ว่าที่ ปธน.-รอง ปธน.สหรัฐแถลงต่อคนทั้งประเทศ

วิลมิงตัน 8 พ.ย.- นายโจ ไบเดน และนางคามาลา แฮร์ริส ว่าที่ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐแถลงต่อชาวอเมริกันทั้งประเทศหลังจากทราบผลคะแนนคณะผู้เลือกตั้งแบบคาดการณ์ว่าชนะในรัฐเพนซิลเวเนีย ทำให้ได้เกิน 270 คะแนน ชนะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไบเดนซึ่งจะมีอายุครบ 78 ปีในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ และนางแฮร์ริส วัย 56 ปี ขึ้นเวทีที่เชสเซ็นเตอร์ เมืองวิลมิงตัน รัฐแดลาแวร์เมื่อค่ำวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ ตรงกับเช้าวันนี้ตามเวลาในไทย นางแฮร์ริสถอดหน้ากากอนามัยกล่าวเปิดด้วยการรำลึกถึง ส.ส.จอห์น ลูอิส รัฐจอร์เจีย พรรคเดโมแครตว่า ส.ส.ลูอิสได้บันทึกไว้ก่อนถึงแก่กรรมเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ด้วยวัย 80 ปีว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่สถานะ แต่คือการกระทำ ประชาธิปไตยของอเมริกาไม่ใช่สิ่งที่ได้รับการรับประกัน แต่จะแข็งแกร่งตราบเท่าที่มีเจตนารมณ์จะต่อสู้เพื่อปกป้อง ประชาธิปไตยของอเมริกามีความน่ายินดี มีความก้าวหน้า เพราะประชาชนทุกคนมีอำนาจในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวต่อไปว่า ทุกคนได้นำพาอเมริกาเข้าสู่วันใหม่ ทุกคนเลือกความหวัง ความเป็นเอกภาพ ความเหมาะสม วิทยาศาสตร์ และความจริง และเลือกโจ ไบเดนเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา โจเป็นผู้เยียวยา การประสบความสูญเสียด้วยตัวเองทำให้เขามีจุดหมายที่จะช่วยทุกคนทั้งประเทศกอบกู้จุดหมายกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับยกย่องไบเดนที่กล้าทลายกำแพงด้วยการเลือกเธอเป็นผู้สมัครคู่ชิงรองประธานาธิบดี เธออาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่จะดำรงตำแหน่งนี้ แต่จะไม่เป็นคนสุดท้ายอย่างแน่นอน […]

สหรัฐปิดคูหาเลือกตั้งแล้วเกือบ 20 รัฐ

วอชิงตัน 4 พ.ย.- สหรัฐปิดคูหาเลือกตั้งตามรัฐต่าง ๆ เกือบ 20 รัฐแล้วจากทั้งหมด 50 รัฐ และ 1 เขตปกครองตนเอง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral votes) ตามการคาดการณ์นำโจ ไบเดน เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานว่า นับจนถึงเวลา 20.30 น.วันอังคารตามเวลาตะวันออกสหรัฐ ตรงกับเวลา 08.30 น.วันนี้ตามเวลาในไทย รัฐที่ปิดคูหาไปแล้วได้แก่ แอละแบมา คอนเนตทิคัต เดลาแวร์ ดิสทริคออฟโคลัมเบีย ฟลอริดา อิลลินอยส์ เมน แมริแลนด์ แมสซาชูเซตส์ มิสซิสซิปปี มิสซูรี นิวแฮมป์เชอร์ นิวเจอร์ซี โอคลาโฮมา เพนซิลเวเนีย โรดไอส์แลนด์ และเทนเนสซี ซีเอ็นเอ็นคาดการณ์คะแนนคณะผู้เลือกตั้งว่า ประธานาธิบดีทรัมป์นำไบเดนอยู่ 42 ต่อ 30 คะแนน ผู้สมัครที่ได้อย่างน้อย 270 คะแนนก่อนจากทั้งหมด […]

