ขอทุกฝ่ายเลิกคิดแบ่งเขา-แบ่งเรา จับมือเดินหน้าประเทศ

ทำเนียบรัฐบาล 13 ส.ค. –นายกฯ แถลงการณ์เรียกความร่วมมือร่วมใจคนในชาติ ชี้วิกฤติเศรษฐกิจถึงปลายปีหน้า เผยเลือกมืออาชีพคนนอกร่วม ครม. พร้อมมอบ 5 งานแก้ปัญหาดูแลประชาชน ให้เชิญมันสมองของประเทศคุยช่วยขับเคลื่อนรวมไทยสร้างชาติ แนะปฏิเสธความคิดแบ่งเขา-แบ่งเรา ชาติจะเดินหน้าได้ต้องเป็นหนึ่งเดียว ชี้คนรุ่นใหม่เป็นพลังสำคัญ เป็นอนาคตของประเทศ


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงการณ์เรื่อง ครม.ใหม่และการเดินหน้าประเทศ ว่า วานนี้(12 ส.ค.) รัฐมนตรีใหม่ได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญานตนเพื่อเข้ารับตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย และเข้ามาทำหน้าที่ในช่วงเวลาสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคนในประเทศไทย วันนี้ต้องขอพูดเรื่องสำคัญที่กำลังรอเราอยู่ในอนาคตข้างหน้า ที่ผ่านมาพวกเราได้ร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้กับโควิดจนสำเร็จได้เป็นอย่างดี แต่ยังต้องสู้กันต่อไปอีก เพราะปัญหาโควิดในโลกยังไม่จบ ความร่วมมือกันของทุกคนในช่วงที่ผ่านมาได้รักษาชีวิตของผู้คนเอาไว้นับหมื่นชีวิตก็ว่าได้ และที่มากไปกว่านั้นคือปกป้องครอบครัวจำนวนมากที่ต้องสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลูก หรือหลานของเรา ไม่ต้องเสียชีวิตเพราะโควิด ซึ่งนั่นจะเป็นความเจ็บปวดอย่างที่สุด ที่ติดไปตลอดชีวิต แม้โควิดจะหมดไปจากโลกนี้แล้วก็ตาม

“ความร่วมมือกันของพวกเราทุกคน ยังช่วยรักษาเงินของประเทศเอาไว้เป็นพัๆ หมื่ๆ ล้านบาท ไม่ต้องถูกเอาไปใช้กับการจัดหายาและอุปกรณ์ทางสาธารณสุขมารักษาผู้ป่วย ทำให้ตอนนี้เราสามารถนำเงินนั้นมาช่วยเรื่องเศรษฐกิจ และแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้หลายล้านครอบครัว ประเทศไทยคงรับไม่ไหวหากคนเป็นหมื่น ๆ ล้มตายเหมือนที่เกิดในหลายประเทศ คือเหตุผลที่ผมยังต้องให้ความสำคัญกับการดูแลและป้องกันวิกฤติสาธารณสุขต่อไปอีก เพราะส่งผลต่อเรื่องเศรษฐกิจด้วย ตอนนี้การจัดการกับวิกฤติเศรษฐกิจ เป็นเรื่องสำคัญมาก” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิกฤติเศรษฐกิจที่เรากำลังเผชิญอยู่จะไม่หายในเร็ววัน พวกเราต้องอยู่บนโลกของความเป็นจริง เมื่อผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศจำนวนมากคาดการณ์ว่าทุกคนคงจะต้องทนทุกข์กับวิกฤตินี้ ไปจนถึงปลายปีหน้า เมื่อทั้งโลกต้องเจ็บหนักกับวิกฤติเศรษฐกิจที่เลวร้ายกว่าครั้งไหน ประเทศไทยก็ได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัสนี้ด้วย เพราะเศรษฐกิจไทยเชื่อมอยู่กับเศรษฐกิจโลกอย่างมาก เราพึ่งพานักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และค้าขายกับทั่วทุกมุมโลก เมื่อเราอยู่ในพายุวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังโหมกระหน่ำ เราก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้ และเศรษฐกิจประเทศไทยจะเริ่มกลับมาเป็นปกติได้เมื่อประเทศอื่น ๆ ในโลกเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติด้วย

