑลเหลียวหนิงได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 330 นายลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อระงับเพลิงไหม้ รวมถึงสั่งเดินหน้าสอบสวนหาสาเหตุที่ทำให้โรงงานเคมีระเบิด นอกจากนี้ ซีซีทีวียังได้เผยแพร่ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นกลุ่มควันไฟหนาและเปลวเพลิงที่พวยพุ่งเหนือโรงงานดังกล่าว รวมทั้งกลุ่มเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่กำลังควบคุมเพลิงไหม้อยู่บริเวณด้านนอกโรงงาน ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวตอกย้ำกระแสวิตกกังวลเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในกระบวนการผลิต ในช่วงที่จีนกำลังเร่งเดินหน้าส่งเสริมการเติบโตด้านเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ หลังประกาศยกเลิกการใช้นโยบายทำให้ยอดผู้ป่วยโควิดเป็นศูนย์ในเดือนธันวาคม. -สำนักข่าวไทย

ด่านหลักพรมแดนเมียนมา-จีนเปิดเป็นบางส่วนแล้ว

มูเซ 15 ม.ค.- เจ้าหน้าที่เมียนมาแจ้งว่า ด่านพรมแดนมูเซ-รุ่ยลี่ (Muse-Ruili) ที่เป็นด่านหลักระหว่างเมียนมากับจีน กลับมาเปิดเป็นบางส่วนแล้ว หลังจากปิดมาหลายปีตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาด เจ้าหน้าที่รัฐฉาน ทางตอนเหนือของเมียนมาเผยว่า เปิดประตูด่านเพียง 1 ประตูตั้งแต่วันเสาร์ ด่านนี้เป็นหนึ่งในด่านที่พลุกพล่านที่สุดของเมียนมา ถูกปิดตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 นักธุรกิจค้าข้าวคนหนึ่งเผยว่า จีนอนุญาตให้เมียนมาส่งออกเฉพาะอาหารและน้ำเท่านั้น ส่วนสินค้าหลักอื่น ๆ อย่างข้าว ถั่ว และแตงโม ต้องส่งออกผ่านด่านจิ่งซานเจ้าะ (Kyinsankyawt) นอกเมืองมูเซ ด่านหลังนี้เปิดเป็นบางส่วนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 ส่วนจีนส่งออกอุปกรณ์ก่อสร้างและอุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ทางการแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์อาหาร แต่ยังไม่อนุญาตให้คนผ่านเข้าออกด่าน.-สำนักข่าวไทย

อินโดนีเซียส่งเรือรบไปสังเกตการณ์เรือจีน

จาการ์ตา 14 ม.ค.- อินโดนีเซียส่งเรือรบไปทะเลที่อยู่ในน่านน้ำของตนเองเพื่อสังเกตการณ์เรือหน่วยยามฝั่งจีนที่แล่นในน่านน้ำที่ทั้งสองประเทศต่างอ้างกรรมสิทธิ ความริเริ่มเรื่องความยุติธรรมในมหาสมุทรอินโดนีเซีย (Indonesian Ocean Justice Initiative) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยในอินโดนีเซียแจ้งว่า ข้อมูลการติดตามระบุว่า เรือซีซีจี 5901 (CCG 5901) ของจีนได้แล่นเข้ามาในทะเลนาตูนา (Natuna Sea) และแล่นใกล้บ่อก๊าซตูนา (Tuna) ของอินโดนีเซียและบ่อน้ำและก๊าซชิมเสา (Chim Sao) ของเวียดนามตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2565 ด้านกองทัพเรืออินโดนีเซียแจ้งว่า ได้ส่งเรือรบ เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล และโดรน ไปยังทะเลนาตูนาเหนือ (North Natuna Sea) ที่เป็นน่านน้ำของอินโดนีเซีย เพื่อสังเกตการณ์เรือจีนแล้ว ขณะนี้เรือจีนยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่น่าสงสัย แต่จำเป็นต้องสังเกตการณ์เนื่องจากแล่นเข้ามาในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของอินโดนีเซียเป็นครั้งคราว อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล (UNCLOS) อนุญาตให้เรือทุกลำมีสิทธิแล่นผ่านเขตเศรษฐกิจจำเพาะ เรือหน่วยยามฝั่งจีนแล่นเข้าเขตเศรษฐกิจจำเพาะของอินโดนีเซีย หลังจากอินโดนีเซียและเวียดนามทำข้อตกลงเรื่องเขตเศรษฐกิจจำเพาะ และหลังจากรัฐบาลอินโดนีเซียอนุมัติให้พัฒนาบ่อก๊าซตูนาในทะเลนาตูนาเมื่อต้นเดือนนี้ ก่อนหน้านี้เรืออินโดนีเซียและเรือจีนเคยเผชิญหน้ากันนานหลายเดือนในปี 2564 ใกล้แท่นขุดเจาะน้ำมันใต้น้ำในบ่อตูนา จีนเรียกร้องให้อินนีเซียหยุดการขุดเจาะโดยอ้างว่าอยู่ในน่านน้ำของจีน แต่อินโดนีเซียอ้างอนุสัญญาสหประชาชาติฯ ว่า น่านน้ำทางใต้สุดของทะเลจีนใต้เป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะของอินโดนีเซีย และได้ตั้งชื่อว่าทะเลนาตูนาเหนือในปี […]

จีนใช้เครื่องโบอิ้ง 737 แม็กซ์ กับเที่ยวบินในประเทศครั้งแรก

เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737 แม็กซ์ ออกเดินทางจากสนามบินในภาคใต้ของจีนในวันนี้ ซึ่งเป็นเที่ยวบินในประเทศเที่ยวบินแรกที่ใช้เครื่องบินรุ่นนี้นับตั้งแต่ปี 2019 เมื่อมีคำสั่งให้หยุดใช้งานหลังจากเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตก 2 ครั้ง

1 163 164 165 166 167 557
...