ตลาดเก็งไบเดนชนะ พาหุ้นทองขึ้น ดอลลาร์อ่อน

นิวยอร์ก 4 พ.ย.- ตลาดเงินและตลาดทุนเก็งว่า โจ ไบเดน จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐพาให้หุ้นและทองขึ้น ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลดลง ขณะที่ตลาดตราสารทุนทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดเก็งว่า จะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น หากไบเดนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น คาดกันว่า หากไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้าจะลดลง ซึ่งจะช่วยประคองสกุลเงินอื่นๆ ให้แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ผลการสำรวจความนิยมพบว่า ไบเดนยังคงมีคะแนนนิยมนำห่าง อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เริ่มมีคะแนนนิยมตีตื้นในหลายรัฐที่กระแสยังกลับไปกลับมา หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งจากรัฐต่างๆ รวม 270 เสียงขึ้นไป ก็จะได้รับเลือกเป็นผู้นำสหรัฐ ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในตลาดวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นยุโรป ด้วยความหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เพื่อต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันนักลงทุนก็หันไปให้ความสนใจในทองคำมากขึ้นเช่นกัน โดยเก็งกันว่าทองคำจะมีราคาสูงขึ้น จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาทองล่วงหน้าโกลด์ฟิวเจอร์สของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นร้อยละ 0.9 ไปอยู่ที่ 1,910.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์.-สำนักข่าวไทย

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐออกมาใช้สิทธิ

วอชิงตัน 4 พ.ย.- ชาวอเมริกันพากันออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อเลือกผู้ที่จะนำพาประเทศต่อไปในอีก 4 ปี ข้างหน้า ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับ โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต การเลือกตั้งสหรัฐดำเนินไปโดยไม่มีปัญหาอย่างที่หลายฝ่ายกังวล หลังการรณรงค์หาเสียงที่ดุเดือด และบางครั้งมีเนื้อหายั่วยุ โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วสหรัฐต่างพากันออกมาลงคะแนน โดยบางเขตก็ต่อแถวกันยาว ขณะที่บางเขตก็เป็นเพียงคิวสั้นๆ โครงการเลือกตั้งสหรัฐ ของมหาวิทยาลัยฟลอริดา ระบุว่า ก่อนวันเลือกตั้งจริง ได้มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้วกว่า 100 ล้าน คน โดยบ้างก็ลงคะแนนทางไปรษณีย์ หรือไม่ก็ด้วยตัวเอง เนื่องจากกังวลเรื่องความแออัดในสถานที่เลือกตั้ง ในวันเลือกตั้ง ในช่วงที่ยังมีการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งยอดผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าที่สูงเป็นสถิติ ได้ทำให้คาดการณ์กันว่าการเลือกตั้งปีนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่มีเปอร์เซ็นต์ผู้ออกมาใช้สิทธิมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2451 และอาจมียอดผู้ออกมาใช้สิทธิทั้งหมดถึง 160 ล้าน คน ผลการสำรวจความนิยมชี้ว่า ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ซึ่งใช้ชีวิตในฐานะสาธารณะบุคคลมาครึ่งศตวรรษ ยังคงมีคะแนนนำ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ เริ่มมีคะแนนตีตื้นกลับมาบ้างแล้ว ในหลายรัฐที่มีการแข่งขันดุเดือด ทั้งนี้โดยผู้ที่จะได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ […]

