DSI เรียกสอบคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. เพิ่ม 5 ราย รวม 12 ราย

ดีเอสไอ 7 ก.ค. – ดีเอสไอ เรียกสอบพยานคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. เพิ่ม 5 ราย รวม 12 ราย ขยายผลเส้นเงินโยงขบวนการฮั้ว สว.


นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวถึงความคืบหน้าหมายเรียกพยานกลุ่มแรก จำนวน 7 ราย ในคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เนื่องด้วยปรากฏเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับขบวนการจัดฮั้ว สว. มีการโอนเงินในลักษณะเครือข่ายที่มีการจ้างผู้สมัครใน 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ลำพูน และหนองบัวลำภู พบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 24 จังหวัด ที่คณะพนักงานสอบสวนได้เชิญมาให้ปากคำชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงิน ปัจจุบันมีพยานเข้ามาให้ปากคำแล้ว 3 ราย ซึ่งวันนี้จริงๆ แล้ว พนักงานสอบสวนได้นัดหมายพยานไว้ 1 ราย แต่เจ้าตัวไม่ได้เดินทางเข้าพบตามนัดหมาย และไม่ได้มีการแจ้งเลื่อนแต่อย่างใด จึงทำให้พนักงานสอบสวนจะต้องมีการออกหมายเรียกพยานครั้งที่ 2 ส่วนถ้าหากยังไม่เข้าพบในหมายเรียกพยานครั้งที่ 2 ก็ยังไม่ถึงขั้นต้องขอศาลออกหมายจับ แต่พนักงานสอบสวนต้องดูว่าปัญหาคืออะไร เหตุใดพยานจึงไม่ได้รับหมายเชิญเข้าให้ปากคำ อาจเป็นปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยทะเบียนบ้านที่ไม่ตรงกับที่อยู่อาศัยในปัจจุบันหรือไม่ หรือไปรษณีย์มีการตีกลับเอกสารหรือไม่อย่างไร ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องไปตรวจสอบเรื่องที่อยู่ของพยานอีกครั้ง ส่วนอีก 3 รายที่เหลือ จะมีการทยอยเข้าให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ค.) และในวันที่ 9 ก.ค. ตามกำหนด อย่างไรก็ตาม ผลการให้ปากคำของพยานทั้ง 3 รายแรก ไม่ได้เป็นการปฏิเสธไปทั้งหมด แต่ก็เป็นทำนองชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงินว่าเส้นทางการเงินที่พนักงานสอบสวนได้สอบถามนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แต่พยานก็ยืนยันว่าเป็นการโอนเงินจริง และเป็นธุรกรรมที่ทำปกติอยู่แล้ว แม้จะเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับช่วงเลือก สว. ก็ตาม

นายระวี เผยอีกว่า ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะพนักงานสอบสวนยังได้ออกหมายเรียกพยานเพิ่มเติมอีก 5 ราย เพื่อให้เข้ามาชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงิน ซึ่งการออกหมายเรียกพยานนั้น พนักงานสอบสวนจะทยอยออกหมายเรียกทุกวันแน่นอน ไม่ได้มีการจำกัดว่าหนึ่งลอตจะต้องเชิญกี่ราย แต่พนักงานสอบสวนต้องดูไปตามความเกี่ยวข้องจากพยานหลักฐาน อย่างไรก็ดี พยานกลุ่มสอง จำนวน 5 รายนี้ ล้วนมีพฤติการณ์คล้ายกับพยานกลุ่มแรก คือ มีธุรกรรมการโอนเงินในช่วงการเลือก สว. จึงต้องเชิญพวกเขาเข้ามาชี้แจงแสดงข้อเท็จจริงเรื่องเส้นทางการเงินว่าเงินดังกล่าวที่พนักงานสอบสวนพบนั้น เป็นการทำธุรกรรมเกี่ยวกับเรื่องใด


นายระวี เผยต่อว่า ต้องอธิบายว่าจำนวนพยานทั้ง 12 ราย ที่คณะพนักงานสอบสวนเชิญมาให้ปากคำเรื่องเส้นทางการเงินนั้น เพราะเจอพยานหลักฐานที่ปรากฏดังกล่าว จึงต้องเชิญพวกเขามาชี้แจง แต่ย้ำว่าไม่ได้เป็นการระบุว่าพวกเขากระทำผิด เพียงแต่ว่าเส้นทางการเงินที่ปรากฏ มันอยู่ในช่วงของการรับสมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พอดี และมีลักษณะเส้นทางการเงินที่พนักงานเห็นควรว่าต้องตรวจสอบ พวกเขาก็ต้องตอบหรือชี้แจงว่าทำไมจึงมีการโอนเงินในช่วงเวลาดังกล่าว หรือเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องใดบ้าง ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเป็นเรื่องปกติในคดีการฟอกเงินที่ต้องดำเนินการ

