สำนักข่าวไทย 30 ส.ค.-ผอ.สำนักพุทธฯ สั่งสำนักงานพุทธจ.ลำปาง ตรวจสอบ พระไลน์จีบครูสาว พร้อมส่งคลิปอนาจาร แถมบอกรัก จนครูทนไม่ไหว ย้ำไม่นิ่งนอนใจ ทำให้เรื่องกระจ่าง หวั่นกระทบต่อพระพุทธศาสนา คาดรู้ผลเร็วๆนี้
นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบ กรณี มีการเผยแพร่คลิปและข้อความพระในจ.ลำปางไลน์จีบครูสาว พร้อมส่งคลิปอนาจาร พร้อมบอกรักไม่หยุด จนครูสาวทนไม่ได้ไปแจ้งความ ว่า ล่าสุดได้ สั่งการให้กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ลงไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว พบว่าขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง ได้ประสานไปยังคณะเจ้าปกครอง เพื่อทำงานร่วมกันโดยอยู่ระหว่างตรวจสอบคลิปดังกล่าวว่า และตรวจสอบว่าพระรูปดังกล่างใช้ไลน์ในวัตถุประสงค์ใด ผิดพระธรรมวินัยมากน้อยขนาดไหน โดยจะนิมนต์พระรูปดังกล่าวมาสอบถามข้อเท็จจริง ให้เร็วที่สุด คาดว่าเร็วๆนี้กระบวนการต่างๆแล้วเสร็จ ยืนยันว่า ทุกเรื่องเมื่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หรือทราบข่าวที่เกิดขึ้นจากสื่อมวลชน ไม่นิ่งเฉยหรือนิ่งนอนใจ มีการสั่งการให้ตรวจสอบทันที เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับผู้ร้องเรียนและสังคม เพื่อไม่ให้กระทบโดยตรงกับพระพุทธศาสนา อย่างล่าสุด คลิปฉาวซื้อบริการทางเพศ ที่จ.พิษณุโลก พศ.ได้ร่วมกับเจ้าคณะปกครอง ตรวจสอบพบว่าเป็นพระจริง ได้ให้ลาสิกขา พ้นจากความเป็นพระเรียบร้อย
ด้านายกิตติศักดิ์ แก้ววิเชียร ผู้อำนวยการกลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง และเจ้าคณะปกครอง กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากต้องให้ความเป็นธรรมกับพระรูปดังกล่าว จึงต้องตรวจสอบไลน์และคลิปอย่างละเอียด รวมถึงเรียกพระมาสอบถามข้อเท็จจริง ต้องทำอย่างรอบครอบ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากพบว่ามีมูล ต้องพิจารณาในเรื่องพระธรรมวินัย โดยจะใช้เวลาให้เร็วที่สุด ต้องเข้าใจว่าเป็นคลิปออกมา ต้องให้ความเป็นธรรม ไม่เหมือนคลิปที่จ.พิษณุโลก เป็นคลิปที่โจ่งแจ้ง และพบว่าผิดจริง สามารถเข้าดำเนินการได้ทันที คาดว่าพรุ่งนี้กรณีพระไลน์จีบครูสาว พร้อมส่งภาพอนาจารมาบอกรัก จะทราบรายละเอียดที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องคดีความ หากครูสาวไปแจ้งความเป็นเรื่อของคดีทางโลกหรือคดีอาญาก็ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเรื่องผิดพระธณรมวินัยอย่างไร ทางเจ้าคณะปกครองจะเป็นผู้ตัดสิน ว่าความผิดทางพระธรรมวินัยในขั้นไหนต้องดูพฤติกรรมหรือเจตนาที่ทำ ซึ่งจะมีตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ หรือร้ายแรงให้ลาสิกขา .-สำนักข่าวไทย