ไต้หวันพาเหรดไพรด์ฉลองเสมอภาค-ปราบโควิด

ไทเป 31 ต.ค.- คนกว่า 130,000 คนร่วมขบวนพาเหรดไพรด์ที่เคลื่อนไปตามท้องถนนในกรุงไทเปของไต้หวันในวันนี้ ฉลองความเสมอภาคของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศและความสำเร็จของไต้หวันในการต่อสู้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 พาเหรดไพรด์ในไต้หวันเป็นพาเหรดใหญ่ที่สุดในเอเชีย และใหญ่ติดอันดับโลก ผู้จัดงานเผยว่า ปีนี้มีคนเข้าร่วมกว่า 130,000 คน และมีคนจากพรรคการเมืองใหญ่อย่างพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าหรือดีพีพี (DPP) ที่เป็นพรรครัฐบาลมาร่วมขบวนด้วย นายกรัฐมนตรีซู เจินชางโพสต์เฟซบุ๊กสนับสนุนว่า ในขณะที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดทั่วโลก ทุกคนยิ่งต้องรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวมากขึ้น รวมใจกันและกันและมีขันติต่อความแตกต่าง เพื่อทำให้ไต้หวันมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินโพสต์เฟซบุ๊กพร้อมกับลงภาพธงสีรุ้งว่า คำสำคัญในเวลานี้ว่า ความรัก ขันติ และไต้หวันที่ดียิ่งขึ้น เธอถูกกลุ่มศาสนาบางกลุ่มตำหนิเมื่อต้นสัปดาห์ที่เชิญชวนคนมาร่วมพาเหรดไพรด์ พนักงานธนาคารชายวัย 32 ปีกล่าวขณะร่วมขบวนว่า ไต้หวันมีผลงานยอดเยี่ยมทั้งเรื่องความเสมอภาคและการควบคุมโรคโควิด-19 ระบาด เป็นความภาคภูมิใจมาก ไต้หวันเป็นแห่งแรก ๆ ที่ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนากับผู้ที่เดินทางมาจากจีน และใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เฝ้าติดตามผู้ที่ต้องกักตัว 14 วัน ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ จนถึงขณะนี้มีผู้ป่วยสะสมเพียง 555 คน เสียชีวิต 7 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้มาจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็เป็นแห่งแรกในเอเชียที่ให้การแต่งงานของคนเพศเดียวกันเป็นเรื่องถูกกฎหมาย คู่รักเพศเดียวกันสองคู่เป็นทหารหญิงสองคู่แรกของไต้หวันที่แต่งงานกันในพิธีสมรสหมู่ของกองทัพเมื่อวานนี้.-สำนักข่าวไทย

ศรีลังกาเริ่มส่งขยะอันตรายคืนอังกฤษ

โคลัมโบ 31 ต.ค.- ศรีลังกาเริ่มส่งขยะอันตรายที่มีอยู่ทั้งหมด 242 ตู้คอนเทนเนอร์คืนอังกฤษ ในจำนวนนี้มีชิ้นส่วนศพจากห้องดับจิตด้วย หลังจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสู้คดีมานานสองปีจนกระทั่งชนะ เจ้าหน้าที่ศุลกากรศรีลังกาเผยว่า คอนแทนเนอร์ชุดแรก 20 ตู้ที่เป็นขยะทางการแพทย์ รวมถึงชิ้นส่วนศพจากห้องดับจิต ถูกลำเลียงขึ้นเรือเอ็มวีเทกซัสไทรอัมพ์แล้วเมื่อวานนี้เพื่อส่งคืนอังกฤษ และอีก 65 ตู้จะส่งคืนภายในหนึ่งสัปดาห์ ทันทีที่มีเรือพร้อม ศาลอุทธรณ์ศรีลังกามีคำสั่งเมื่อสองสัปดาห์ก่อนให้ส่งคืนขยะชีวภาพจากโรงพยาบาลและขยะพลาสติกหลายตันที่นำเข้าโดยละเมิดระเบียบด้านการขนส่งทางเรือของศรีลังกาและสากล ขยะทั้ง 242 ตู้คอนเทนเนอร์ถูกนำเข้ามาระหว่างเดือนกันยายน 2560 ถึงมกราคม 2561 ตั้งไว้ที่ท่าเรือโคลัมโบและเขตการค้าเสรีใกล้กรุงโคลัมโบ ศูนย์เพื่อความเป็นธรรมสิ่งแวดล้อมได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งส่งคืนประเทศต้นทาง และในระหว่างที่กำลังมีการสู้คดีนี้อยู่นั้น เจ้าหน้าที่พบขยะส่งเข้ามาใหม่ 260 ตันในคอนเทนเนอร์ 26 ตู้ และเพิ่งส่งคืนอังกฤษเมื่อเดือนกันยายน หลังจากอังกฤษยอมรับขยะคืน ปีที่แล้วศรีลังกาได้สอบสวนขยะอันตรายเกือบ 3,000 ตันที่ลอบนำเข้าประเทศ และพบว่าผู้นำเข้าได้นำขยะเหล่านี้จำนวน 180 ตันส่งต่อไปยังอินเดียและดูไบในปี 2560-2561 นอกจากศรีลังกาแล้ว หลายประเทศในเอเชียอย่างฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและมาเลเซียก็เริ่มส่งคืนขยะกลับไปยังประเทศต้นทางแล้ว.-สำนักข่าวไทย

เสี่ยงชีวิตช่วยแมวติดแผ่นดินไหวตุรกี

อิซเมียร์ 31 ต.ค.- เจ้าหน้าที่กู้ภัยตุรกีช่วยแมวตัวหนึ่งได้อย่างปลอดภัย เป็นแมวที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังจากแผ่นดินไหวขนาด 7 เมื่อวานนี้ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั้งในตุรกีและกรีซเพิ่มเป็น 26 คนแล้ว เจ้าหน้าที่กู้ภัยสำนักงานจัดการภัยพิบัติของตุรกีใช้ความพยายามอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งสามารถดึงแมวออกจากใต้ซากอาคารหลังหนึ่งในเมืองอิซเมียร์ ทางตะวันตกสุดของประเทศ ขณะเดียวกันก็แข่งกับเวลาค้นหาผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวใหญ่ที่เกิดขึ้นในทะเลอีเจียนที่อยู่ระหว่างตุรกีกับกรีซเมื่อเวลา 13.51 น.วันศุกร์ตามเวลากรีซ ตรงกับเวลา 18.51 น.วันเดียวกันตามเวลาในไทย สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐหรือยูเอสจีเอส (USGS) วัดขนาดแผ่นดินไหวได้ 7 ขณะที่ทางการตุรกีแจ้งไว้ที่ 6.6 ศูนย์กลางลึกเพียง 21 กิโลเมตร ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรงในวงกว้าง อาคารพังถล่มหลายหลัง และเกิดคลื่นสูงซัดฝั่งและเกาะต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบ.-สำนักข่าวไทย

