โควิด

ปักกิ่ง 21 ก.ย. – องค์กรนักข่าวไร้พรมแดน (Reporters Without Borders) หรือ อาร์เอสเอฟ (RSF) กล่าวในวันเสาร์ว่า นักข่าวชาวจีนรายหนึ่งที่เคยถูกจำคุก 4 ปี จากการทำข่าวที่เป็นสารคดีในช่วงระยะแรกของการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากศูนย์กลางการระบาด ได้ถูกตัดสินจำคุกเพิ่มอีก 4 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อาร์เอสเอฟ รายงานว่า จาง จ้าน วัย 42 ปี ถูกตัดสินลงโทษในข้อหา “ก่อเหตุทะเลาะวิวาทและยั่วยุให้เกิดปัญหา” ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับที่ทำให้เธอถูกลงโทษจำคุกในเดือนธันวาคม 2020 หลังจากที่เธอโพสต์เรื่องราวจากประสบการณ์ตรงในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาในช่วงแรก นางอเล็กซานดรา บีลาคอฟสกา ผู้จัดการฝ่ายสนับสนุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของอาร์เอสเอฟกล่าวในแถลงการณ์ว่า จาง จ้านควรได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็น ‘วีรสตรีด้านข้อมูลข่าวสาร’ ไม่ใช่ถูกกักขังในเรือนจำในสภาพที่โหดร้าย ความทุกข์ทรมานและการถูกข่มเหงของเธอต้องสิ้นสุดลง ขณะนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด ที่ประชาคมการทูตระหว่างประเทศจะกดดันจีนให้ปล่อยตัวเธอทันที จางถูกจับกุมหลังจากที่เธอโพสต์เรื่องราวของโควิดผ่านไปหลายเดือน ซึ่งเธอนำคลิปวิดีโอจากโรงพยาบาลที่ผู้คนแออัดและถนนที่ว่างเปล่าออกเผยแพร่ ซึ่งเผยให้เห็นภาพในช่วงแรกของการระบาดที่เลวร้ายกว่าที่ทางการได้นำเสนอ ทนายความของเธอในขณะนั้น คือ นายเหริน ฉวนหนิว กล่าวว่า จางเชื่อว่าเธอ “ถูกข่มเหงจากการใช้เสรีภาพในการพูดแสดงความเห็น” เอกสารของศาลที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้อ่านพบว่า […]

ปักกิ่ง 12 ก.ย. – สภาประชาชนแห่งชาติของจีนได้ผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่งในวันนี้ เพื่อให้การรับมือภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยให้อำนาจประชาชนในการรายงานเหตุฉุกเฉินได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านโครงสร้างลำดับชั้นของรัฐบาลตามปกติ สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า กฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เมืองอู่ฮั่นของจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงแรก ถูกกล่าวหาว่าดำเนินการล่าช้าในการรายงานการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในช่วงปลายปี 2019 จักษุแพทย์คนหนึ่งในโรงพยาบาลที่เมืองอู่ฮั่น เคยแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ในช่วงต้นปี 2020 แต่กลับถูกตำรวจท้องถิ่นตักเตือนฐาน “เผยแพร่ข่าวลือ” โดยเขาเสียชีวิตในอีกหนึ่งเดือนต่อมา ซึ่งจุดชนวนให้เกิดคลื่นความโศกเศร้าและความไม่พอใจในหมู่ประชาชน นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 รัฐบาลจีนได้กำหนดให้ท้องถิ่นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และปรับปรุงการตรวจจับและควบคุมการแพร่ระบาดในช่วงต้น ตามร่างกฎหมายนี้ระบุว่า บุคคลหรือหน่วยงานใดก็ตามที่พบภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข สามารถรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวไปยังรัฐบาลท้องถิ่นหรือหน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนระดับกลาง นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังระบุว่า หลังจากเกิดเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขขึ้น รัฐบาลประจำเขตที่เกิดเหตุควรเริ่มดำเนินการรับมือทันที และสามารถรายงานไปยังหน่วยงานที่สูงขึ้นได้หากจำเป็น ในช่วงการรับมือภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข รัฐบาลท้องถิ่นระดับเขตขึ้นไปควรให้บริการทางการแพทย์ขั้นพื้นฐาน ดูแลเป็นพิเศษ และรับประกันว่าผู้คนจะได้รับการรักษาพยาบาล ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก นับจนถึงสิ้นปี 2023 มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกสูงถึง 21 ล้านคน ซึ่งเกินกว่ายอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการที่ประมาณ 7 ล้านคน.-813.-สำนักข่าวไทย

