ชัวร์ก่อนแชร์: บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายต่อเด็กน้อยกว่าบุหรี่มวน จริงหรือ?

12 มิถุนายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : แม้จุดประสงค์แต่เดิมของบุหรี่ไฟฟ้าคือทางเลือกสำหรับผู้ต้องการเลิกสูบบุหรี่ แต่ปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายหลักของตลาดบุหรี่ไฟฟ้าคือนักสูบหน้าใหม่ที่เป็นเยาวชน นำไปสู่การตั้งคำถามถึงประโยชน์และอันตรายเรื่องการมีอยู่ของบุหรี่ไฟฟ้าที่ยังคงแพร่หลายในสังคม แม้จะเป็นสิ่งผิดกฎหมายในบางประเทศก็ตาม บทสรุป : 1.ความเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวนมาจากงานวิจัยที่มีปัญหาและทำให้เกิดความเข้าใจผิด2.ในบุหรี่ไฟฟ้ามีสารที่เหมือนและต่างจากบุหรี่มวน แต่เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งได้เช่นกัน3.ตรวจพบยาดองศพและยาฆ่าหญ้าในบุหรี่ไฟฟ้า4.บุหรี่ไฟฟ้าพุ่งเป้ามาที่เยาวชน ทำให้เกิดนักสูบหน้าใหม่ FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : การทำงานของบุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าที่การทำงานที่คล้ายคลึงกับเครื่องพ่นละอองสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืดหรือผู้ป่วยโรคปอด เครื่องพ่นละอองจะเปลี่ยนตัวยาที่เป็นของเหลวให้กลายเป็นไอให้ผู้ป่วยสูดดม ถือเป็นวิธีลำเลียงตัวยาเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจที่มีประสิทธิภาพที่สุด ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าทำงานด้วยการใช้ความร้อนทำให้สารเคมีในน้ำยากลายเป็นไอ แต่สิ่งที่เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจกลับเต็มไปด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเวลานานจึงเปรียบเสมือนการปล่อยให้ปอดแช่อยู่ในสารพิษอย่างต่อเนื่อง การที่บุหรี่มวนมีสารก่อมะเร็งนับ 100 ชนิด และสารเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งกว่า 900 ชนิด อาจทำให้บุหรี่ไฟฟ้าดูมีความอันตรายน้อยกว่า แต่กระนั้น บุหรี่ไฟฟ้าก็มีสารบางอย่างที่คล้ายกับบุหรี่มวน รวมถึงสารอันตรายอื่น ๆ อีกมากมายที่พบในบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะ Nicotine สารที่พบทั้งในบุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้าคือนิโคติน สารเสพติดที่ทำให้ความดันโลหิตสูงและเร่งการหลั่งอะดรีนาลีน ทำให้หัวใจทำงานหนักเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้าบางชนิดยังพบปริมาณนิโคตินที่สูงกว่าในบุหรี่มวนอีกด้วย Formaldehyde ฟอร์มาลดีไฮด์ สารประกอบอินทรีย์ ใช้เป็นสารตั้งต้นสำคัญในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงการใช้เป็นสารฆ่าเชื้อและยาดองศพ […]

ETDA เตรียมเปิดคอร์ส “Digital Identity สำหรับประชาชน” เรียนฟรี! เสริมทักษะดิจิทัลสู่ยุคใหม่อย่างมั่นใจ