เจ้าพ่อสื่อฮ่องกงไม่เกี่ยวข่าวลูกไบเดนกับจีน

ฮ่องกง 31 ต.ค.- นายจิมมี ไหล่ เจ้าของธุรกิจสื่อรายใหญ่ในฮ่องกงออกตัวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับรายงานข่าวที่กล่าวหาว่า บุตรชายนายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงประธานาธิบดีสหรัฐเกี่ยวโยงกับการทำธุรกิจในจีน แต่ยอมรับว่าเงินของบริษัทเขาเคยถูกนำไปใช้สนับสนุนเรื่องนี้ นายไหล่หรือไหล่ จี๋เย็งวัย 71 ปี สัญชาติอังกฤษ เป็นนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยในฮ่องกงและนักวิจารณ์จีนตัวยง เขาทวีตว่า เสียใจที่แอปเปิลเดลี หนังสือพิมพ์ในเครือธุรกิจของเขาถูกพาดพิงในบทความของเอ็นบีซี (NBC) สถานีออกอากาศกระจายเสียงของสหรัฐที่ระบุว่า เอกสารหนา 64 หน้าที่ส่งต่อในอินเทอร์เน็ตเรื่องนายฮันเตอร์ ไบเดน วัย 50 ปี บุตรชายคนที่สองของนายไบเดนมีความสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนและทำธุรกิจในจีนมีความน่าสงสัยเรื่องผู้เขียนและแหล่งข่าวนิรนาม เพราะนายคริสโตเฟอร์ บัลดิง ผู้ร่วมเขียนเอกสารลับนี้อ้างว่าได้รับมอบหมายจากแอปเปิลเดลี่ นายไหล่ยืนยันว่า แอปเปิลเดลีไม่ได้มอบหมาย แต่ยอมรับว่านายมาร์ก ไซมอน ผู้บริหารของเน็กซ์มีเดีย บริษัทของเขาเคยนำเงินบริษัทไปจ่ายเป็นค่างานวิจัย แต่เป็นยอดเงินเพียง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 310,907 ล้านบาท) จึงไม่ต้องขอให้เขาอนุมัติ อย่างไรก็ดี เขาคิดว่าหลายคนคงไม่เชื่อว่าเขาไม่รู้เรื่อง ขณะนี้ชื่อเสียงของเขาเสียหายไปแล้ว ด้านนายไซมอนโพสต์แจ้งว่า ได้ลาออกแล้วจากเรื่องที่เกิดขึ้น และขอโทษที่ทำให้นายไหล่เสียหายในเรื่องที่ไม่รู้เรื่องด้วยเลย ขณะเดียวกันแอปเปิลเดลีแถลงว่า บทความสองเรื่องที่ตีพิมพ์เมื่อไม่นานมานี้ว่า นายฮันเตอร์ […]

ทรัมป์ตัดจีเอสพีสินค้าไทยกว่า 25,000 ล้านบาท

วอชิงตัน 31 ต.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลากรเป็นการทั่วไปหรือจีเอสพี (GSP) สำหรับสินค้านำเข้าจากไทยมูลค่าราว 817 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25,415 ล้านบาท) ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมนี้ เนื่องจากไทยไม่มีความคืบหน้าเรื่องเปิดตลาดเนื้อหมูให้สหรัฐ เว็บไซต์วิทยุเสียงอเมริกาหรือวีโอเอ (VOA) รายงานว่า ทำเนียบขาวเผยแพร่จดหมายที่ประธานาธิบดีทรัมป์ส่งถึงนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ได้ข้อสรุปว่าไทยไม่ได้ให้การรับรองกับสหรัฐว่าจะให้สหรัฐเข้าถึงตลาดอย่างเท่าเทียมและสมเหตุสมผล วีโอเอระบุว่า การตัดสินใจนี้มีขึ้นหลังจากสหรัฐเจรจากับไทยนานกว่าสองปีในหลายประเด็น ตั้งแต่เรื่องให้สินค้าสหรัฐเข้าตลาดไทยไปจนถึงเรื่องสิทธิแรงงานในไทย ก่อนหน้านี้สหรัฐได้ระงับจีเอสพีสินค้านำเข้าจากไทยมูลค่าราว 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 40,423 ล้านบาท) ไปแล้วในปีนี้ หลังจากที่เคยให้จีเอสพีแก่ไทยรวมมูลค่าประมาณ 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 136,817 ล้านบาท) สหรัฐให้จีเอสพีแก่เศรษฐกิจกำลังพัฒนาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษหลังปี 1970 โดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงสิทธิแรงงานและการเข้าถึงตลาด ด้านสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐแถลงว่า รายชื่อสินค้าไทยที่จะถูกระงับจีเอสพีครอบคลุมทั้งอะไหล่ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอบแห้ง เครื่องมือ และเครื่องครัวอะลูมิเนียม.-สำนักข่าวไทย (ดูรายชื่อสินค้า) https://ustr.gov/sites/default/files/files/Press/Releases/Thailand%20GSP%20Country%20Practice%20Review%20%20Product%20Removal%20List.pdf

