ตำรวจเตือนครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย มีโทษถึงติดคุก

กทม. 9 ก.ค.-ตำรวจเตือน การครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มีโทษหนักตามกฎหมาย ถึงขั้นจำคุก

พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนชี้แจงถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ผิดกฎหมายและโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีบทลงโทษหนักตามกฎหมายถึงขั้นจำคุก โดยอาวุธปืนถือเป็นสิ่งที่มีกฎหมายควบคุมเป็นการเฉพาะ ไม่ใช่สินค้าที่จะซื้อขายกันได้อย่างเสรี บุคคลที่จะครอบครองหรือพกพาอาวุธปืนได้จะต้องได้รับการอนุญาตจากนายทะเบียนตามขั้นตอนของกฎหมายเสียก่อน เพื่อตรวจสอบผู้ที่ต้องการจะครอบครองอาวุธปืน ว่ามีวุฒิภาวะเพียงพอในการครอบครองหรือพกพาอาวุธปืน เพราะเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงและอาจใช้ในการกระทำความผิดได้ รวมถึงเพื่อป้องกันภยันตรายอันเกิดจากการใช้อาวุธปืน แต่ในปัจจุบันคดีอาชญากรรมมักจะมีการใช้อาวุธปืนเข้าไปมีส่วนในการกระทำความผิด เนื่องจากอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายนั้นสามารถลักลอบซื้อขายกันได้ง่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ


ซึ่งรัฐบาลก็มีความห่วงใยต่อการเกิดอาชญากรรมในทุกรูปแบบที่มีผลกระทบต่อประชาชน โดยได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ปราบปรามผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว พลตำรสจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ให้กระทำการป้องกันปราบปรามความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ หรืออาวุธอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ตามอำนาจหน้าที่โดยเร็ว พร้อมทั้งสืบสวนขยายผลไปยังผู้การทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า หรือจำหน่าย ในทุกๆช่องทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย

เพื่อเป็นการตัดต้นเหตุรวมทั้งลดความรุนแรงของปัญหาอาชญากรรมต่างที่อาจเกิดขึ้น ดังเช่นในกรณีของวันที่ 8 ก.ค. 2565 สน.ท่าข้าม ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตในพื้นที่รับผิดชอบ พนักงานสอบสวนพร้อมแพทย์เวรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการตายตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยจากการตรวจสอบพบร่างผู้ตาย อายุ 16 ปี นอนนิ่งอยู่บนพื้นในจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าท้องมีบาดแผลคล้ายรอยกระสุนปืน ฝังอยู่ 1 นัด และจากการสอบปากคำพยานและผู้ต้องหา อายุ 15 ปี ที่ก่อเหตุรับสารภาพว่าเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2565 เวลาประมาณ 22.00 น. ได้ชวนผู้ตายมานั่งเล่นที่บ้านก่อนชวนกันขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อทดลองยิงปืนที่ตนได้ซื้อมาระหว่างทดลองยิงปืนได้เกิดลั่นใส่บริเวณท้องของเพื่อนและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดอาวุธปืนของกลางและกระสุนปืนเพื่อส่งตรวจพิสูจน์ประกอบสำนวนคดี โดยผู้ต้องหารับว่าอาวุธปืนเป็นของตนที่ซื้อมาผ่านช่องทางออนไลน์ในราคา 6,000 บาท จากนั้นจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมอาวุธปืนของกลางเพื่อไปดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป


ความคืบหน้าขณะนี้ พนักงานสอบสวนได้ส่งศพผู้เสียชีวิตไปทำการชันสูตรที่โรงพยาบาลศิริราช ส่งของกลางไปตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง และทำการสอบปากคำพยาน ทำการสอบปากคำพยาน ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พร้อมนำตัวผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องตรวจสอบการจับและขอให้ศาลควบคุมตัวต่อศาลเยาชนและครอบครัวกลาง และจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
โดยการกระทำในลักษณะดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7 ห้ามมิให้ผู้ใดทำ ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ต้องระวางโทษตามมาตรา 72 วรรคสอง ถ้าการฝ่าฝืนตามวรรคหนึ่งเป็นกรณีเกี่ยวกับส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืนตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง หรือเป็นกรณีที่มีเครื่องกระสุนปืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอฝากเตือนไปยังผู้ที่กระทำความผิดลักษณะดังกล่าวตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ว่ามีอัตราโทษที่ร้ายแรงถึงขั้นจำคุก ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการปราบปราม สืบสวนสอบสวนและจับกุมผู้กระทำผิดดำเนินคดีตามกฎหมายมาโดยตลอดไปแล้วหลายราย และฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการซื้อขายอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือช่องทางอื่นใด ให้รีบแจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ในทันที พร้อมทั้งช่วยสอดส่อง กำกับดูแล ให้ความรู้บุตรหลานในการใช้โซเชียลมีเดียอย่างถูกวิธี.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]