12 มิถุนายน 2568 – สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เตรียมเปิดตัว “หลักสูตร Digital Identity สำหรับประชาชน” สานต่อหลักสูตร ETDA Digital Citizen Plus (EDC Plus) ภายใต้โครงการ ETDA Digital Citizen (EDC) เพื่อยกระดับความรู้ความเข้าใจด้าน “อัตลักษณ์ดิจิทัล” หรือ Digital ID อย่างรอบด้านให้คนไทยทุกกลุ่ม เรียนฟรีผ่านระบบ e-Learning เร็ว ๆ นี้ ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของหลักสูตร ETDA Digital Citizen Plus (EDC Plus) ภายใต้โครงการ ETDA Digital Citizen (EDC) ที่จัดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการตื่นตัวของประชาชนเกี่ยวกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย โดยมีผู้ผ่านการอบรมภายใต้หลักสูตรนี้ รวมกว่า 85,266 ทั้งจากการลงพื้นที่ การอบรมเชิงปฏิบัติการ และระบบ e-Learning ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกที่สะท้อนความต้องการของสังคมในการเรียนรู้ทักษะดิจิทัลอย่างจริงจัง นอกจากนี้ เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการมาของ Generative AI, การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบน Social Media หรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ส่งผลให้ความรู้พื้นฐานเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จึงเป็นที่มาของการพัฒนา “หลักสูตร Digital Identity สำหรับประชาชน” ที่เป็นหนึ่งใน 5 โมดูลหลักของหลักสูตร EDC Plus ที่ถูกต่อยอดให้เป็นหลักสูตรเฉพาะทางแบบครบถ้วน เพื่อผลักดันและส่งเสริมให้เกิดความรู้ความเข้าใจและเกิดการใช้งาน Digital ID ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลในการทำธุรกรรมออนไลน์ขยายวงกว้าง ทั้งในภาครัฐ […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ชานมไข่มุกทำให้เสี่ยงมะเร็ง จริงหรือ?

11 มิถุนายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับชานมไข่มุกเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ โดยอ้างงานวิจัยที่พบสารก่อมะเร็งในชานมไข่มุก นำไปสู่การอ้างว่าการดื่มชานมไข่มุกอาจเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง บทสรุป : 1.ข่าวพบสารก่อมะเร็งในชานมไข่มุก มาจากงานวิจัยที่มีปัญหาเมื่อปี 20122.ดื่มชานมไข่มุกมากเกินไป เพิ่มความเสี่ยงสารพัดโรค FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : ข้ออ้างดังกล่าวมาจากงานวิจัยจากประเทศเยอรมนีเมื่อปี 2012 ที่ตรวจพบสารก่อมะเร็งในไข่มุกที่ใช้ในชานม จนกลายเป็นข่าวที่ถูกรายงานโดยสื่อหลายสำนักในเวลานั้น อย่างไรก็ดี มีการตรวจพบข้อผิดพลาดจากรายงานดังกล่าว เพราะสารก่อมะเร็งที่พบในไข่มุกไม่ใช่สาร Polychlorinated Biphenyls (PCBs) แต่เป็นสาร Styrene ที่พบได้ปริมาณน้อยในอาหารทั่วไป และAcetophenone สารปรุงแต่งกลิ่นรสอาหารสังเคราะห์ที่ผ่านการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) แม้โครงการพิษวิทยาแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Toxicology Program) จะพบว่าสาร Styrene เป็นสารก่อมะเร็งจากการวิจัยในสัตว์ทดลอง แต่ทีมวิจัยจากประเทศเยอรมนียังขาดข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับแหล่งที่มาของชานมไข่มุกที่พบสาร Styrene และไม่ระบุว่าปริมาณสาร Styrene ที่พบมีปริมาณมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ งานวิจัยดังกล่าวยังอยู่ในสถานะ […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ชานมไข่มุกดื่มมากเสี่ยงนิ่วในไต จริงหรือ?

10 มิถุนายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : มีข้อมูลน่าสงสัยเกี่ยวกับชานมไข่มุกเผยแพร่ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าการดื่มชานมไข่มุกดื่มมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงนิ่วในไต บทสรุป : 1.มีเคสดื่มชานมไข่มุกแทนน้ำในไต้หวันจนป่วยเป็นนิ่วในไต2.ต่างจากข่าวลือนิ่วในถุงน้ำดีเพราะชานมไข่มุกที่ไม่เป็นความจริง3.ปัจจัยเสี่ยงของชานมไข่มุกต่อสุขภาพไตคือปริมาณน้ำตาล4.ชานมไข่มุก 1 แก้วมีน้ำตาลถึง 11 ช้อนชา เท่ากับปริมาณที่ WHO แนะนำใน 1 วัน FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : ข้อมูลดังกล่าว มาจากรายงานข่าวจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ Independent ของประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ที่รายงานเคสผู้ป่วยหญิงชาวไต้หวันวัย 20 ปี ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลจากการเป็นไข้และอาการปวดอย่างรุนแรงบริเวณแผ่นหลังด้านล่าง การตรวจอัลตราซาวนด์พบว่าไตของเธอมีอาการบวมน้ำและพบนิ่วในไตจำนวนมาก ผลตรวจเลือดพบปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวจำนวนมาก ทีมแพทย์ทำการรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ ดูดของเหลวออกจากไต และทำการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อนำนิ่วมากกว่า 300 ชิ้นออกมาจากไตของเธอ ซึ่งแต่ละชิ้นมีขนาดประมาณ 5 มิลลิเมตรถึง 2 เซนติเมตร ดร.ลิมชียัง แพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ป้องกันตาบอดจากฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ที่ใบหน้าจะส่งผลให้ตาบอดได้อย่างไร และจะสังเกตอาการทางดวงตา รวมทั้งรักษาได้อย่างไร ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์ด้านความงามได้รับความนิยมมาก หนึ่งในนั้นก็คือการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและรอบ ๆ ดวงตา การฉีดฟิลเลอร์นอกจากผลสำเร็จด้านความงามแล้ว แต่ในมุมของจักษุแพทย์ ฟิลเลอร์อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงบริเวณดวงตาที่ทำให้เกิดภาวะตาบอดตามมาได้ ฉีดฟิลเลอร์ทำให้ตาบอดได้อย่างไร ? ฟิลเลอร์ที่นิยมฉีดกันคือ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid : HA) สารสังเคราะห์ที่มีความคงตัวสูง สลายได้เองตามธรรมชาติและก่อให้เกิดอาการแพ้น้อย แต่การฉีดฟิลเลอร์รอบ ๆ ดวงตา หว่างคิ้ว หรือข้าง ๆ ร่องแก้ม เป็นบริเวณที่มีหลอดเลือดมาเลี้ยงค่อนข้างมาก มีโอกาสที่ฟิลเลอร์จะหลุดเข้าไปในหลอดเลือดได้ ฟิลเลอร์ที่หลุดเข้าหลอดเลือดจะทำให้สูญเสียจอประสาทตาทั้งหมดของตาข้างนั้นไปเลย หรือทำให้การมองเห็นบางพื้นที่เสียไป ความเสี่ยงฟิลเลอร์อุดตันจอประสาทตา มีอะไรบ้าง ? การฉีดฟิลเลอร์มีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนี้ 1. บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เช่น รอบ ๆ ดวงตา หว่างคิ้ว ข้าง ๆ […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ภาพ X-Ray ไข่มุกเต็มท้องเด็กหญิงเพราะชานม จริงหรือ?

09 มิถุนายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับชานมไข่มุกเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าการดื่มชานมไข่มุกต่อเนื่องมีความอันตราย เพราะรายงานข่าวปี 2019 พบเด็กหญิงวัย 14 ปีในมณฑลเจ้อเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ป่วยด้วยอาการท้องผูกและกินอาหารไม่ได้ เมื่อแพทย์ทำการตรวจสอบด้วยวิธี CT Scan พบวัตถุลักษณะคล้ายไข่มุกที่ยังไม่ถูกย่อยจำนวนมากอยู่ในระบบทางเดินอาหาร เชื่อว่าเกิดการจากการดื่มชานมไข่มุกมากเกินไป บทสรุป : 1.ตามปกติแล้วภาพ X-Ray จะไม่เห็นอาหารในระบบทางเดินอาหาร2.ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าน่าจะมีการใช้สารแปลกปลอมในไข่มุกจนร่างกายย่อยไม่ได้ FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : อย่างไรก็ดี รายงานข่าวชิ้นนี้สร้างข้อสงสัยในวงการแพทย์ เพราะตามปกติแล้ว การ X-Ray จะไม่แสดงภาพอาหารในระบบทางเดินอาหาร ลักษณะภาพจากการ X-Ray ภาพจาก X-Ray จะบ่งบอกปริมาณการดูดซับรังสีเอ็กซ์ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของสสาร โดยธาตุน้ำหนักเบาจะยอมให้รังสีผ่านไปได้มาก ในขณะที่ธาตุหนักจะดูดซับรังสีไว้ เช่น แคลเซียมในกระดูกสามารถดูดซับรังสีเอกซ์ได้มากที่สุด จึงทำให้มองเห็นภาพเอกซเรย์กระดูกเป็นสีขาว ส่วนคาร์บอน ไฮโดรเจน และไนโตรเจน […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ไหล่ติด “สาเหตุ” และ “การรักษา”

ภาวะไหล่ติดคืออะไร อาการเป็นอย่างไร มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ศ.ดร.กภ.ประวิตร เจนวรรธนะกุล นักกายภาพบำบัดระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ นายกสภากายบำบัด ไหล่ติด (Frozen Shoulder) ไหล่ติดแข็ง (Adhesive Capsulitis) ภาวะไหล่ติด คือ การอักเสบเรื้อรังของเอ็นและเยื่อหุ้มข้อไหล่ จากสถิติพบว่าผู้หญิงมักจะไหล่ติดมากกว่าผู้ชาย ภาวะไหล่ติด เกิดจากสาเหตุอะไร ? ภาวะ “ไหล่ติด” เกิดจากการใช้แขน เช่น แกว่งแขนแรงและไกลเกินไป ส่งผลให้เอ็นไหล่ยืด เกิดการอักเสบ และตามมาด้วยอาการไหล่ติด คนที่เคยไหล่ติดมาแล้ว จะมีโอกาสไหล่ติดซ้ำได้ง่ายกว่าคนที่ไหล่ติดครั้งแรกหรือไม่เคยไหล่ติดมาก่อน ภาวะไหล่ติด แบ่งออกได้เป็น 3 ช่วง ดังต่อไปนี้ ช่วงที่ 1 ปวดมาก ทำอะไรก็ปวดไปหมด การยกแขนด้วยตนเองจะรู้ข้อจำกัดว่ายกแขนได้ระดับใด แต่ถ้ามีคนช่วยยกแขนและฝืนความตึงของข้อไหล่ จะเกิดอาการเจ็บได้ ช่วงที่ 2 ระยะข้อไหล่ติด การเคลื่อนไหวข้อไหล่มีจำกัด เช่น ใส่เสื้อผ้าลำบาก กินอาหาร และทำกิจวัตรประจำวันไม่สะดวก ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาการนี้จะเป็นอยู่ประมาณ 1 […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : โรคไข้หูดับ

ปวดศีรษะอย่างรุนแรง และหูไม่ได้ยิน อาจเป็นไข้หูดับ และไข้หูดับเกิดจากสาเหตุใด จะส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ พลตรีหญิง รศ.พญ.ปริยนันทน์ จารุจินดา รองประธานราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย โรคไข้หูดับ (โรคหูดับ) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สเตร็ปโทค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis infection) เรียก “ไข้หูดับ” เพราะผู้ติดเชื้อ “หูดับถาวร” และมีปัญหาการทรงตัว มีบางรายติดเชื้อในกระแสเลือดและเสียชีวิตด้วย ในประเทศไทย มีอัตราการติดเชื้อ Streptococcus suis infection ค่อนข้างสูง ประชากรในภาคอีสาน และภาคเหนือ มีอัตราการติดเชื้อ Streptococcus suis infection สูงมากกว่าภูมิภาคอื่น เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกินและเมนูอาหารที่กิน จึงเป็นเรื่องที่จะต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง สาเหตุของโรคไข้หูดับ “โรคไข้หูดับ” มีสาเหตุจาก กินเลือดหมูดิบ กินเนื้อหมูดิบ ที่มีการระบาดของเชื้อ Streptococcus suis infection ในฟาร์มหมูที่เลี้ยงไม่ถูกสุขลักษณะ นอกจากกินหมูดิบแล้ว การสัมผัสเลือดหมูที่มีเชื้อ […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : 5 สูตรรักษาฝ้า ด้วยน้ำมะนาว จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์แนะนำ 5 สูตรรักษาฝ้าด้วยมะนาว ให้ผิวขาวใส เพียงทาทิ้งไว้ 15-20 นาที จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ศ.นพ.วรพงษ์ มนัสเกียรติ ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สำหรับ 5 สูตรรักษาฝ้าด้วยมะนาว โอกาสได้ผลกับฝ้าค่อนข้างน้อย ใช้แล้วน่าจะเกิดผลเสียมากกว่า สูตรที่ 1 : น้ำมะนาวเพียว ๆ คั้นสดทาที่ฝ้าทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออก ทำทุกวันนาน 1 เดือน ? การใช้น้ำมะนาว หรือผลไม้บางอย่างที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ จะทำให้เซลล์ผิวหนังชั้นบน ๆ ที่มีสีของฝ้า ถูกเร่งตัวให้มีการผลัดออกไป จากนั้นผิวใหม่ที่ไม่มีฝ้าข้างใต้จะค่อย ๆ ถูกดันขึ้นมา จะมองเห็นว่าผิวบริเวณนั้นขาว หรือสีฝ้าจางลงได้ มะนาว หรือกรดผลไม้อาจจะทำให้ฝ้าจางลงได้ชั่วคราว และฝ้าก็ขึ้นมาใหม่อีกได้ วิธีนี้ทาด้วยน้ำมะนาว ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ 1. ความเข้มข้นของ “กรด” ในน้ำมะนาว […]

ชัวร์ก่อนแชร์: กาเฟอีนในชานมไข่มุก 1 แก้ว = กาแฟ 4 แก้ว จริงหรือ?

07 มิถุนายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับชานมไข่มุกเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าการดื่มชานมไข่มุกส่งผลเสียต่อสุขภาพ เนื่องจากกาเฟอีนปริมาณสูงที่อยู่ในชานมไข่มุก 1 แก้วมีปริมาณกาเฟอีนเท่ากับการดื่มกาแฟ 4 แก้ว หรือเท่ากับปริมาณกาเฟอีนที่อยู่เครื่องดื่มชูกำลัง 8 กระป๋อง บทสรุป : 1.ปริมาณกาเฟอีนขึ้นอยู่กับชนิดของชา ชาแดงมีกาเฟอีนสูงที่สุด ชาเขียวมีกาเฟอีนน้อยที่สุด2.ยิ่งใช้น้ำร้อนอุณหภูมิสูงเท่าไหร่หรือใช้เวลาชงชานานเท่าไหร่ จะทำให้ชามีกาเฟอีนเพิ่มขึ้นเท่านั้น3.เทียบในปริมาณเท่ากัน ชามีกาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังอย่างมาก4.ผู้ใหญ่ไม่ควรได้รับปริมาณกาเฟอีนเกินวันละ 400 มิลลิกรัม5.เด็กไม่ควรได้รับปริมาณกาเฟอีนเกินวันละ 100 มิลลิกรัม FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : การระบุว่าชามีปริมาณกาเฟอีนเท่าใด ต้องพิจารณาทั้งชนิดของใบชาและวิธีการชงชา แต่กระนั้นการอ้างว่าชานมไข่มุก 1 แก้วมีกาเฟอีนเท่ากับกาแฟ 4 แก้ว และเครื่องดื่มชูกำลัง 8 กระป๋อง เป็นการอ้างที่เกินกว่าความเป็นจริง ระดับกาเฟอีนจากชนิดของใบชา ระดับกาเฟอีนของชาชนิดต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับเวลาในการเก็บเกี่ยวและระดับการออกซิเดชันของใบชา เมื่อเทียบชาแต่ละชนิดในปริมาณที่เท่ากัน (237 ml) […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ชานมไข่มุก ไม่มีนมผสม+ไขมันทรานส์ จริงหรือ?

