แยกๆ ปัญหาขัดแย้งสายสีเขียว ทีดีอาร์ไอ.ชี้ทางออกแล้ว

กรุงเทพฯ 25 ม.ค.-ปัญหาขัดแย้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว คมนาคมงัด กทม. ประเด็นค่าโดยสาร แสนแพงสูงสุด 104 บาท – ต่อสัมปทาน 30 ปี  ล่าสุดทีดีอาร์ไอชี้ทางออก  ย้ำผู้มีอำนาจตัดสินใจต้องรีบทำ  กางโครงข่ายรถไฟฟ้าเอามาคิดราคาแบบโครงข่ายทั้งหมด  ชี้ปล่อยไปแบบนี้มีปัญหารออีกเพียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากประเด็นปัญหาที่มีความเห็นต่างกัน ระหว่างกรุงเทพมหานคร กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งบีทีเอสเป็นผู้รับสัมปทานจากกรุงเทพมหานคร เดินรถบริการอยู่ในปัจจุบันและขณะนี้ ได้มีการเดินรถตลอดเส้นทาง ส่วนต่อขยายจากสถานีที่เป็นสัปทานเดิม คือจาก หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต รวมกับการเปิดเดินรถ ถึงจังหวัดสมุทรปราการก่อนหน้านี้ ทำให้รถไฟฟ้าสายสีเขียว เปิดให้บริการครบ 59 สถานี มีระยะทางรวม  68 กิโลเมตร โดยที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร ได้มีประกาศฉบับใหม่ กำหนดอัตรค่าโดยสาร รถไฟฟ้า บีทีเอส อีกครั้ง โดยจะให้มีผลบังคับใช้  หากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ  16 กุมภาพันธุ์นี้ โดยค่าโดยสารใหม่ จะมีราคาสูงสุดไม่เกิน 104 บาท  ส่งผลทำให้เกิดกระแสการคัดค้านหนัก ทั้งผู้ใช้บริการ กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม จนถึงคณะกรรมาธิการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร


นายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยว่า ความขัดแย้งครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เกิดจากปัญหาการลงทุนในระบบรางของไทย  ที่มีหลายสัมปทาน แยกขึ้นกับหลายหน่วยงานรัฐ ทั้งที่กำกับโดย กทม.,การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. และการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท.(สายสีแดง)  ซึ่งจากข้อมูลของทีอีอาร์ไอ พบว่าประเทศไทยเป็นประเทศเดียว ที่รถไฟฟ้าแต่ละสัมปทาน มีตารางคิดค่าโดยสารค่าแรกเข้าต่างกัน

“ไทยเป็นประเทศเดียว ที่ผู้โดยสารออกจากรถไฟฟ้าระบบหนึ่ง ไปเข้าอีกระบบก็ต้องเสียค่าโดยสารในอัตราค่าแรกเข้า และตารางคำนวณค่าโดยสารที่ต่างกัน ซึ่งส่วนหนึ่งก็เกิดจากปัญหาตั้งแต่เริ่มการลงทุน การกำนดสัมปทาน การเจรจาจากหน่วยงานผู้ให้สัมปทานที่ต่างกัน” นายสุเมธ กล่าว


ดังนั้นแนวทางแก้ปัญหาจำเป็นต้องมีคนกลางที่มีอำนาจตัดสินใจ นำภาพรวมโครงข่ายระบบรางทั้งหมดมากาง ทั้งที่เปิดบริการแล้ว กำลังก่อสร้าง และจะเปิดให้บริการในอนาคต เพื่อคำนวณค่าโดยสารเป็นโครงข่ายครั้งเดียว โดยมีแนวคิดเรื่องอายุการให้สัมปทาน ที่สามารถใช้กับผู้รับสัมปทานเดิมด้วย เช่น รถไฟฟ้าเส้นใดผู้โดยสารเยอะ มีโอกาสกำไร หรือคืนทุนเร็ว สัมปทานจะต้องมีอายุสั้น หากเส้นทางใดผู้โดยสารน้อย ก็ต้องให้ระยะเวลาสัมปทานยาว  เพื่อให้เอกชนมีโอกาสรอการคืนทุน และพอมีกำไร โดยวิธีนี้รัฐจะสามารถใช้ฐานราคาเดียว กำหนดค่าโดยสารทั้งระบบ ที่ประชาชนรับได้  

นักวิชาการ ด้านขนส่งและโลจิสติกส์ ทีดีอาร์ไอ ระบุ ด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสายสีเขียว เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น  หากในอนาคต รถไฟฟ้าเส้นอื่น เปิดให้บริการขึ้นอีก แม้รัฐบาลจะมีบันทึกในสัญญาสัมปทานไว้แล้ว เช่น รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง )  สีชมพู (แคลาย-มีนบุรี )  ว่าเอกชนจะต้องรับเงื่อนไข เก็บค่าแรกเข้าครั้งเดียว แต่ในข้อเท็จจริง  หากผู้โดยสารเดินทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้า หลายระบบ และต้องเข้าไปเดินทางรถไฟฟ้าที่เป็นสัมปทานเดิม ก็จะเกิดปัญหายุ่งยาก ต่อการเจรจากับเอกชน  ผู้ถือสัมปทานเหล่านี้  หากภาครัฐเตรียมรับมือกับปัญหาเหล่านี้ไม่ดี จะเกิดปัญหาตามมา อาจกลายเป็นข้อพิพาท  หรือ ค่าโง่ เกิดขึ้นได้

“ยกตัวอย่าง การเดินทางของประชาชน  หากมาจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (สำโรง-ลาดพร้าว) เชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เดิม  ในส่วนนี้ ผู้โดยสารไม่ต้องเสียค่าแรกเข้าระบบที่ 2 และผู้โดยสารคนเดิม  เดินทางไปต่อรถไฟฟ้าอีกสาย คือ สายสีชมพู ถือเป็นการเดินทางเชื่อมรถไฟฟ้า 3 ระบบ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นแน่นอน  และเมื่อเดินทางขากลับ จากสายสีชมพู ไปเข้าน้ำเงิน ไปสีเหลือง ก็เช่นเดียวกัน เท่ากับผู้ให้สัมปทาน ที่อยู่ตรงกลางระบบเดินทาง 3 ต่อนี้ จะไม่ได้ค่าแรกเข้าเลย ประเด็นนี้ต้องมีการเจรจาก่อน ให้เอกชนผู้ถือสัมปทานเดิมยอม เพราะรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และชมพู จะเปิดให้บริการในต้นปี 2565 แล้ว ซึ่งประเด็นเหล่านี้ ภาครัฐต้องรีบดำเนินการ” ผู้อำนวยการวิจัย ทีดีอาร์ไอกล่าว


ในขณะเดียวกัน นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ยืนยันอีกครั้งว่า ค่าโดยสารรถไฟฟ้าของไทยนั้นแพง หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีสูตรคำนวณค่าโดยสารเป็นโครงข่ายชัดเจน โดยมีประเด็นที่ต้องคิดให้ละเอียด เช่น ในสิงคโปร์ เมื่อรัฐบาลเพิ่มส่วนต่อขยาย ป้อนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยรัฐบาลเป็นผู้ลงทุน เอกชนก็ต้องปรับลดราคาโดยสารลง ให้สอดคล้องกับผู้โดยสารที่มากขึ้นและมีโอกาสของรายได้มากขึ้น ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]