เมื่อถามว่าต้นทางของแหล่งเงินที่โอนมาให้พยานเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของพรรคการเมือง หรือเป็นคนธรรมดาหรือไม่นั้น นายระวี เผยว่า พนักงานสอบสวนจะต้องตรวจสอบต่อไป ซึ่งก็ต้องตรวจสอบย้อนกลับขึ้นไปว่าเป็นเงินที่มาจากที่ไหน เบื้องต้นเราเชิญพยานให้เข้ามาชี้แจงก่อน แต่ถ้าหากเจอว่าเส้นทางการเงินเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) หรือสมาชิกวุฒิสภา (สว.) คณะพนักงานสอบสวนก็ต้องเชิญมาให้ปากคำในฐานะพยานเช่นกัน แต่การจะออกหมายเรียกพยานกับกลุ่มคนเหล่านี้ ก็มีความจำเป็นต้องขอมติจากที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนก่อน

ต่อข้อถามจากรายงานข้อมูลการสืบสวนของดีเอสไอ เรื่องเส้นทางการเงิน รวมไปถึงรายการเดินบัญชี (Statement) มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่ากลุ่มพยานที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินอาจจะมีจำนวนมากกว่า 100 รายนั้น นายระวี ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้สูงมาก เนื่องจากสเกลที่ดีเอสไอรับผิดชอบสอบสวนเป็นเรื่องของการฟอกเงิน ซึ่งขอบเขตความรับผิดชอบจะใหญ่กว่าในส่วนที่ กกต. ดำเนินการ จึงย้ำว่าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ คู่ขนานไปกับการให้ความเป็นธรรมกับพยาน จึงจะได้ข้อสรุปว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยว หรือมีมูลหนี้ใด


เมื่อถามว่าในฐานะที่นายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา เป็น 1 ใน 7 อรหันต์ หรือคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน มองอย่างไรว่าหากบุคคลดังกล่าวถูกแจ้งข้อกล่าวหาฐานความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 โดยเฉพาะมาตราเกี่ยวกับการรับเงิน จะต้องเข้ามาชี้แจงเรื่องการฟอกเงินกับทางดีเอสไอ ในฐานะที่ดีเอสไอรับดำเนินคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงินหรือไม่นั้น นายระวี ชี้แจงว่า สำหรับบุคคลใดที่ถูกแจ้งมาตรา 77 (1) ตาม พ.ร.ป.สว.61 “กำหนดว่าผู้ใดกระทำการจัด ทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด” ก็จะต้องเข้ามาที่กองคดีการฟอกเงินทางอาญาเพื่อชี้แจงตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เช่นเดียวกัน เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนมีรายชื่อของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินเรียบร้อยแล้ว แต่เพียงแค่ว่าตามกฏหมายของ กกต. ก็จะเป็นกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง ส่วนดีเอสไอก็จะเป็นอีกข้อหาหนึ่ง จึงทำให้การสอบสวนจะมีความคล้ายกัน แต่ใดๆ แล้วบุคคลนั้นต้องชี้แจงให้ได้ว่าเส้นทางการเงินนั้นคือธุรกรรมอะไร

เมื่อถามว่าทางคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน เตรียมที่จะมีการสรุปสำนวนพร้อมความเห็นส่งให้กับสำนักงาน กกต. ในเร็วๆ นี้ ส่วนทางสำนวนคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน จะต้องสรุปสำนวนในเวลาใกล้เคียงกันด้วยหรือไม่ นายระวี ระบุว่า ไม่จำเป็น เพราะมันเป็นกฎหมายคนละฉบับกัน เนื่องจากในส่วนของกฎหมายอั้งยี่-ฟอกเงิน ที่ดีเอสไอรับผิดชอบ ก็ต้องดำเนินการต่อไป ส่วนของ พ.ร.ป.สว.61 ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่ทราบว่าสำนวนคดี พ.ร.ป.สว.61 (คดีฮั้ว สว.) ใกล้จะเสร็จสิ้น และจะส่งให้ กกต. ภายในกลางเดือน ก.ค.นี้ เบื้องต้นรวมแล้วมีผู้เกี่ยวข้องในสำนวนมากกว่า 200 ราย แต่ผู้เกี่ยวข้องอื่นอาจยังมีเพิ่มเติม แต่อาจต้องขอแยกสำนวนของ กกต. มิฉะนั้นอาจสรุปสำนวนไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับมติของทาง กกต.

ต่อข้อถามว่าเหลือเวลาอีกเพียง 1 ปี มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าสำนวนคดีฮั้ว สว. ที่คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนรับผิดชอบอยู่นั้น จะถูกส่งถึงมือนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ภายในปี 2568 นั้น นายระวี กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องระยะเวลา มั่นใจว่าดำเนินการทันอย่างแน่นอน

สำหรับพยานทั้ง 3 ราย จากทั้งหมด 7 ราย ในกลุ่มแรก ที่เข้าให้ปากคำกับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงินในคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน ประกอบด้วย น.ส.สินิตา, นายสุบิน และนายอาทร จึงยังเหลือพยานอีกเพียง 4 ราย คือ นายวรพจน์, น.ส.ญาณี, น.ส.ภัณนิภา และนายอากร ที่จะต้องเข้าให้ปากคำระหว่างวันที่ 8-9 ก.ค.68.-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]