“สมศักดิ์” แจงยิบวีโต้มติแพทยสภา ยันไร้ใบสั่ง ปัดเอื้อ “ทักษิณ”

รัฐสภา 30 พ.ค.- “สมศักดิ์” แจงยิบ วีโต้มติแพทยสภา ยกโทษให้หมด แพทย์ไม่มีความผิด อ้างไม่อยากสร้างบรรทัดฐานใหม่ เกรงกระทบแพทย์ทั้งประเทศ ยันไม่มีใบสั่ง-ไม่ได้เอื้อ “ทักษิณ” ขึ้นศาล 13 มิ.ย. ไม่หวั่นถูกล่าชื่อถอดถอน บอกทำการเมืองมา 43 ปีแล้ว ไม่ห่วงเรื่องพวกนี้ มั่นใจไม่ใช่การเปิดศึกแพทย์ เพราะถ้าอยู่ในวิชาชีพจะรู้ว่าเป็นการปกป้อง


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงเหตุผลหลังวีโต้มติแพทยสภา ว่า หลังจากการพิจารณาในรายละเอียดขั้นตอนการพิจารณาลงโทษ 3 แพทย์ พบว่า คณะกรรมการจริยธรรมรับเรื่องรองเรียนพบว่ามีความผิด จึงส่งเรื่องให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งใช้เวลารวบรวมข้อเท็จจริงและพิจารณาถึง 4 เดือน ก่อนจะความเห็นว่านายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ผู้ถูกร้องที่1 ไม่มีความผิด ส่วนแพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ ในฐานะแพทย์ผู้ตรวจร่างกาย ขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ รพ.ราชทัณฑ์ ผู้ถูกร้องที่2 มีความผิด ลงโทษให้ว่ากล่าวตักเตือน ขณะที่พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ มีความผิดให้ลงภาคทัณฑ์ ส่วนพลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ คนปัจจุบัน ในฐานะผู้ออกใบความเห็นแพทย์ ไม่มีความผิด แต่เมื่อส่งเรื่องให้คณะกรรมการกลั่นกรองจริยธรรมกลับมีการพิจารณาปรับเพิ่มโทษแพทย์ 3 คน โดยใช้พิจารณาไม่ถึง 1 วัน ก่อนจะส่งความเห็นมาให้คณะกรรมการแพทยสภา ที่ใช้เวลาพิจารณา 7 วัน ก่อนมีมติเห็นตามคณะกรรมการกลั่นกรองจริยธรรม

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การพิจารณาวีโต้ในครั้งนี้ ได้ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเท่านั้น เพราะเคยส่งหนังสือขอข้อมูลจากคณะกรรมการกลั่นกรองจริยธรรม ถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับข้อมูลแต่อย่างใด โดยความเห็นที่วีโต้กลับไปนั้น คือ เห็นด้วยกับมติแพทยสภา ที่ไม่ลงโทษ นายแพทย์วัฒน์ชัย ส่วนแพทย์หญิง รวมทิพย์ ที่อนุญาตให้ใช้ใบส่งตัวเพื่อประกอบในการส่งผู้ป่วย เห็นว่าไม่มีผลต่อการส่งตัวเพราะมีผลตรวจของผู้ต้องขังในเวลากลางวันและเก็บผลไว้ ซึ่งแพทย์รายดังกล่าวไม่มีอำนาจในการส่งตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำ เพราะเป็นอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำ จึงยกประโยชน์ให้ผู้ถูกร้อง ส่วนพลตำรวจโท โสภณรัชต์ จากการย้อนฟังคำสัมภาษณ์พบว่าไม่เคยพูดว่าผู้ป่วยอยู่ในภาวะวิกฤต พูดเพียงว่าอาการหนักน่าเป็นห่วงและเป็นการสัมภาษณ์ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน อีกทั้งเป็นแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจที่ได้รับรายงานข้อมูลมาเท่านั้น จึงยกประโยชน์ให้ผู้ถูกร้อง ขณะที่พลตำรวจโท ทวีศิลป์ มีการเขียนคำสั่งแพทย์ควรให้รักษาในโรงพยาบาลโดยไม่ได้ระบุว่าที่ไหน ซึ่งการเขียนคำสั่งถือดุลยพินิจของแพทย์แต่ละคน ซึ่งผู้ถูกร้องทราบว่าผู้ป่วยมีโรค 14 โรค และรู้ถึงความซับซ้อนในการรักษา ต่างจากความเห็นของราชวิทยาลัยที่รู้เพียงบางโรคเท่านั้น การเขียนคำสั่งแพทย์จึงไม่อาจเหมือนกันทั้งหมด และคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่าไม่มีความผิด ตนจึงเห็นตามความเห็นดังกล่าว โดยส่งหนังสือความเห็นส่งให้แพทยสภาได้พิจารณาทบทวน