ฟิลิปปินส์สั่งหนีซูเปอร์ไต้ฝุ่นแรงที่สุดในโลก

มะนิลา 31 ต.ค.- ฟิลิปปินส์สั่งอพยพประชาชนทางตอนใต้ของเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศในวันนี้ หนีซูเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี (Goni) ความรุนแรงระดับ 5 ที่จะขึ้นฝั่งวันอาทิตย์ และถือว่ารุนแรงที่สุดในโลกของปีนี้ และกำลังมีไต้ฝุ่นอีกลูกติดตามมา ซูเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี มีความเร็วลมบริเวณศูนย์กลาง 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วลมกระโชกสูงสุด 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกไปทางตะวันตกด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะทำให้ฝนตกหนักทั่วกรุงมะนิลาและ 14 จังหวัดใกล้เคียงในย็นวันนี้ เสี่ยงเกิดน้ำท่วมดินถล่ม และจะเป็นไต้ฝุ่นรุนแรงที่สุดที่จะถล่มฟิลิปปินส์ นับจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนที่คร่าชีวิตคนในฟิลิปปินส์ไปกว่า 6,300 คนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 เจ้าหน้าที่เผยกับสถานีวิทยุในประเทศว่า เริ่มอพยพประชาชนตามชุมชนริมฝั่งและพื้นที่เสี่ยงเกิดดินถล่มในจังหวัดกามารีเนสนอร์เตและกามารีเนสซูร์ ในภูมิภาคบีโกล ทางใต้ของเกาะลูซอนแล้ว ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดอัลไบ ในภูมิภาคเดียวกันจะสั่งการให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอพยพจากบ้านเรือนเช่นกัน ทางการท้องถิ่นสั่งปิดท่าเรือและห้ามเรือประมงออกจากฝั่ง ขณะเดียวกันการอพยพคนยังศูนย์พักพิงก็มีอุปสรรคเรื่องต้องรักษาระยะห่างทางสังคม เนื่องจากฟิลิปปินส์มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มากเป็นอันดับสองของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ซูเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี แปลว่าหงส์ในภาษาเกาหลีจะเป็นพายุลูกที่ 18 ของฟิลิปปินส์ในปีนี้ หลังจากไต้ฝุ่นโมลาเบ (Molave) เพิ่งคร่าชีวิตคนไป 22 คนเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนใหญ่จมน้ำเสียชีวิตตามจังหวัดทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา ด้านเว็บไซต์มะนิลาบูลเลตินรายงานว่า ไต้ฝุ่นลูกถัดไปคือ […]

