ศบ.ทก.ย้ำมาตรการปกป้องอธิปไตยเป็นไปตามขั้นตอน

ทำเนียบ 24 ก.ค.- ศบ.ทก.เผยความจำเป็นในการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา หลังสถานการณ์ตึงเครียดลุกลาม ย้ำ มาตรการปกป้องอธิปไตยเป็นไปตามขั้นตอน พร้อมเดินหน้าประท้วง และประณามกัมพูชาอย่างที่สุดในการละเมิดอธิปไตย นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ ว่า ที่ผ่านมา ศบ.ทก. ยืนยันมาโดยตลอดว่า ไม่ปิดด่านเพียงแต่เพิ่มความเข้มงวด ซึ่งเป็นไปตามที่หารือกันในที่ประชุม เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และเพื่อความปลอดภัยของประชาชน แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทางการไทยมีความจำเป็นต้องปิดด่านในจุดต่างๆ เพื่อปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นมาตรการอย่างเป็นขั้นตอน จากขั้น 1-2 ที่ผ่านมา จนขณะนี้มาถึงขั้นที่ 4 ส่วนการดำเนินการด้านการต่างประเทศ ของกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวานนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศ และผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ในเรื่องเหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่อำเภอช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี และการประท้วงของฝ่ายไทย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี โดยมีผู้แทนคณะทูตต่างประเทศมาเข้าร่วม จำนวน 93 คน จาก 68 ประเทศ โดยฝ่ายไทยได้ชี้แจงท่าทีและจุดยืนในเรื่องดังกล่าว และการดำเนินการในเรื่องนี้ ทั้งการประท้วงฝ่ายกัมพูชาโดยตรง […]

ศบ.ทก.เปิดไทม์ไลน์เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 24 ก.ค.- โฆษก ศบ.ทก. ไล่เลียงไทม์ไลน์ เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำทหารกัมพูชาวางอาวุธครบมือ พร้อมเปิดฉากยิงก่อน ใกล้ปราสาทตาเมือนธม ก่อนขยายการปะทะไปอีก 6 จุด ประชาชนตาย 1 บาดเจ็บ 3 เด็ก 5 ขวบเจ็บด้วย ชี้ ศบ.ทก. ยกระดับขั้นที่ 4 ปิดทุกด่านชายแดน วอนนักพนันไทยดูแลตัวเอง เดินทางกลับไม่ได้ พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ศบ.ทก. แถลงว่า ที่ประชุม ศบ.ทก. ได้มีการพูดคุยติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยไล่เรียงเหตุการณ์ก่อนเกิดการปะทะ โดยเฉพาะล่าสุด เหตุการณ์รอบวางระเบิดที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เกิดเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสาหัส ยืนยันว่า เป็นพื้นที่ปฏิบัติการของฝ่ายไทย มีการลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 7:35 น. ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้โดรนบิน เพื่อตรวจการการวางกำลังของฝ่ายไทย บริเวณประสาทตาเมือน จากนั้นได้พบความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชานำอาวุธเข้าประจำการบริเวณด้านหน้าลวดหนาม พร้อมกำลังพล […]