ซิดนีย์ 18 ส.ค.- ศาลออสเตรเลียสั่งให้สายการบินแควนตัสจ่ายเงินค่าปรับสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 90 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1,903 ล้านบาท) กรณีเลิกจ้างพนักงานภาคพื้นดิน 1,800 คน อย่างผิดกฎหมายในช่วงโควิด-19 ระบาด นายไมเคิล ลี ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางระบุในคำตัดสินลงโทษปรับแควนตัส ซึ่งเป็นโทษปรับจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีการใช้กฎหมายแรงงานออสเตรเลียปรับภาคเอกชนว่า แม้ว่าแควนตัสได้ปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารและคณะผู้บริหารหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว แต่การแสดงความเสียใจของบริษัทดูเหมือนเป็นการเสียใจที่เกิดความเสียหายกับบริษัท มากกว่าเสียใจที่ได้สร้างความเสียหายให้แก่คนทำงาน ผู้พิพากษาระบุว่า การกำหนดโทษปรับดังกล่าวซึ่งคิดเป็นร้อยละ 75 ของโทษปรับสูงสุดที่สามารถกำหนดได้ เป็นไปเพื่อไม่ให้คนทำงานถูกมองว่าเป็นต้นทุนในการทำธุรกิจ โดยเงินค่าปรับ 50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1,057 ล้านบาท) จากทั้งหมด 90 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1,903 ล้านบาท) จะมอบให้แก่สหภาพแรงงานการขนส่งที่เป็นผู้ยื่นฟ้อง คำตัดสินนี้มีขึ้นหลังจากแควนตัสและพนักงานที่ถูกเลิกจ้างตกลงกันได้ในเดือนธันวาคม 2567 เรื่องตั้งกองทุนชดเชยจำนวน 120 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2,537 ล้านบาท) ทั้งนี้ช่วงปี 2563 ที่โควิด-19 ระบาดหนักทั่วโลก คณะผู้บริหารของแควนตัส ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติและสายการบินใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียได้เลิกจ้างพนักงานภาคพื้นดินจำนวน 1,820 คน […]

วอชิงตัน 31 พ.ค. – สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ หรือ เอฟดีเอ (FDA) ได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รุ่นใหม่ของบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) สำหรับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งถือเป็นการให้ความเห็นชอบวัคซีนครั้งแรกนับตั้งแต่เอฟดีเอประกาศใช้ข้อกำหนดที่เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม โมเดอร์นากล่าวในแถลงการณ์ด้วยว่า วัคซีนรุ่นใหม่นี้ได้รับการอนุมัติสำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ถึง 64 ปี ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างน้อยหนึ่งอย่างขึ้นไป โมเดอร์นาระบุว่า คาดว่าจะสามารถนำวัคซีนดังกล่าวที่ใช้ชื่อว่า “เอ็มเน็กซ์สไปค์” (mNEXSPIKE) ออกมาใช้ได้ทันสำหรับฤดูการระบาดของไวรัสระบบทางเดินหายใจในปี 2025-2026 วัคซีนนี้สามารถเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นได้โดยไม่ต้องเก็บในช่องแช่แข็ง ทำให้มีอายุการใช้งานนานขึ้นและสามารถจัดจำหน่ายง่ายขึ้น โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานอาจเป็นอุปสรรคต่อการรณรงค์ฉีดวัคซีน.-813.-สำนักข่าวไทย

กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นกล่าววันนี้ว่า จำนวนทารกเกิดใหม่ในญี่ปุ่นในปี 2024 ลดลงต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ คือ 720,988 คน และเป็นการลดลงเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสุขภาพเชื่อว่าเวลานี้คณะทำงานถ่ายโอนอำนาจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ กำลังวางแผนที่จะนำสหรัฐถอนตัว

สายการบินโคเรียน แอร์ เสร็จสิ้นกระบวนการซื้อกิจการสายการบินเอเชียนา แอร์ไลน์ สายการบินคู่แข่งที่ประสบปัญหาหนี้สิน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการควบรวมกิจการ