“หมอประสิทธิ์” คาดโอไมครอนเป็นช่วงท้ายของการระบาด

กรุงเทพฯ 25 ม.ค. – “หมอประสิทธิ์” เผยสถานการณ์โอไมครอนทั่วโลกในรอบ 2 เดือน มีแนวโน้มเข้าสู่จุดสิ้นสุดการระบาด ย้ำอย่าหวังสร้างภูมิคุ้มกันโดยการติดเชื้อ เสี่ยงอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้


ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิดสายพันธุ์โอไมครอนจากทั่วโลก หลังมีการแพร่ระบาดมา 2 เดือน ว่าขณะนี้โควิดสายพันธุ์โอไมครอนไปรุนแรงอยู่ที่ทวีปยุโรปและในอเมริกา ส่วนที่แอฟริกา ได้ผ่านจุดการแพร่ระบาดสูงสุดมาแล้ว กำลังอยู่ในช่วงขาลง และก็ไม่ได้พบมีคนไข้หนักมากนัก

หลังองค์การอนามัยโลก ประกาศพบสายพันธุ์โอไมครอนเมื่อ 24 พ.ย.64 ทำให้มีอัตราการติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 2-3 ล้านคน/วัน สูงกว่าทุกสายพันธุ์ที่ผ่านมา ที่พบเพียงวันละประมาณ 1 แสนคน ส่วนอัตราการเสียชีวิตในช่วงที่เดลตาเป็นสายพันธุ์หลัก ตัวเลขอยู่ระหว่าง 5,000-9,000 คน/วัน พอมาในช่วงที่โอไมครอนเข้ามาเป็นสายพันธุ์หลัก ตัวเลขการเสียชีวิตก็ใกล้ ๆ เดิมอยู่ระหว่าง 4,000-9,000 คน/วัน ขณะที่ตัวเลขการฉีดวัคซีนทั่วโลก ตอนนี้ฉีดไปแล้วกว่า 9,900 ล้านโดส


พร้อมยกตัวอย่างสถานการณ์โควิดในหลายประเทศ ข้อมูล ณ วันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา เช่น ที่สหรัฐหลังโอไมครอนเข้าไประบาด ทำให้มีตัวเลขติดเชื้อสูง บางวันสูงถึง 1.5 ล้านคน ตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่าง 2,000-3,000 คน มีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 530 ล้านโดส จากจำนวนประชากรที่มีอยู่กว่า 334 ล้านคน แคนนาดา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง ฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 75 ล้านโดส จากประชากรที่มีอยู่กว่า 38 ล้านคน ทำให้ตัวเลขการเสียชีวิตกว่า 100 คนต่อวัน มาอย่างต่อเนื่อง สหราชอาณาจักร มีอัตราการติดเชื้ออยู่ระหว่าง 80,000-1,000,000 คนต่อวัน เสียชีวิต 200-300 คนทุกวัน ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงขาลง หลังมีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 137 ล้านโดส จากประชากรที่มีกว่า 68 ล้านคน

ส่วนประเทศไทย หลังโอไมครอนระบาด ก็พบมีอัตราการติดเชื้ออยู่ที่ระหว่าง 7,000-8,000 คน/วัน เสียชีวิตอยู่ในหลักกว่า 10 คน ไม่เกิน 20 คน มีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 111 ล้านโดส จากประชากรที่มีอยู่กว่า 70 ล้านคน คิดเป็น 74.4% ของประชากรที่ได้รับ 1 โดส 68.5% ได้ 2 โดส และ 15.8% ที่ได้รับการฉีดกระตุ้น

จากการติดตามสถานการณ์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พบข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้ว่าโอไมครอนแพร่ได้เร็วกว่าเดลตา โดยไม่ได้สัมพันธ์กับปริมาณไวรัสในผู้ติดเชื้อ ความจำเป็นต้องรับการรักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่าผู้ติดเชื้อสายพันธ์เดลตา ประมาณเพียง 1/3 ถึง 1/2 และมีอาการรุนแรงน้อยกว่า ความสามารถหลบจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทั้งภูมิที่เกิดจากการหายจากการติดเชื้อ หรือที่เกิดจากการฉีดวัคซีนได้มากกว่าสายพันธุ์เดลตา เป็นกลไกสำคัญประการหนึ่งของการแพร่ระบาดได้เร็วของโอไมครอน อาการที่พบบ่อยในการติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน คือน้ำมูกไหล ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว จามบ่อยและเจ็บคอ ส่วนอาการไข้สูง ไม่ได้กลิ่น หรือไม่ได้รสพบไม่บ่อยเหมือนเดลตา