แนะรัฐปฏิบัติการเชิงรุกตามหลักสากล ปมกัมพูชายิงถล่ม

กรุงเทพฯ 24 ก.ค.- นักวิชาการ แนะรัฐปฏิบัติการเชิงรุกตามหลักสากล ปมกัมพูชายิงถล่ม เร่งเปิดโปงหลักฐานพฤติกรรมฟ้องชาวโลก เพื่อลดท่าทีแข็งกร้าวเขมร ชี้ใครยิงก่อนไม่สำคัญเท่าการยิงเข้ามาในพื้นที่อธิปไตยไทย ขณะเดียวกันหาช่องทางเจรจาบนพื้นฐานความเข้มแข็ง เชื่อไม่บานปลาย เหตุกัมพูชาไม่ได้หวังทำสงคราม แค่อยากยั่วยุ หวังใช้ประโยชน์ พร้อมบอก กต.ต้องทำงานมากขึ้น เแค่เชิญทูตแจงยังไม่พอ สัญญาณอ่อน ต้องสื่อสารตรงผู้นำทั่วโลก นายปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดการปะทะกันหลังกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้ามา ว่า ไทยต้องดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้ ไม่ว่าจะแผนอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ แผนการสถาปนากำลังเข้าไปตามแนวอำนาจอธิปไตยที่เรียกกว่าแผนจักรพงศ์ภูวนาถที่ใช้มาแล้ว แต่ครั้งนี้ต้องเข้มข้นขึ้น เพราะสถานการณ์ซับซ้อนขึ้น ขณะเดียวกันจะต้องใช้แผนการทางการทูตและการเมืองระหว่างประเทศ ที่จะต้องใช้ช่องทางพิเศษในการสื่อสารกับกัมพูชาให้เข้าใจถึงตั้งใจในการปกป้องอธิปไตยแต่ไม่รุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา แม้แต่พื้นที่ที่เป็นข้อพิพาทแต่การดำเนินการตั้งรับแบบเชิงรุกก็ต้องทำให้เข้มข้นขึ้น การเก็บทุ่นระเบิด การปิดพื้นที่บางพื้นที่ เช่น ตัวปราสาททั้ง 2 แห่ง ในทางปฏิบัติเราอาจดำเนินการเชิงรุก หากมีการโต้ตอบเราก็หาทางป้องกันตนเอง หรือบางกรณีก็ต้องปฏิบัติการเชิงรุก ซึ่งทำได้ทั้งหมดตามหลักสากลเพียง แต่ต้องมีความชัดเจนและต้องสื่อสารกับนานาชาติว่าเราปฏิบัติการทางทหารในรูปแบบใด โดยจำกัดอยู่ที่กองทัพบก เรายังไม่ได้ประกอบกำลังรบแบบพร้อมรบจริงๆ แบบที่จะมีกองทัพอากาศ กองทัพเรือ และบัญชาการโดยกองทัพไทย ดังนั้นสถานการณ์ยังมีทางออกอยู่ และจำเป็นต้องสื่อสารกันทางการเมืองด้วย หากการสื่อสารกับฝ่ายการเมืองด้วยช่องทางพิเศษในยามวิกฤตเช่นนี้ทำได้ การสั่งลงมาให้แต่ละฝ่ายยึดแนวปฏิบัติที่ชัดเจนขึ้น พร้อมไปคุยกันในเรื่องกฎการปะทะ กฎในการปฏิบัติในการวางกำลัง สถานการณ์ก็จะคลี่คลายเร็ว […]

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจรับมือภาษีสหรัฐ

ทำเนียบฯ 24 ก.ค. – บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจรับมือภาษีสหรัฐ ย้ำทุกหน่วยงานต้องใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์ สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 4/2568 หลังเศรษฐกิจไทยประสบปัญหาขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพ และสัดส่วนการลงทุนของภาครัฐและเอกชนเมื่อเทียบกับ GDP รัฐบาลจึงจำเป็นต้องแก้ไข ปัญหาโดยเร่งด่วน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับแข็งแกร่งได้อีกครั้ง ตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวงเงิน 157,000 ล้านบาท “งบประมาณถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงขอให้ร่วมกันทบทวนโครงการ อย่างรอบคอบและสอดคล้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อบรรเทาผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน” นายภูมิธรรม กล่าว นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า งบกลางกว่า 4.2 หมื่นล้านบาท ต้องกันเอามาใช้รองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐ ในส่วนของคนทำงานอยากได้อัตราภาษีตามข้อเสนอ สำหรับปัญหาเศรษฐกิจตามแนวชายแดน ต้องให้นายภูมิธรรม ตอนในเรื่องนี้ ส่วนข้อเสนอเงื่อนไขเพิ่มเติมให้กับสหรัฐ ทีมไทยแลนด์เตรียมเสนอในวันนี้ จากกระแสข่าวระบุว่าได้เสนอไปแล้วเมื่อวาน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายภาษีแบบตอบโต้ […]

“ฉลาด ขามช่วง” นั่งรอง ปธ.สภาฯ คนที่ 2 แบบไร้คู่แข่ง

รัฐสภา 24 ก.ค.- สภาฯ เลือก “ฉลาด ขามช่วง” นั่ง “รอง ปธ.สภาฯ คนที่ 2” แบบไร้คู่แข่ง ยันจะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่คำนึงว่ามาจาก “เพื่อไทย” พร้อมสร้างให้สภาฯ น่าอยู่ ไม่ใช่ “สภาฯ น่าเบื่อ” ด้าน ‘วันนอร์’ แซว ได้รอง 2 ชื่อ ‘ฉลาด’ แล้ว หวังว่าคงจะฉลาดทั้งสภาฯ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเลือกบุคคลให้มาดำรงตำแหน่ง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 แทนนายภราดร ปริศนานันทกุล ที่ลาออกจากตำแหน่ง โดย นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อ นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เพียงคนเดียว โดยที่ไม่มีพรรคใดเสนอชื่อแข่ง จากนั้น นายฉลาด ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่า ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่เสนอชื่อให้ทำหน้าที่ เนื่องจากนายภราดรได้ลาออกจากตำแหน่งด้วยวิถีทางการเมือง เป็นปกติในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย […]

สุดป่วน ยื้อตั้งรองปธ.สภาฯ

ที่รัฐสภา 24 ก.ค.- สภาฯ สุดป่วน ยื้อตั้งรองปธ.สภาฯ ด้าน สส.ฝ่ายค้าน แย่งกันขานชื่อ ขณะที่ สส.ศรีสะเกษ “เพื่อไทย” “นุชนารถ” ลั่น ยิงกันแล้วที่บ้านดิฉัน ด้าน “หมอภูมินทร์” โวย เสียเวลา สภาถกเรื่องไร้สาระ ชี้ ประชาชนชายแดนหลายล้านเดือดร้อน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภ ผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เมื่อเข้าสู่วาระ นายวัชรพล ขาวขำ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติขอเปลี่ยนแปลงระเบียบวาระ โดยให้นำเรื่องอื่นๆ คือการลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่สอง ขึ้นมาก่อนการถามกระทู้สด ทั้งนี้นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะประธานวิปฝ่ายค้านเห็นแย้งและเสนอให้เป็นไปตามระเบียบวาระ ทั้งนี้นายวัน มูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตามข้อบังคับเมื่อมีคนเห็นเป็นอย่างอื่นต้องมีการลงมติตัดสิน และได้เรียกสส.เข้าห้องประชุมเพื่อตรวจสอบองค์ประชุม อย่างไรก็ดีหลังจากที่ใช้เวลาตรวจสอบองค์ประชุมได้ระยะหนึ่ง นายวันมูหะมัดนอร์ ได้แจ้งองค์ประชุมคือ 252 คน และมีผู้แสดงตนด้วยวาจารวม 3 […]

พายุวิภากระทบหนักเวียดนาม-ฟิลิปปินส์

ฮานอย 24 ก.ค. – อิทธิพลของพายุวิภาส่งผลให้เกิดน้ำท่วมสูงในเวียดนาม ขณะที่ฟิลิปปินส์เกิดน้ำท่วมทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตและสูญหายหลายคน เวียดนามระบุว่า พายุโซนร้อนวิภาส่งผลเกิดน้ำท่วมสูง ชาวบ้านในพื้นที่ภาคกลางหลายร้อยครัวเรือนต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากเส้นทางหลักได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมฉับพลัน ประชาชนราว 12,500 คนในพื้นที่เสี่ยงสูงต้องอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในจังหวัดเหงะอานทางตอนกลางของประเทศต้องพร่องน้ำออกจากเขื่อน ชุมชนหลายแห่งได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำที่ท่วมสูงจนถึงหลังคาบ้าน ชาวบ้านต้องอพยพไปอยู่ในที่สูง ผู้ได้รับผลกระทบบอกว่าระดับน้ำในปีนี้สูงและน่ากลัวยิ่งกว่าน้ำท่วมเมื่อปี 2531 แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในเวียดนาม ส่วนที่ฟิลิปปินส์แม้ว่าพายุวิภาเคลื่อนผ่านไปตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์แต่อิทธิพลของพายุก็ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มทั่วประเทศ รวมทั้งในกรุงมะนิลาที่ยังมีน้ำท่วมสูง ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการใช้ชีวิตของประชาชน โดยที่กรุงมะนิลาต้องประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติ สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้างทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 7 คน และมีผู้สูญหายอีก 8 คน มีประชาชนได้รับผลกระทบมากกว่า 1,410,000.-816.-สำนักข่าวไทย

