ขนส่งฯ เร่งรัดมาตรการ PM 2.5

กรุงเทพฯ 24 ต.ค.- กรมการขนส่งทางบก เดินหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ให้ค่าฝุ่นละอองเป็นไปตามมาตรฐาน กวดขันตรวจวัดควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารทั่วประเทศ เพิ่มความเข้มงวดการตรวจสภาพรถ ส่งผลให้ปีงบประมาณ 2564 จำนวนรถที่ตรวจพบควันดำเกินเกณฑ์ที่กำหนดลดลง และส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานสะอาด ลดมลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้กังวลต่อคุณภาพอากาศของประเทศไทยว่ามีสารก่อมะเร็งเข้าขั้นวิกฤตหนัก ในอากาศบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งเกิดจากการสันดาปเครื่องยนต์ดีเซล โดยสาเหตุสำคัญมาจากการใช้น้ำมันยูโร 1-3 ที่ทั่วโลกห้ามใช้แต่กลับมีการใช้ในประเทศไทย รวมถึงการไม่เข้มงวดกับการปล่อยควันดำรถและโรงงานอุตสาหกรรมนั้น กรมการขนส่งทางบกขอเรียนว่า รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในถังเครื่องยนต์ อาทิ แก๊สโซลีน ก๊าซธรรมชาติอัด และเครื่องยนต์ดีเซล จะมีการปล่อยมลพิษหลังจากที่เกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิง ซึ่งประกอบด้วยก๊าซและฝุ่นละอองชนิดต่างๆ เช่น CO2, CO, HC, SOx, NOx และ PM เป็นต้น ซึ่งจะต้องมีปริมาณไม่เกินตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ปัจจุบันรถยนต์ดีเซลใหม่ที่จะนำมาจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกทุกคัน จะต้องมีค่ามลพิษเป็นไปตามมาตรฐานบังคับของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรถยนต์ดีเซลล์ขนาดเล็กเป็นไปตามมาตรฐานยูโร 4 ขึ้นไป และดีเซลล์ขนาดใหญ่เป็นไปตามมาตรฐาน
ยูโร 3 ขึ้นไป


สำหรับรถที่อยู่ระหว่างการใช้งานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษได้ประกาศกำหนดเกณฑ์มาตรฐานควันดําที่ใช้สำหรับการตรวจสภาพทั้งรถเก่าและรถใหม่ โดยจะต้องมีค่าความทึบแสงไม่เกิน 45 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรถที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์จะไม่ผ่านการตรวจสภาพรถ และจะต้องดำเนินการแก้ไขทันที อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหามลพิษและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้มีมติให้บังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษจากรถยนต์ใหม่ยูโร 5 ภายในปี 2567 ทั้งนี้ เครื่องยนต์มาตรฐานยูโร 5 ต้องใช้น้ำมันที่มีระดับ Sulphur ต่ำ เพื่อป้องกันปัญหาอุปกรณ์ดักจับมลพิษอุดตัน จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงเทียบเท่ามาตรฐานยูโร 5 ด้วย คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จึงมีมติบังคับใช้มาตรฐานน้ำมันเทียบเท่ามาตรฐานยูโร 5 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

ในส่วนของปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานในบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑลนั้น สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการคมนาคมขนส่งและการจราจร นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ความสำคัญปัญหามลพิษทางอากาศซึ่งเกิดจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง เพื่อให้ค่าฝุ่นละอองเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดและไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของประชาชน ในปีงบประมาณ 2564 (1 ตุลาคม 2563 – 30 กันยายน 2564) กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการเข้มข้นทุกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างต่อเนื่อง สั่งการให้ผู้ตรวจการเพิ่มความเข้มงวดกวดขันตรวจสอบควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารที่ใช้งานบนท้องถนน โดยมีการตรวจควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารทั่วประเทศแล้วจำนวนทั้งสิ้น 255,379 คัน พบรถที่มีค่าควันดำเกินกำหนดและพ่นห้ามใช้ จำนวน 1,922 คัน ผู้ประกอบการและเจ้าของรถทุกคันที่ถูกพ่นห้ามใช้ต้องดำเนินการแก้ไขและผ่านการตรวจสภาพกับสำนักงานขนส่งจึงจะนำรถกลับไปใช้งานได้อีกครั้ง ซึ่งผลจากการตรวจสอบควันดำรถโดยสารและรถบรรทุก พบรถที่ตรวจพบควันดำเกินเกณฑ์ที่กำหนดมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง


สำหรับปีงบประมาณ 2565 กรมการขนส่งทางบก ยกระดับความเข้มข้นมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพิ่มความเข้มข้นตรวจวัดควันดำรถทุกประเภทที่มาดำเนินการทางทะเบียนและภาษีรถ ณ กรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้มีรถที่ค่าควันดำเกินกำหนดออกไปใช้งานบนท้องถนน และจัดส่งผู้ตรวจการออกตรวจวัดควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารที่ใช้งานบนท้องถนนทั่วประเทศต่อเนื่องทั้งปี โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร และถนนสายหลักและสายรองที่เข้าสู่กรุงเทพมหานคร รวมถึงที่จุดตรวจรถโดยสารสาธารณะ Checking Point หากตรวจพบค่าควันดำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (เกินกว่า 45 เปอร์เซ็นต์) ผู้ฝ่าฝืนจะถูกเปรียบเทียบปรับ 5,000 บาท และสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” โดยเจ้าของรถต้องนำรถไปแก้ไขและนำมาตรวจสภาพอีกครั้งจนผ่านการตรวจวัดจึงจะนำไปใช้งานได้ ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้บูรณาการร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร กรมควบคุมมลพิษ และกรุงเทพมหานคร ในการออกตรวจวัดควันดำรถบริเวณที่มีค่าฝุ่นละออง PM 2.5 สูง ในเขตกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง เพื่อลดปัญหาค่าฝุ่นละอองในเขตกรุงเทพมหานครชั้นใน เข้มงวด

การตรวจสภาพรถของสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) โดยจัดตั้งศูนย์ควบคุมการตรวจสภาพรถ (VICC) เพื่อควบคุมตรวจสอบการดำเนินการตรวจสภาพรถแบบเรียลไทม์ผ่านกล้อง CCTV ใช้เครื่องวัดควันดำระบบวัดความทึบแสง แทนเครื่องวัดควันดำระบบกระดาษกรองเพื่อประสิทธิภาพในการตรวจวัด และควบคุมการตรวจสภาพรถของ ตรอ. ให้เข้มงวดการตรวจวัดควันดำรถยนต์ กำชับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ให้เข้มงวดตรวจสอบสภาพรถโดยสารไม่ให้ปล่อยควันดำขณะนำมาใช้งานบนถนน ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่ง ตรวจวัดควันดำรถโดยสารและรถบรรทุก ณ สถานประกอบการ รวมถึงเพิ่มจุดบริการตรวจสภาพรถ ณ สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑล สถานีขนส่งสินค้าร่มเกล้า และสถานีขนส่งสินค้าคลองหลวง นอกจากนี้ ได้นำมาตรการส่งเสริมการใช้รถพลังงานสะอาดหรือพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การนำรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ที่ใช้ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิง มาใช้ในระบบขนส่งสาธารณะและขนส่งสินค้าทดแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

โดยได้พิจารณากำหนดมาตรการด้านภาษี กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการขนส่งฯ ให้สอดคล้องกับนโยบายขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า และส่งเสริมให้ภาคเอกชนนำรถพลังงานสะอาดมาให้บริการ โดยปัจจุบันมีรถโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้าที่จดทะเบียนและนำมาใช้งานบนท้องถนนแล้ว จำนวน 1 เส้นทาง ได้แก่ สาย 35 พระประแดง–สายใต้ใหม่ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาควันดำ โดยการแจ้งเบาะแสรถบรรทุกและรถโดยสารควันดำทางสายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง ทาง Facebook 1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]