06 มิถุนายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับชานมไข่มุกเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าการดื่มชานมไข่มุกทุกวันนี้มีแต่อันตราย เพราะนอกจากจะไม่มีส่วนผสมของชาแล้ว ยังมีการใช้ครีมเทียมมาชงแทนนมซึ่งเป็นอันตราย เนื่องจากมีส่วนประกอบของไขมันทรานส์ซึ่งเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดหัวใจ บทสรุป : 1.ชานมไข่มุกมีทั้งสูตรที่ชงด้วยนมสดและสูตรที่ชงด้วยครีมเทียม2.หลังปี 2018 มีการปรับปรุงการผลิตครีมเทียมไม่มีเกิดไขมันทรานส์แล้ว3.แม้จะไม่ใช่แหล่งไขมันทรานส์ แต่การดื่มชานมไข่มุกผสมครีมเทียมมาก ๆ เป็นการสะสมไขมันอิ่มตัวในร่างกาย4.ใน 1 วันไม่ควรรับพลังงานจากไขมันเกิน 30%5.ใน 1 วันไม่ควรรับพลังงานจากไขมันอิ่มตัวเกิน 10%6.ใน 1 วันไม่ควรรับพลังงานจากไขมันทรานส์เกิน 1% FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : ความเชื่อดังกล่าว เป็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโทษของการบริโภคครีมเทียมในอดีต เพราะในปัจจุบันหลายประเทศมีข้อบังคับการผลิตครีมเทียมโดยแทบไม่มีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบอีกต่อไป สาเหตุการเกิดไขมันทรานส์จากการผลิตครีมเทียม ครีมเทียม (Non-Dairy Creamer) คือผลิตภัณฑ์เลียนแบบครีมจากนมโคที่ผลิตจากไขมันพืช เช่นน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์ม นอกจากเพิ่มอรรถรสให้เครื่องดื่มแล้ว ยังเหมาะสำหรับผู้บริโภคที่แพ้นมวัว และยังมีราคาถูกกว่าครีมจากนมโคอีกด้วย แต่เดิมการผลิตครีมเทียมจะมีการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oil) ทำให้คุณสมบัติของไขมันในครีมเทียมเปลี่ยนจากกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวกลายเป็นกรดไขมันอิ่มตัว […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : จัดกระดูก

การรักษาโรคด้วยการ “จัดกระดูก” มีกลุ่มใดบ้าง และจากมุมมองของแพทย์ มีอะไรที่ต้องระวัง ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ นพ.สุธี เหล่าโกเมนย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลัง แผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบัน พบว่าการ “จัดกระดูก” รักษาโรคในประเทศไทยมีด้วยกัน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. นักกายภาพบำบัด (Physical therapist) ผู้ที่ได้รับการศึกษาเฉพาะทางด้านการทำกายภาพบำบัด เช่น กายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา พยาธิวิทยา ประสาทวิทยา และการทำกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยภาวะต่าง ๆ 2. ไคโรแพรกเตอร์ (Chiropractor) หรือ “นักไคโรแพรกติก” ใช้หลักการของไคโรแพรกติกซึ่งเป็นศาสตร์การแพทย์ทางเลือกของตะวันตกที่เน้นการรักษาโดยใช้มือและเทคนิคอื่น ๆ เพื่อปรับปรุงการทำงานของโครงสร้างร่างกาย 3. แพทย์แผนไทย ผู้ที่เรียนรู้ภูมิปัญญาการนวดไทยสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น จะเห็นได้ว่าแต่ละกลุ่มเรียนรู้การจัดกระดูกตามแนวทางของตนเองเพื่อการบำบัดรักษาโรค และ/หรือ อาการที่เกิดขึ้นกับกระดูกและข้อ การจัดกระดูก ดีหรือไม่ ? ตอบไม่ได้ว่า “จัดกระดูก” ดีหรือไม่ แต่แพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อหลายก็มีคำอธิบายที่แตกต่างกัน […]

1 17 18 19 20 21 315
...