“การดำเนินการครั้งนี้ยึดข้อมูลอันเดียวกัน แต่มาตรฐานการลงโทษถ้าหากว่าเรายอมให้ปล่อยไป โดยการสร้างมาตรฐานใหม่ ผมเห็นว่าแนวทางของลงโทษแพทย์ทั่วประเทศต้องเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติใหม่ อัตราโทษที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่จะทำให้เดือดร้อนกันไปหมด ผมไม่สามารถมีความเห็นเป็นอย่างอื่นได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าแนวทางต่างๆ เหล่านี้ถูกเปลี่ยนให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่อยากให้มีมาตรฐานใหม่ และการดำเนินการที่เห็นอยู่หากเป็นไปตามธรรมชาติแล้ว ไม่มีอะไรที่ออกมาโวยวายหรืออย่างไร ไม่อยากให้มีความเคลื่อนไหว เพราะมันไม่เป็นธรรมชาติของแพทยสภา ที่ผ่านมาไม่เคยยับยั้งเลย เพราะไม่มีผู้ใดมาร้องเรียนหรือขอความเป็นธรรม แต่ครั้งนี้มีผู้มาร้องเรียนก็ควรที่จะพิจารณา ”

ส่วนที่มีการตั้งคำถามถึงความไม่เป็นธรรมชาติถึงการทำหนังสือวีโต้ เพราะแพทย์ที่ถูกร้อง 4 คน 1 คนถูกยกคำร้อง 1คนเสียงข้างมากให้ตักเตือน อีก 1 คน เสียงเอกฉันท์ให้พักใช้ใบอนุญาต และอีก 1 คน เสียงข้างมากให้ยกคำร้อง แต่กลับเลือกวีโต้เฉพาะมติที่ลงโทษแพทย์ 3 คนเท่านั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราดูแค่แนวทางแต่ไม่ได้ดูระเบียบกฎหมายราชทัณฑ์ ซึ่งไม่มีอำนาจส่งตัว แต่อนุโลมให้ใช้ข้อมูลเพื่อการส่งตัว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเป็นข้อมูลราชการใช้ตามระเบียบราชทัณฑ์

พร้อมกันนี้นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หากมติแพทยสภา วันที่ 12 มิถุนายน ลงโทษแพทย์ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของตน เพราะมีนักกฎหมายหลายคนช่วยกันดูแล้วมีข้อมูลแบบก้ำกึ่งๆ และอนุกรรมการเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ลงโทษไปแล้ว ยังจับเขามาลงโทษจะโหดร้ายไปหรือเปล่า ถ้าเป็นตนทำไม่ได้หรอกก็จะยกผลประโยชน์ให้


ส่วนที่มีการปลุกกระดมแพทย์ออกมาปลดท่านออกจาก รมว.สาธารณสุข นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไรเพราะตนอยู่กับการเมืองมานาน 43 ปีแล้ว ใช้เวลากับการเมืองนานพอสมควร ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ไม่เป็นไร ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หมายถึงพร้อมที่จะออกจากตำแหน่งใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า เป็นคนที่มีความพร้อม ไม่ตระหนกตกใจเรื่องอะไรทั้งสิ้น เราคิดว่าทำดีที่สุด และตรงไปตรงมา และมีเหตุผล ไม่มีการเอนเอียง เพราะหาเอนเอียงไปจะนอนหนาวสะท้าน แต่ถ้าแบบนี้จะทำให้รู้สึกสบายเพราะไม่ได้ไปทำอะไรที่เสียหาย พร้อมปกป้องงานนี้เพื่อไม่ให้มาตรฐานการลงโทษคนมีสติปัญญามันสมองล้ำเลิศ ดังนั้นควรควรใช้ความรู้ความสามารถเพื่อทำประโยชน์ให้สูงสุด

ส่วนที่หลายคนมองว่าการวีโต้ เป็นการเปิดศึกกับแพทยสภานั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่จริง แพทย์ถ้ายังอยู่ในวิชาชีพจะรู้ว่าตนออกมาปกป้อง เรื่องอัตราโทษที่เกิดขึ้นไม่ใช่การเพิ่มโทษ อย่างในอดีตที่มีการกระทำผิดในลักษณะนี้ก็มีการยกโทษให้ แต่วันนี้กลับมาโดนพักใบอนุญาต หากทำให้เขาตกงาน ครอบครัวพี่น้องเขาจะเป็นอย่างไร ตนมาเพื่อทำให้ทิศทางการลงโทษและอัตราโทษยังคงเหมือนเดิม ยืนยันว่าทำถูกต้อง เชื่อว่าไม่มีผลอะไรตามมา อย่าไปคิดมาก

นายสมศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีใบสั่ง การวีโต้ถ้าไม่มีข้อมูลทำไม่ได้ และไม่มีข้อมูลใหม่ จะสั่งตนได้อย่างไร ทั้งนี้ ไม่ได้คุยอะไรกับนายทักษิณในเรื่องนี้ มีแค่ไลน์หลุด ไม่มีการเอื้อนายทักษิณที่จะขึ้นศาลในวันที่ 13 มิ.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวถามถึง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง จะเข้าร่วมประชุมวันที่ 12 มิ.ย.หรือไม่ นพ.โอภาส ยิ้ม แล้วไม่ได้ตอบคำถามอะไร.-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]