เพชรบุรี 14 พ.ค.- รมว.ยุติธรรม เผยรัฐบาลเสียใจต่อการเสียชีวิตของ “บุ้ง ทะลุวัง” ระบุนายกฯ สั่งการให้ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ยินดีให้ผู้ปกครอง-ทนายความร่วมตรวจสอบ กำหนดรู้ผลไม่เกิน 7 วัน เตรียมเข้าเยี่ยม “ตะวัน” ด้วยตัวเอง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร หรือ บุ้ง ทะลุวัง ว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ที่จังหวัดเพชรบุรี ได้รับรายงานจากกรมราชทัณฑ์ ว่าได้มีการนำตัวบุ้ง ส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และทราบว่ามีการวินิจฉัยว่า เสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงได้ขอให้ทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ และกรมราชทัณฑ์ สื่อสารข้อมูลเบื้องต้นออกไป ซึ่งโดยหลักการการเสียชีวิตของผู้ที่อยู่ระหว่างการควบคุมของราชทัณฑ์ หรือการควบคุมของเจ้าพนักงาน ถือเป็นการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ ดังนั้น หลักการจะต้องมีการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งการชันสูตรพลิกศพจะประกอบด้วยแพทย์จากนิติเวช ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นแพทย์จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ กับเจ้าพนักงานสอบสวน และเนื่องจากเรื่องนี้เป็นการเสียชีวิตโดยการควบคุมของเจ้าพนักงาน ก็จะต้องมีพนักงานอัยการ พนักงานฝ่ายปกครอง และผู้เกี่ยวข้องมาร่วมชันสูตรพลิกศพ โดยมีหลักการว่าจะต้องทำให้เสร็จภายใน 7 วัน
“ก่อนอื่นในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรัฐบาล ทุกคนขอแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิต และประการที่สอง อยากให้กระบวนการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งถือเป็นสหวิชาชีพ และเป็นคนกลาง ได้เข้าทำหน้าที่ เชื่อกันว่าจะเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา และจะลดความรู้สึกที่ไม่สบายใจของแต่ละฝ่ายลงได้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรือนจำ หลังจากที่เรามีพระราชบัญญัติการซ้อมทรมาน หรือการบังคับให้คนสูญหาย หลักฐานต่างๆ ก็จะมีการบันทึกวิดีโอไว้ จึงเรียนว่าถ้ามีใครสงสัยในประเด็นใดก็ยินดีที่จะให้ตรวจสอบ ซึ่งจากรายงานเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตได้อยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และอยู่ร่วมกับ น.ส.ทานตะวัน เพื่อให้มีความรู้สึกว่าจะได้ดูแลซึ่งกันและกัน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ก็ต้องขอแสดงความเสียใจ ส่วนรายละเอียดนั้น กระบวนการต่างๆ ได้มีการตรวจสอบ” รมว.ยุติธรรม กล่าว
ส่วนคณะกรรมการที่จะมาตรวจสอบจะต้องประกอบจากส่วนไหนบ้าง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตามหลักการต้องเป็นไปตามกฏหมาย คือหนึ่งต้องมีแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ โดยต้องมีใบประกอบวิชาชีพ สองต้องมีพนักงานอัยการ สามมีพนักงานสอบสวน สี่พนักงานฝ่ายปกครองคือตำรวจ และสามารถให้ญาติเข้าไปรับรู้ได้ แต่ไม่มีตัวแทนจากกรมราชทัณฑ์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เชื่อว่าเป็นกระบวนการที่โปร่งใส อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้เสียชีวิตอยู่กับโรงพยาบาลตลอด ทำให้มีหลักฐานการรักษา การตรวจ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ก็ต้องสนับสนุนหลักฐานให้กับคณะกรรมการชันสูตรพลิกศพ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ได้รายงานให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทราบตั้งแต่ช่วงแรกที่นำตัวบุ้งไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่า ให้รักษาและช่วยเหลือให้ดีที่สุด และภายหลังจากทราบว่าเสียชีวิต ได้มีการรายงานอีกครั้ง นายกรัฐมนตรีก็บอกว่า ต้องทำทุกอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากผู้เสียชีวิต มีคดี 3 คดี คือ คดีละเมิดอำนาจศาล ซึ่งได้ลงโทษจบไปแล้ว อีกคดีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ถอนประกัน และยังมีอีกคดีหนึ่งที่อยู่ระหว่างการพิจารณา คือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเรือนจำต้องทำตามคำสั่งศาล
เมื่อถามถึงอาการของ น.ส.ทานตะวัน หรือ “ตะวัน” พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เดี๋ยวตนจะเข้าไปเยี่ยม เพราะตอนนี้ได้รับแต่รายงาน ปกติแล้ว ส่วนตัวถ้าไม่เห็นด้วยตา ก็ไม่อยากจะพูดอะไร
เมื่อถามย้ำว่า น.ส.ทานตะวัน ยังอดอาหารอยู่หรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า อันนี้ไม่ได้ดูรายละเอียด เพราะรายละเอียดต่างๆ มีแพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ดูแล และจะมีการบันทึกรายงานไว้แต่ละวันของผู้ต้องขังที่อยู่ในโรงพยาบาล
ส่วนต้องระมัดระวังไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกใช่หรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ และแพทย์ ว่าบุ้งมีการเข้า-ออก ระหว่างโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ซึ่งทั้งสองโรงพยาบาลได้ทำตามวิชาชีพแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า นอกจากญาติแล้ว ทนายความสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในคณะกรรมการได้ด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ยินดี และเช้าวันเดียวกันนี้ ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ได้แจ้งกับทางผู้ปกครองของผู้เสียชีวิต ก่อนที่จะแจ้งกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสียอีก.-316.-สำนักข่าวไทย