“สิ่งที่เราทำได้ คือการให้คนที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาทำงาน และทำทุกอย่างช่วยเหลือประชาชนให้อยู่รอดได้ ช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้คือสิ่งที่ผมรับปากกับทุกคนในประเทศในแถลงการณ์ครั้งก่อนที่ผมพูดว่าเราต้องให้คนที่เก่งที่สุดจากทุกภาคส่วน และจากทุกระดับของสังคมมีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถทำงานร่วมกัน เพื่อผ่านพ้นวิกฤตโควิดนี้ไปให้ได้ และมากกว่าการผ่านพ้นวิกฤติโควิดแล้วเราต้องทำงานร่วมกันเพื่อวางแผน และขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นด้วยวิธีการทำงานแบบ new normal ที่ผมเรียกว่า รวมไทยสร้างชาติ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนหนึ่งของรวมไทยสร้างชาติ คือการเปิดโอกาสให้คนเก่ง ๆ ในประเทศได้ทำงานร่วมกัน ได้ใช้ความรู้ความสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศ จึงตัดสินใจเชิญผู้มีความสามารถ ซึ่งเป็นคนนอก ไม่ได้มาจากภาคการเมืองมาเป็นรัฐมนตรีใหม่ ทุกคนคงทราบดีว่า ในโลกประชาธิปไตย ต้องทำงานด้วยกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ซึ่งตนยินดีที่จะทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลให้ได้อย่างดีที่สุด แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีจากพรรคร่วมมาช่วยกันทำงานรับใช้ประเทศ


“ผมดีใจที่ทุกคนเห็นตรงกันว่า เราต้องเปิดกว้างในสถานการณ์นี้ เพราะเราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรงต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ไม่แพ้เรื่องสาธารณสุข ผมจึงตัดสินใจเลือกแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุด โดยไม่ได้มองว่าอยู่ในการเมืองหรือไม่ ให้เข้ามาบริหารงานด้านเศรษฐกิจ ท่านเป็นบุคคลที่เป็นที่เคารพในเรื่องเป็นผู้มีจริยธรรม และมีประวัติการทำงานโดดเด่น ในฐานะมืออาชีพมาอย่างยาวนาน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวทางที่มอบให้รัฐมนตรีไม่มีอะไรซับซ้อน มี 5 อย่าง ที่ต้องทำเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนคนไทย คือ งานที่ 1ต้องเยียวยาความเจ็บปวดที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ต่อไปอีก โดยเฉพาะกลุ่ม SME และประชาชนในภาคส่วนต่าง ๆ ที่ต้องตกงานในช่วงที่ผ่านมา งานที่ 2 ต้องแก้ปัญหาต่าง ๆ ในแนวทางที่จะช่วยประเทศอย่างยั่งยืน ต้องตระหนักอยู่เสมอว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกจะยังคงอยู่ต่อไปอีกนาน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เงินเยียวยากันไปตลอด ดังนั้น ต้องเริ่มทำโครงการที่จริงจังให้ได้เพื่อช่วยแก้ปัญหาปัจจุบัน ต้องเตรียมการสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจให้ได้อย่างยั่งยืน เมื่อโลกกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เราต้องทำโครงการที่ถูกต้อง ตอบโจทย์ปัญหาต่าง ๆ ต้องใช้เงินที่มีอยู่อย่างเหมาะสม ให้ความช่วยเหลือให้ถึงคนที่ต้องการจริง ๆ โดยใช้กลไก โครงสร้าง คณะกรรมการ และศูนย์บริหารสถานการณ์ที่มีการทำงานบูรณาการกัน ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

“งานที่ 3 ต้องสร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจต่าง ๆ ยังคงจ้างงานลูกจ้างต่อไป ให้ธุรกิจต่าง ๆ ใช้ช่วงเวลานี้พลิกองค์กรของตัวเองให้กลายเป็นองค์กรที่มีประสิทธภาพและสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น งานที่ 4 ต้องมีแผนเรื่องการจ้างงานคนรุ่นใหม่ นักศึกษาจบใหม่จำนวนมากเข้าสู่ตลาดแรงงาน คนเหล่านี้จำเป็นต้องมีงานทำ และงานที่ 5 เกี่ยวกับการทำงานต่าง ๆ ต้องทำด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส่ รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกคนในสังคมมีบทบาทหน้าที่ที่จะช่วยกันนำพาประเทศก้าวผ่านความท้าทายนี้ไปให้ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเดินหน้าดึงผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่อยู่ในภาคส่วนอื่นๆ ของสังคมให้มาช่วยกันคิดและขับเคลื่อนประเทศด้วย โดยในเดือนนี้ และเดือนหน้าจะเริ่มทำ workshops กับภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งจะเข้ามานำเสนอวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนของแต่ละภาคส่วน นำเสนอมุมมองเกี่ยวกับโอกาสที่ภาคส่วนนั้น ๆ มองเห็น และมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของรัฐบาลในการสนับสนุนภาคส่วนเหล่านี้ให้เดินหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น โดยตนจะเข้าร่วมรับฟังการนำเสนอของทุกภาคส่วนด้วยตัวเอง