เรียกร้องนานาอารยประเทศ ประณาม “กัมพูชา” เปิดฉากยิงก่อน

ทำเนียบ 24 ก.ค.- รัฐบาลไทยเรียกร้องนานาอารยประเทศ ประณามความโหดร้ายไร้มนุษยธรรมของ “กัมพูชา” กระหายสงคราม เปิดฉากยิงก่อนช่วงเช้า ระดมใช้อาวุธหนัก ไม่สนใจเป้าหมายทางพลเรือน กระสุนปืนใหญ่ตกใส่โรงพยาบาล บ้านเรือนชาวไทย ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวว่าจากพยานหลักฐานชัดเจนว่า กัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารไทยก่อน และยังใช้อาวุธหนักอย่างต่อเนื่องเข้าใส่เป้าหมายทางพลเรือน และขอเรียกร้องให้ทั่วโลกประณามความเลวร้ายของกัมพูชาโดยกัมพูชาเป็นผู้กระหายสงคราม โดยไม่สนหลักสิทธิมนุษยชนใด ๆ แม้แต่น้อย ทั้งนี้ โดยผู้แทนกองทัพบกรายงาน ต่อ ศก.ทก ว่า สถานการณ์ชายแดนนั้น ยืนยันชัดเจนจากข้อมูล และพยานหลักฐาน พบว่า ทหารกัมพูชาได้มีเจตนาพิเศษดำเนินการในลักษณะยั่วยุ และละเมิดข้อตกลงมาตั้งแต่ต้นปี และในเช้าวันนี้ ( 24 กค.) ได้เปิดฉากใช้อาวุธก่อนโดยมีการบินโดรน (อากาศยานไร้คนขับ) เข้ามาในพื้นที่ของประเทศไทยเพื่อยั่วยุจากนั้น ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารไทย ซึ่งกัมพูชามีการใช้อาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง โดยมีการใช้จรวดหลายลำกล้องขนาด122 มม.( จลก. BM 21) และ จรวด RPG ยิงเข้าใส่พลเรือนไทยที่ชุมชนบริเวณชายแดนอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และอีกหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา […]

กัมพูชาประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย

พนมเปญ 24 ก.ค. – รัฐบาลกัมพูชาประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยเป็นระดับต่ำสุด ขณะที่สื่อกัมพูชารายงานข่าวสถานการณ์ชายแดนเช้าวันนี้ว่าเป็นการตอบโต้ของกองทัพกัมพูชาต่อการรุกรานของไทยและการปิดปราสาทตาเมือนธม วันนี้รัฐบาลกัมพูชาประกาศตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลงเป็นระดับต่ำสุด เพื่อตอบโต้รัฐบาลไทยที่เมื่อวานนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีประกาศตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา หลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเป็นครั้งที่สองเมื่อวานนี้ กัมพูชาระบุว่าจะตอบสนองด้วยการลดความสัมพันธ์ทางการทูตลงเหลือเพียงระดับ “อุปทูตลำดับที่สอง” เท่านั้น นอกจากนี้นักการทูตกัมพูชาทุกคนที่ประจำการอยู่ที่สถานทูตกัมพูชาในกรุงเทพ ยังได้รับคำสั่งให้เดินทางกลับบ้านด้วยและทางฝ่ายไทยได้รับคำสั่งให้นักการทูตไทยเดินทางออกจากกัมพูชาด้วยเช่นกัน อีกด้านหนึ่งกระทรวงกลาโหมกัมพูชา โดยนางมาลี โสเชตา ปลัดกระทรวงกลาโหม เมื่อคืนนี้แถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายไทยอย่างเด็ดขาดเรื่องทหารไทยเหยียบกับระเบิดเมื่อวานนี้ ซึ่งทางกัมพูชาอ้างว่าเหตุเกิดในพื้นที่หมู่บ้านอัน เสส ตำบลและอำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารของกัมพูชา นางมาลีระบุว่าข้อกล่าวของไทยที่ว่ากับระเบิดในอยู่เขตแดนไทยและเป็นระเบิดฝังใหม่โดยทหารกัมพูชานั้นไม่มีมูลความจริงซึ่งกัมพูชาขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยหลีกเลี่ยงการกระทำที่ขัดต่อการใช้เส้นทางลาดตระเวนที่กำหนดเอาไว้ในเอ็มโอยี 43 นอกจากนี้นางมาลียังบอกด้วยว่าเป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยไม่เพียงแต่ไม่รับผิดชอบต่อการกระทำที่ก้าวร้าวของตนเท่านั้น แต่ยังกล่าวหากัมพูชาว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ในขณะที่กัมพูชาเองเป็นเหยื่อของความ อยุติธรรมจากการละเมิดของฝ่ายไทย ขณะที่สื่อของกัมพูชารายงานสถานการณ์เช้าวันนี้ว่า“กองทัพกัมพูชาเปิดฉากโจมตีตอบโต้การรุกรานของทหารไทยและการสั่งปิดปราสาทตาเมือนธม” โดยอ้างข้อมูลจากนายทหารระดับสูงของกัมพูชาที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเฟรชนิวส์จากพื้นชายแดนในเช้าวันนี้ ซึ่งทางกัมพูชาอ้างว่าจุดปะทะอยู่ในจังหวัดพระวิหาร และหลังจากการปะทะที่ตาเมือนธมในจังหวัดอุดรมีชัยแล้ว ขณะนี้การสู้รบได้ขยายพื้นที่ออกไปยังพนมกมุช ในจังหวัดพระวิหาร เวลานี้กำลังมีการยิงตอบโต้กันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ซึ่งซึ่งกัมพูชาได้อ้างรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นายแต่ฝั่งกัมพูชาไม่มีผู้บาดเจ็บ.-816.-สำนักข่าวไทย

อ.น้ำยืน อพยพชาวบ้าน ไปยังพื้นที่ปลอดภัย

อุบลราชธานี 24 ก.ค. – ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดการปะทะตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยเฉพาะ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านได้อพยพออกจากบ้าน เตรียมเดินทางไปยังพื้นที่ปลอดภัย เมื่อเวลา 10.00 น. ทีมข่าวเดินทางติดตามชาวบ้านในอำเภอน้ำยืน อพยพออกจากบ้านมายังจุดรวมพล ที่โรงเรียนน้ำยืนวิทยา ตามแผนฉุกเฉินที่เคยซักซ้อมไว้ โดยจุดรวมพลแห่งนี้เป็นส่วนกลางรับผิดชอบของเทศบาลตำบลน้ำยืนให้ข้อมูลว่ามีประชาชนที่พร้อมอพยพประมาณ 4500 คนโดยจะแยกเป็นหมู่บ้านซึ่งจุดรวมแห่งนี้มีทั้งหมด 10 หมู่บ้าน รวมไปถึงหมู่บ้านข้างเคียงอย่างตำบลสีวิเชียร จากนั้นจะมีรถจากทางอำเภอในหน่วยงานที่รับผิดชอบมาขึ้นรถอพยพไปยังอำเภอเดชอุดมยังที่ปลอดภัยเนื่องจากพ้นระยะแนวการยิงของปืนใหญ่ ชาวบ้านต่างพากันอพยพกันมาด้วยความด้วยความโกลาหล ได้รับแจ้งข่าวจากผู้นำชุมชนเมื่อเวลา 09.00 น. ผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศเสียงตามสายโทรศัพท์แจ้งทางออนไลน์ทุกช่องทางจนทุกคนได้บอกต่อกันและมารวมพลกันตามแผนซ้อมอพยพเบื้องต้น ณ ขณะนี้ ยังไม่ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในพื้นที่อำเภอน้ำยืน ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า ได้ยินชาวบ้านแจ้งกันผ่านเสียงตามสายโทรศัพท์ให้พากันอพยพโดยด่วน ซึ่งชาวบ้านบอกว่ารู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ตนเองเอาเฉพาะของที่จำเป็นแล้ววิ่งออกมาโดยไม่คิดชีวิต และยังอยากฝากให้ทั้งสองประเทศเจรจาสงบศึกให้เร็ว เนื่องจากได้รับผลกระทบทั้งการทำมาหากินทางเศรษฐกิจที่แย่และเป็นหนี้เป็นสิน อีกทั้งยังต้องมาวิ่งเอาชีวิตรอดหลบกระสุนปืน รู้สึกเครียดมากกับเหตุการณ์ในวันนี้.-สำนักข่าวไทย

