ปฏิบัติการ 25 ชม. กู้ร่างผู้ติดใต้ซากบ้านถล่มครบ 5 ราย

กรุงเทพฯ 4 เม.ย.-25 ชั่วโมงสำหรับการค้นหาร่างผู้รอดชีวิตและเสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้และบ้านถล่ม ล่าสุดช่วง 8 โมงเช้า เจ้าหน้าที่สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดออกมาได้แล้ว

พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เปิดเผยว่า การค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่บ้านกฤษดานคร31 ถนนบรมราชชนนี เขตทวีวัฒนาที่ถูกเพลิงไหม้และถล่มลงมา ตลอดทั้งวันและทั้งคืน แม้เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่การทำงานอย่างหนัก ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถนำร่างผู้เสียชีวิต คือ นายธนภพ ประไพ อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยออกมาได้เป็นคนแรก ก่อนทยอยนำร่างอีก 4 คน คือ นายสมัชชา นิลธง อายุ 48 ปี นายอรรถพล ท้วมทอง อายุ 26 ปี นายสุทัศน์ เปลี่ยนกลัด อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย และนายเกียรติ แพทเตอร์สัน ผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้าน ออกมาได้แล้ว


หากไล่เรียงเหตุการณ์ตั้งแต่เวลา 05.1 น.ของวานนี้ (3 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีบ้าน 3 ชั้นเกิดเหตุเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงระดมกำลังเข้าฉีดน้ำสกัดเพลิง และประสานกู้ภัยเข้าช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ภายใน แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดคิด เพราะขณะกำลังฉีดน้ำและช่วยเหลือผู้ติดค้างได้เกิดมีเสียงปูนดังลั่นขึ้น และเพียงเสี้ยววินาที บ้านทั้งหลังได้พังถล่มลงมา ทำให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายนอกวิ่งหนีตาย ขณะที่อาสามัครกู้ภัยที่ยังอยู่ในตัวบ้านถูกตัวบ้านถล่มทับร่างเจ้าหน้าที่ต้องใช้โดรนบินตรวจจับความร้อนหาผู้รอดชีวิต อย่างไรก็ตาม ใช้เวลาไม่นาน เจ้าหน้าที่สามารถนำร่างไร้ลมหายใจของนายธนภพ ประไพ หนึ่งในเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยที่เข้าปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณด้านหลังบ้านออกมาได้ 1 คน

จากนั้นเวลา 11.39 น. การใช้อุปกรณ์ชนิดพิเศษตรวจจับความเคลื่อนไหวและสัญญาณเสียงภายในตัวบ้านที่พังถล่ม พร้อมแจ้งให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ หยุดการเคลื่อนไหว ห้ามใช้เสียง เพื่อทำให้บริเวณดังกล่าวเงียบที่สุด ได้พบสัญญาณชีพของผู้ที่ติดอยู่ในบ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่เริ่มมีความหวังในการกู้ชีพ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวยังบอกไม่ได้ว่าคนที่สื่อสารเป็นใคร เพราะการโต้ตอบใช้การเคาะส่งสัญญาณเท่านั้น


12.00 น. วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เข้ามาช่วยใช้กล้องวัดมุม และประเมินองศาการเคลื่อนตัวของบ้าน เพื่อป้องกันการถล่มซ้ำกรณีที่กู้ภัยเข้าไปค้นหาผู้รอดชีวิต ซึ่งตอนนั้น มีการห้ามเคลื่อนย้ายอิฐหรือผนังที่ขวางทับกันอยู่ออก ป้องกันบ้านขยับตัว แต่ได้ใช้การเจาะชนิดพิเศษ และกล้องส่อง ค้นหาผู้ติดอยู่ใต้ซากด้วย

จากนั้น ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ยังพยายามค้นหาสัญญาณชีพของผู้ติดอยู่ใต้ซากอย่างต่อนื่อง จนถึงช่วงหัวค่ำเจ้าหน้าที่ไม่พบสัญญาณชีพเพิ่มเติม จึงได้ตัดสินใจหยุดปฏิบัติการค้นหาสัญญาณชีพ และเริ่มเดินหน้าค้นหาผู้เสียชีวิตภายในบ้านแทน โดยมีการนำรถแบ็คโฮขนาดใหญ่เข้ามาเคลียร์พื้นที่

