จำคุก

ปารีส 26 ก.ย. – นายนิโกลาส์ ซาร์โกซี อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี ฐานสมรู้ร่วมคิดในการรับเงินหาเสียงจากลิเบีย นับเป็นอดีตผู้นำฝรั่งเศสคนแรกที่ต้องรับโทษจำคุก ศาลในกรุงปารีสมีคำตัดสินเมื่อวานนี้ให้จำคุกนายซาร์โกซีเป็นเวลา 5 ปี จากความผิดฐานสมคบคิดเพื่ออาชญากรรมจากความพยายามของบุคคลใกล้ชิดในการจัดหาเงินทุนหาเสียงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2550 จากลิเบียซึ่งในขณะนั้นอยู่ในการปกครองของนายมูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำเผด็จการของลิเบีย นายซาร์โกซีถูกกล่าวหาว่าทำข้อตกลงกับกัดดาฟีเมื่อปี 2548 เพื่อรับเงินสำหรับใช้หาเสียงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี ซึ่งในขณะนั้นเขาอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยของฝรั่งเศส แต่ศาลชี้ว่าไม่มีหลักฐานว่าซาร์โกซีทำข้อตกลงกับกัดดาฟีหรือมีเงินจากลิเบียส่งไปยังคลังหาเสียงของนายซาร์โกซี แต่นายซาร์โกซีมีความผิดจากการปล่อยให้ผู้ช่วยติดต่อกับผู้คนในลิเบียเพื่อหาเงินสำหรับการหาเสียงระหว่างปี 2548-2550 ศาลได้กล่าวเสริมว่าหลังจากที่นายซาร์โกซีเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 ทำให้เขาได้รับความคุ้มครองตามสิทธิของประธานาธิบดี คำตัดสินของศาลถือว่ารุนแรงกว่าที่หลายคนคาดเอาไว้ และถือเป็นจุกตกต่ำที่สุดของนายซาร์โกซีซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสระหว่างปี 2550-2555 โดยคำตัดสินมีผลให้นายซาร์โกซีต้องเข้าเรือนจำทันทีแม้ว่าเจ้าตัวจะยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีก็ตาม แต่ผู้พิพากษาระบุว่านายซาร์โกซีจะมีเวลาช่วงสั้นๆ เพื่อทำเรื่องต่างๆ ของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่อัยการจะเรียกตัวเข้าห้องขัง คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นภายใน 1 เดือน ซึ่งจะส่งผลให้นายซาร์โกซีเป็นอดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนแรกที่ต้องรับโทษจำคุก.-816.-สำนักข่าวไทย

ปักกิ่ง 21 ก.ย. – องค์กรนักข่าวไร้พรมแดน (Reporters Without Borders) หรือ อาร์เอสเอฟ (RSF) กล่าวในวันเสาร์ว่า นักข่าวชาวจีนรายหนึ่งที่เคยถูกจำคุก 4 ปี จากการทำข่าวที่เป็นสารคดีในช่วงระยะแรกของการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากศูนย์กลางการระบาด ได้ถูกตัดสินจำคุกเพิ่มอีก 4 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อาร์เอสเอฟ รายงานว่า จาง จ้าน วัย 42 ปี ถูกตัดสินลงโทษในข้อหา “ก่อเหตุทะเลาะวิวาทและยั่วยุให้เกิดปัญหา” ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับที่ทำให้เธอถูกลงโทษจำคุกในเดือนธันวาคม 2020 หลังจากที่เธอโพสต์เรื่องราวจากประสบการณ์ตรงในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาในช่วงแรก นางอเล็กซานดรา บีลาคอฟสกา ผู้จัดการฝ่ายสนับสนุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของอาร์เอสเอฟกล่าวในแถลงการณ์ว่า จาง จ้านควรได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็น ‘วีรสตรีด้านข้อมูลข่าวสาร’ ไม่ใช่ถูกกักขังในเรือนจำในสภาพที่โหดร้าย ความทุกข์ทรมานและการถูกข่มเหงของเธอต้องสิ้นสุดลง ขณะนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด ที่ประชาคมการทูตระหว่างประเทศจะกดดันจีนให้ปล่อยตัวเธอทันที จางถูกจับกุมหลังจากที่เธอโพสต์เรื่องราวของโควิดผ่านไปหลายเดือน ซึ่งเธอนำคลิปวิดีโอจากโรงพยาบาลที่ผู้คนแออัดและถนนที่ว่างเปล่าออกเผยแพร่ ซึ่งเผยให้เห็นภาพในช่วงแรกของการระบาดที่เลวร้ายกว่าที่ทางการได้นำเสนอ ทนายความของเธอในขณะนั้น คือ นายเหริน ฉวนหนิว กล่าวว่า จางเชื่อว่าเธอ “ถูกข่มเหงจากการใช้เสรีภาพในการพูดแสดงความเห็น” เอกสารของศาลที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้อ่านพบว่า […]