ก.คมนาคม รายงานสถานการณ์อุทกภัย 24 ก.ค.

24 ก.ค. – นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนในการเดินทาง จากสถานการณ์พายุโซนร้อนวิภาที่ส่งผลให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมทุกโหมดการเดินทาง ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ ดำเนินมาตรการความปลอดภัยสูงสุด เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ หน่วยงานกระทรวงคมนาคมได้รายงานสถานการณ์อุทกภัยบนโครงข่ายของกระทรวงคมนาคม ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ดังนี้ ทั้งนี้ ประชาชนผู้ประสบเหตุอุทกภัยสามารถติดต่อขอรับการช่วยเหลือจากกระทรวงคมนาคมได้ที่สายด่วน (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) ได้แก่ กระทรวงคมนาคม 1356 ทล. 1586 ทช. 1146 รฟท. 1690 กรมเจ้าท่า 1199 และ AOT Contact Center 1722.-513-สำนักข่าวไทย

พายุวิภาทำเวียดนามจมน้ำ

ฮานอย 24 ก.ค. – อิทธิพลของพายุโซนร้อนวิภาที่แม้จะเคลื่อนผ่านเวียดนามและอ่อนกำลังลงตามลำดับ แต่ก็ยังส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างหลายพื้นที่ของประเทศ สถานีโทรทัศน์ของเวียดนามรายงานว่า จังหวัดเหงะอานทางภาคกลาง เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนวิภาที่เคลือนขั้นฝั่งพัดถล่มตั้งแต่เมื่อวันอังคารมากที่สุด ฝนที่ตกหนักส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันเป็นบริเวณกว้าง บางพื้นที่น้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ชาวบ้านหลายพันครอบครัวต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ตลอดคืนวันอังคารจนถึงเช้าวันพุธฝนตกหนัก ปริมาณน้ำฝนมากกว่า 200 มิลลิเมตร ทางการท้องถิ่นเตือนให้ประชาชนระวังดินโคลนถล่มโดยเฉพาะพื้นที่เชิงเขา ทหารกว่า 350,000 นายได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมทั่วประเทศ แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ แต่บ้านเรือนชาวบ้านจมน้ำกว่าพันหลังคาเรือน พื้นที่เพาะปลูกเสียหายอีกหลายหมื่นไร่ สำหรับพายุโซนร้อนวิภาได้อ่อนกำลังลงตามลำดับ ล่าสุดเหลือเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณแขวงหลวงพระบาง ของ สปป.ลาว และคาดว่าจะอ่อนกำลังลงอีก มีแนวโน้มจะเคลื่อนที่ออกไปทางประเทศเมียนมาในช่วงวันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้ แต่อิทธิพลของพายุวิภา ยังคงส่งผลให้เกิดฝนตกหนักทั้งใน สปป. ลาว เวียดนาม และไทยไปจนถึงช่วงสุดสัปดาห์นี้.-815.-สำนักข่าวไทย

1 512 513 514 515 516 34,748