ช่วง 23.00 น. ผู้ว่าฯ อัศวิน กางแผนที่ตรวจดูจุดที่คาดว่าผู้เสียชีวิตจะติดค้างอยู่อีกครั้ง และสันนิษฐานว่า น่าจะอยู่ส่วนกลางของตัวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงระดมสรรพกำลังวางแผนเปิดปฏิบัติการค้นหาอีกครั้ง ทั้งส่งผู้เชี่ยวชาญในการค้นหาผู้ติดอยู่ในอาคารถล่ม และทีมกู้ภัย กู้ชีพ ระดมค้นหา พร้อมกับนำอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณต่างๆ มาใช้ และตี 1 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถพบร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คนที่ติดอยู่ในตัวบ้านได้แล้ว แต่การนำร่างออกมายังเสี่ยงต่อการทรุดตัวของบ้าน เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้มือขุดเป็นโพรงแล้วนำเครื่องตัดถ่างเข้าไปง้างเหล็กที่ทับร่างผู้เสียชีวิตให้ถ่างออก กระทั่งได้ความกว้างพอที่จะนำร่างผู้เสียชีวิตหลุดออกมาได้ จึงค่อยๆ ลำเลียงออกมาจากตัวบ้าน โดยคนแรกที่พบในช่วงกลางคืนนี้ คือ นายสุทัศน์ เปลี่ยนกลัด อายุ 38 ปี อาสาสมัครกู้ภัย ซึ่งผู้ว่าฯ อัศวิน ได้นำธงชาติมาคลุมร่างให้อย่างสมเกียรติ โดยยกย่องเป็นวีรบุรุษผู้กล้า ส่วนร่างของผู้เสียชีวิตที่เหลืออีก 3 คน ประกอบด้วยอาสามัครกู้ภัย 2 คน และคนที่อาศัยอยู่ในบ้านอีก 1 คนติดอยู่ในชั้นที่ลึกกว่ารายอื่น ๆ อุปสรรคสำคัญคือไม่สามารถนำเครื่องจักรหนักเข้าไปยังจุดที่กำหนดได้ เพราะมีคานปูนวางทับอยู่ ประกอบกับแผ่นปูนวางเป็นลักษณะคล้ายกับขนมชั้น วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย จึงห่วงว่าหากเคลื่อนย้ายออกอาจกระทบกับร่างผู้เสียชีวิต จึงสั่งเพิ่มความระมัดระวังในการทำงานมากขึ้น


ทั้งนี้หลังการทุ่มเทอย่างหนัก 06.28 น. รถแบ็กโฮสามารถเปิดแผ่นปูนนำร่างผู้เสียชีวิต 2 คน ประกอบด้วย นายสมัชชา นิลธง อายุ 48 ปี อาสาสมัครกู้ภัย และนายอรรถพล ท้วมทอง อายุ 26 ปี อาสาสมัครกู้ภัย ออกมาได้สำเร็จ และเวลา 08.25 น. ผู้เสียชีวิตที่ติดค้างอยู่เป็นรายสุดท้ายภายในบ้าน คือ นายเกียรติ แพตเตอร์สัน อายุ 35 ปี ผู้พักอาศัย เจ้าหน้าที่ก็สามารถลำเลียงออกมาจากซากบ้านที่ถล่มได้แล้ว โดยทั้งหมดถูกนำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช รอให้ญาติมารับร่างกลับไปบำเพ็ญกุศล

เหตุการณ์นี้ นายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย หรือ วสท. ยอมรับว่า สาเหตุที่บ้านถล่ม ยังยืนยันไม่ได้ว่า เกิดจากการที่เพลิงไหม้เป็นสาเหตุหลักหรือไม่ แต่เบื้องต้นยืนยันได้แน่นอนว่า เปลวเพลิงเป็นชนวนนำไปสู่การถล่ม เพราะการตรวจสอบเบื้องต้นพบค่าความร้อนไม่ต่ำกว่า 70 องศาเซลเซียส ทำให้ต้องพรมน้ำช่วยเป็นระยะ แต่จะไม่ฉีดน้ำเด็ดขาด ส่วนบ้านเรือนข้างเคียงให้อพยพชั่วคราว

ขณะที่ นายพรเลิศ เพ็ญพาส ผู้อำนวยการเขตทวีวัฒนา ระบุว่าเขตกำลังตรวจสอบใบขออนุญาตและการออกเลขบ้าน เพื่อตรวจสอบว่า บ้านนี้ปลูกสร้างมาปีไหน แต่เบื้องต้นทราบแน่ๆ ว่าบ้านหลังนี้มีอายุมากกว่า 10 ปี และแจ้งเป็นลักษณะบ้านพักอาศัย แต่ทำธุรกิจลักษณะขายอุปกรณ์ว่ายน้ำ ชุดว่ายน้ำ รวมถึงไม่พบการต่อเติมบ้าน ส่วนเจ้าของบ้านก็ไม่อาศัยอยู่ที่นี่ ให้ลูกจ้างเฝ้า สาเหตุเชื่อว่าไม่ใช่เป็นเพราะบ้านเก่าอย่างเดียวแต่อาจมีเรื่องความร้อน การขยายตัวของเหล็ก น้ำหนักการฉีดน้ำ การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ต้องให้วิศวกรรมสถานเข้าตรวจสอบอีกครั้ง

ด้าน ผู้ประสบภัยที่พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว และรอดชีวิตออกมาได้ก่อนที่ตึกจะถล่ม ให้ข้อมูลว่า ต้นเพลิงอยู่ที่ตู้พัก รปภ.เก่า ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นห้องเก็บของ เก็บที่นอนเก่า และติดตั้งปั๊มลมสำหรับฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ซึ่งเสียบปลั๊กไว้ตลอดเวลา แต่ส่วนตัวไม่ทราบสาเหตุการเกิดประกายไฟ เห็นเพียงว่าประกายไฟลุกลามเร็วมาก พร้อมยืนยันว่าบ้านหลังดังกล่าวในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ต่อเติมดัดแปลงตัวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]