บราซิเลีย 12 ก.ย. – นายชาอีร์ โบลโซนาโร อดีตประธานาธิบดีบราซิล ถูกศาลลงโทษจำคุกเป็นเวลา 27 ปี 3 เดือน เมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานวางแผนก่อรัฐประหารเพื่อให้ตนเองอยู่ในอำนาจต่อไป หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งในปี 2022 คำพิพากษาลงโทษของคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาของบราซิลจำนวน 5 ท่าน ซึ่งมีมติเห็นพ้องต้องกันในบทลงโทษด้วย ทำให้นายโบลโซนาโร วัย 70 ปี กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานทำลายประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันยังสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับนายโบลโซนาโรด้วย ผู้พิพากษาคาร์เมน ลูเซีย กล่าวว่า มีหลักฐานเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่านายโบลโซนาโร ซึ่งปัจจุบันถูกกักบริเวณในบ้านพัก พยายามกระทำ โดยมีเป้าหมายเพื่อบ่อนทำลายประชาธิปไตยและสถาบันต่างๆ คณะผู้พิพากษาสี่ในห้าคนลงคะแนนให้ตัดสินว่าอดีตประธานาธิบดีมีความผิดใน 5 ข้อหา ได้แก่ การมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมติดอาวุธ พยายามใช้ความรุนแรงเพื่อล้มล้างประชาธิปไตย, จัดตั้งการรัฐประหาร และทำลายทรัพย์สินของรัฐบาลและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่ได้รับการคุ้มครอง นายทรัมป์ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของนายโบลโซนาโร ได้เรียกคดีนี้ว่าเป็น “การล่าแม่มด” และเพื่อเป็นการตอบโต้ สหรัฐได้ขึ้นภาษี คว่ำบาตรผู้พิพากษาที่รับผิดชอบในคดีนี้ และเพิกถอนวีซ่าเข้าสหรัฐของผู้พิพากษาศาลสูงสุดส่วนใหญ่ เมื่อนายทรัมป์ถูกถามเกี่ยวกับคำตัดสินนี้ ผู้นำสหรัฐกล่าวชื่นชมโบลโซนาโรอีกครั้ง โดยเรียกคำตัดสินนี้ว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากและกล่าวเสริมว่าเขาคิดว่ามันไม่ดีต่อบราซิลเลย […]

สิงคโปร์ 4 ส.ค.- มหาเศรษฐีในสิงคโปร์รับสารภาพผิดในข้อหาสนับสนุนให้ขัดขวางกระบวนการยุติธรรมในคดีอดีตรัฐมนตรีที่ถูกตัดสินจำคุกข้อหารับสินบนเมื่อปีก่อน ซึ่งเป็นคดีที่สร้างความฮือฮาอย่างยิ่งในประเทศที่อยู่ในอันดับต้นๆ เรื่องความสุจริต นายออง เบ็ง เส็ง วัย 81 ปี เป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชาวมาเลเซียที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ เขารับสารภาพผิดในข้อหาสนับสนุนให้มีการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม กรณีแจ้งให้นายเอส อิสวารัน วัย 63 ปี ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคมนาคมตั้งแต่ปี 2564 ทราบเรื่องสำนักงานสอบสวนการทุจริตของสิงคโปร์ได้สอบปากคำคนสนิทของนายอองและยึดรายชื่อผู้โดยสารเครื่องบินส่วนตัวเที่ยวบินสิงคโปร์ไปกรุงโดฮาของกาตาร์ ซึ่งมีชื่อนายอิสวารันรวมอยู่ด้วย นายอิสวารันจึงขอให้นายอองออกใบเสร็จรับเงินในนามบริษัทสิงคโปร์จีพี (Singapore GP) ผู้จัดการแข่งขันสิงคโปร์เอฟวันกรังด์ปรี (Singapore F1 Grand Prix) ที่นายอองเป็นเจ้าของ เพื่อเรียกเก็บค่าเดินทางกับนายอิสวารัน อัยการระบุว่า นายอิสวารันกระทำการดังกล่าวเพราะเชื่อว่าจะทำให้รอดพ้นจากการสอบสวน อย่างไรก็ดี ทั้งอัยการและทนายจำเลยตกลงที่จะให้นายอองได้รับความเมตตาทางตุลาการเนื่องจากป่วยด้วยโรคเรื้อรัง และขอให้เขาถูกลงโทษปรับแทนการจำคุก ศาลจะมีคำตัดสินโทษในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ด้านนายอิสวารันได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีคมนาคมตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2567 หลังจากถูกฟ้องร้องคดีทุจริตและรับสินบนทั้งหมด 27 ข้อหา โดยรับสินบนจากนายออง เช่น ตั๋วชมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ตั๋วชมการแข่งขันสิงคโปร์เอฟวันกรังด์ปรี การโดยสารเครื่องบินส่วนตัว รวมทั้งหมดราว 384,340 […]