สโลวาเกียเริ่มตรวจโควิดทั้งประเทศ

บราติสลาวา 31 ต.ค.- สโลวาเกียเริ่มโครงการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาทั้งประเทศแล้วในวันนี้ ถือเป็นประเทศแรกของโลกที่ทำเช่นนี้ แต่มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นโครงการที่ขาดการเตรียมพร้อม สโลวาเกียเป็นประเทศในยุโรปกลาง มีประชากร 5.4 ล้านคน ทางการส่งบุคลากรทางการแพทย์ ทหารตำรวจออกเก็บตัวอย่างประชาชนตามจุดตรวจประมาณ 5,000 แห่ง เป็นการตรวจหาแอนติเจนหรือเชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 นายกรัฐมนตรีอิกอร์ มาโตวิชกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า ทั้งโลกจะจับตาดูสโลวาเกีย มาตรการนี้จะช่วยชีวิตคนได้เป็นจำนวนมาก และเป็นหนทางไปสู่เสรีภาพ เพราะทันทีที่เสร็จสิ้นโครงการก็จะสามารถผ่อนคลายมาตรการจำกัดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดได้ รัฐบาลหวังว่า จะตรวจครบทั้งประเทศแล้วเสร็จภายในสองวัน และจะตรวจขนานใหญ่อีกครั้งในสุดสัปดาห์หน้า สโลวาเกียพบผู้ป่วยมากเป็นประวัติการณ์ 3,363 คนเมื่อวานนี้ ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมที่ 55,091 คน เสียชีวิตคงที่ที่ 212 คน การตรวจหาแอนติเจนให้ผลรวดเร็วภายในไม่กี่นาที แต่ไม่น่าเชื่อถือเหมือนการตรวจแบบพีซีอาร์ (PCR) ที่เก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกแล้วส่งไปวิเคราะห์ในห้องทดลองปฏิบัติการ โครงการตรวจโควิดทั่วประเทศของสโลวาเกียให้ประชาชนเข้าร่วมโดยสมัครใจ แต่หากถูกตำรวจเรียกตรวจแล้วไม่สามารถแสดงใบรับรองผลตรวจเป็นลบจะถูกปรับหนัก ส่วนผู้มีผลตรวจเป็นบวกจะต้องกักตัวทันที 10 วัน สมาคมแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปสโลวเกียวิจารณ์รัฐบาลว่า ดำเนินโครงการโดยขาดการวางแผนเตรียมพร้อม โครงการนำร่องที่ทดลองในพื้นที่เสี่ยงสูง 4 แห่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ประชาชนต้องเข้าแถวรอตรวจนานถึง 2 ชั่วโมง เพราะบุคลากรไม่เพียงพอ และต้องเสนอเงินพิเศษจูงใจแพทย์มาร่วมโครงการ นอกจากนี้การให้คนมารวมตัวกันจำนวนมากตามจุดตรวจยังขัดต่อคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่ขอให้คนเลี่ยงการรวมตัวและติดต่อกันให้มากที่สุดด้วยเพื่อลดการแพร่ระบาด.-สำนักข่าวไทย

เผยนายกฯ อังกฤษเล็งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ

ลอนดอน 31 ต.ค.- สื่ออังกฤษเผยนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันกำลังพิจารณาเรื่องประกาศมาตรการปิดเมืองหรือล็อกดาวน์ทั่วประเทศครั้งใหม่ในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางกระแสวิตกว่าโรงพยาบาลทั่วประเทศกำลังมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้นจนเกินความสามารถที่จะรับไหว หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์คาดการณ์ว่า นายกรัฐมนตรีจอห์นสันจะแถลงข่าวในวันจันทร์เพื่อประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ตั้งแต่วันพุธไปจนถึงวันที่ 1 ธันวาคม ปิดทุกสถานที่ ยกเว้นร้านค้าจำเป็นและสถานศึกษา อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวเผยว่า รัฐบาลยังอยู่ระหว่างหารือและยังไม่ได้ข้อสรุป แหล่งข่าวเผยด้วยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาเรื่องใช้มาตรการระดับท้องถิ่นที่เข้มงวดขึ้นหรือที่เรียกว่า ระดับ 4 จากปัจจุบันที่ใช้ 3 ระดับเฉพาะในอังกฤษ เพราะสกอตแลนด์ เวลส์และไอร์แลนด์เหนือมีนโยบายรับมือโรคโควิด-19 ของตนเอง แต่คณะรัฐมนตรีสนับสนุนให้ใช้นโยบายระดับประเทศมากกว่า สหราชอาณาจักรแจ้งเมื่อวานนี้ว่า พบผู้ป่วยใหม่ 24,405 คน เสียชีวิตเพิ่ม 247 คน มีผู้ป่วยใหม่เฉลี่ยวันละกว่า 20,000 คนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า อัตราการติดเชื้อในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อลดการติดเชื้อ กรณีเลวร้ายที่สุดที่อาจเป็นไปได้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตมากถึง 80,000 คน อาจเลวร้ายกว่านั้น ขณะนี้สหราชอาณาจักรมีผู้ป่วยสะสม 965,340 คน เสียชีวิตรวม 45,955 คน.-สำนักข่าวไทย

1 670 671 672 673 674 697