การศึกษาในสัตว์พบว่าเชื้อโอไมครอน มักก่อให้เกิดการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน ไม่ลงปอดมากเหมือนเดลตา เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อาการ ความรุนแรงไม่ค่อยเหมือนกัน การศึกษาใน Imperial College ในกรุงลอนดอน พบว่าการจะมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยลดการติดเชื้อ หรือการติดเชื้อที่มีอาการมาก จำเป็นต้องได้รับวัคซีน 3 เข็ม (2 เข็มพื้นฐาน และกระตุ้น 1 เข็ม) และระยะห่างจากเข็มที่ 2 ประมาณ 3 เดือน แต่ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อเสนอแนะว่าให้ฉีดทุก 3-6 เดือน

งานการศึกษาผลของการฉีด AZ และ Pfizer ที่ Imperial College พบว่าจะป้องกันการเกิดการติดเชื้อที่มีอาการของโอไมครอน ได้ผล 0-20% แต่จะเพิ่มเป็น 55-80% เมื่อได้รับการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ในการเอาชนะโอไมครอน พลโลกส่วนใหญ่ควรได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบ ไม่ใช่มีการฉีดเฉพาะในประเทศที่มีสภาพเศรษฐกิจสังคมที่ดีเท่านั้น การหวังให้เกิดภูมิคุ้มกันโดยการติดเชื้อเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะอาจนำไปสู่อาการที่รุนแรง หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต การเพิ่มภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดในตอนนี้ คือ การฉีดวัคซีน ส่วนภาวะ Long Covid เป็นกลุ่มอาการที่พบได้หลังการติดเชื้อโควิด อาจพบได้เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน ๆ มีมากกว่า 50 อาการที่พบ ระยะเวลาที่มีอาการที่จะถือว่าเป็น Long Covid ในสหราชอาณาจักร ถือว่าไม่น้อยกว่า 3 เดือน แต่ในสหรัฐอเมริกา 4 สัปดาห์ขึ้นไป ถือว่าเป็นแล้ว การได้รับการฉีดวัคซีนครบ ช่วยลดโอกาสเกิด Long Covid ได้ถึง 49% ไม่มีความแตกต่างชัดเจนตามหลังการติดเชื้อสายพันธุ์ต่าง ๆ ส่วนยาที่มีรายงานว่าได้ผลดีต่อโอไมครอน ทั้ง Favipiravir, Molnupiravir, Nirmatrelvir, Remdesivir, Paxlovid ก็ยังใช้ได้ดี

ทั้งนี้ จากข้อมูลจริงที่เกิดขึ้นตลอด 2 ปีที่ผ่านมา สามารถสรุปได้ว่าผลจากการแพร่ระบาดที่เร็วมากของโอไมครอน แต่ก่อให้เกิดอาการความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า ทำให้มีโอกาสสูงที่เข้าสู่ช่วงปลายของการแพร่ระบาดของโควิด จากผลรวมของประชากรโลกที่มีภูมิคุ้มกัน ทั้งจากการฉีดวัคซีนและจากการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง พร้อมย้ำการหวังให้เกิดภูมิคุ้มกันโดยการติดเชื้อ เป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำ เพราะอาจนำไปสู่อาการที่รุนแรงหรือแม้กระทั่งเสียชีวิต ทั้งตัวผู้ติดเชื้อและผู้ได้รับการแพร่เชื้อ

วิถีการใช้ชีวิตและการทำงาน มีแนวโน้มไม่กลับมาเป็นปกติ ในรูปแบบก่อนการเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เป็นปกติรูปแบบใหม่ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการเกิดการแพร่ระบาดจากเชื้อโรคใหม่ และจะเป็นรูปแบบที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการสร้างสุขภาพ การรักษาความสะอาดสุขอนามัย เทคโนโลยีต่าง ๆ จะมามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น การยอมรับเทคโนโลยีจะมีมากขึ้น และใช้ได้สะดวกขึ้น ประเทศไทยควรมีส่วนร่วมในการสร้าง พัฒนาระบบการดูแลสุขภาพมีการปรับตัว มีการนำเทคโนโลยีและวิธีการใหม่ ๆ มาใช้

สำหรับคำแนะนำในช่วงเวลานี้ ควรป้องกันตัวเองจากการรับเชื้อและแพร่เชื้อ ซึ่งสามารถกระทำได้ แม้จะมีการเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจมากขึ้น โดยการใส่หน้ากาก รักษาระยะห่างกัน 1-2 เมตร การพูดคุยไม่นานจนเกินไป (โดยใส่หน้ากาก) ดำเนินการตามมาตรการต่างๆที่ถูกกำหนดขึ้น ทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการ เพื่อให้สามารถประเมินประสิทธิภาพของมาตรการเหล่านั้น ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 (Az หรือ mRNA) หากฉีดเข็มที่ 2 แล้ว 3 เดือน หรือมากกว่า ช่วยกันแนะนำหรือตักเตือนผู้ที่ไม่ดำเนินการตามมาตรการที่ควร เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด เนื่องจากโอไมครอนแพร่ระบาดได้เร็ว และติดตามข่าวสารความก้าวหน้าต่าง ๆ เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]