นายกรัฐมนตรี กำล่าวว่า สิ่งที่ตนต้องการสำหรับประเทศไทย คือ เมื่อถึงเวลาที่วิกฤติโควิดเริ่มหายไป ประเทศไทยของเราจะไปอยู่ในจุดที่จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว สร้างโอกาสการจ้างงานมหาศาล และทำให้ประเทศไทยอยู่ในจุดที่ดีขึ้นกว่าก่อนที่โควิดจะเกิดด้วยซ้ำ บทบาทของตนคือ ต้องการเข้าใจประเด็นต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อสั่งการให้ภาครัฐให้การสนับสนุนภาคส่วนต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม และให้ภาครัฐช่วยกำจัดอุปสรรคที่ดึงรั้งภาคส่วนต่าง ๆ เอาไว้

“เราต้องร่วมแรงร่วมใจกันแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน จับมือหารือกันอย่างสร้างสรรค์ วางแผนและลงมือทำ คือหนทางที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากปัญหาที่ถ่วงประเทศไทยเอาไว้มาอย่างยาวนาน การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมือง ซึ่งกีดขวางการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวของคนไทยในการแก้ปัญหาต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ควรจะมีอยู่แค่ในอดีต เราต้องหยุดพูดคำว่า “พวกเขา” หรือ “พวกเรา” คนที่พูดว่า “ฉันไม่ฟังเขาเพราะเขามีความเชื่อต่างกับฉัน” หรือ “ฉันจะไม่ไปเจอเขา เพราะเขามีความเชื่ออีกทางหนึ่ง” เป็นคนที่ยังติดอยู่ในโลกการเมืองของเมื่อวาน เป็นยุคที่ผ่านไปแล้ว แนวคิดแบบ พวกเขา พวกเรา ไม่ควรจะมีที่ยืนอีกต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในโลกปัจจุบัน ควรจะมีแต่คำว่า “คนไทยด้วยกัน” เราต้องมองไปในอนาคตข้างหน้า อนาคตที่จะเป็นยุคสมัยของคนที่ปัจจุบันนี้มีอายุ 15 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี สิ่งสำคัญของทุกวันนี้ คือ ความยุติธรรมในสังคม ความเสมอภาคภายใต้กฏหมายเดียวกัน ความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงโอกาสที่จะทำชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้นได้ และมีโอกาสที่จะแสดงศักยภาพของตัวเอง โดยไม่เกี่ยวกับนามสกุล ฐานะทางการเงินของครอบครัว หรืออายุ

“เราต้องเชื่อว่าคนทุกคนเกิดมามีแต่ความดีอยู่ในตัว ซึ่งผมเองก็เชื่อแบบนั้นเช่นเดียวกัน โลกยุคใหม่ ต้องการให้พวกเราเรียนรู้ที่จะทำงานด้วยกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว เป็นทีมเดียวกัน แม้ว่าเราอาจจะมีความคิดเห็นแตกต่างกัน เราต้องร่วมกันให้คำนิยามการเมืองแบบใหม่ และทำลายการเมืองแบบเดิมที่แบ่งแยก นี่คือสิ่งที่ควรอยู่ในความคิดของพวกเรา และคือสิ่งที่อยู่ในความคิดของผม คือสิ่งที่ผมเชื่อว่าลึก ๆ แล้วก็อยู่ในความคิดของคนไทยทุกคน สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเราต้องแบ่งปันความคิดซึ่งกันและกันได้ และเราต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงมุมมองและสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาเพื่อช่วยประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการไปพบปะกับสื่อมวลชนช่วงเดือนที่ผ่านมา ขอชื่นชมสื่อทุกคนด้วยความเคารพที่สละเวลาพบกัน และนำเสนอความคิด ให้คำแนะนำเพื่ออนาคตของประเทศ ทุกสื่อเตรียมข้อมูลและการนำเสนอที่ใช้ความรู้ และประสบการณ์คิดมาเป็นอย่างดี เป็นคำแนะนำที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง โดยไม่สนใจว่าใครจะมีฟากฝั่งทางการเมืองแบบไหน ที่สำคัญข้อเสนอแนะที่สื่อนำเสนอไม่ใช่เพราะอยากช่วยตน หรืออยากช่วยรัฐบาล แต่เพราะทุกสื่อต้องการช่วยประเทศและเพื่อนร่วมชาติ

“ผมสัมผัสได้ว่าคำแนะนำของสื่อออกมาจากหัวใจที่มีความเป็นห่วงประเทศ และเป็นหัวใจที่มีความรักต่อคนอีกกว่า 70 ล้านคน ที่เรียกแผ่นดินนี้ว่า “ประเทศของเรา” คือจิตวิญญาณที่ทำให้ประเทศของเรายิ่งใหญ่ และทำให้เราอยู่บนเส้นทางที่จะก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ ยิ่งขึ้นได้ ไม่ใช่จิตวิญญาณแบบที่จะนำไปสู่การลุกขึ้นมาตะโกนด่าทอหรือต่อสู้กัน เส้นทางของคนที่พูดว่า “ฉันไม่ฟังเขา เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับฉัน” เป็นเส้นทางที่จะพาประเทศไปสู่ความมืดมน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จิตวิญญานของความเป็นไทย แม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่เรา “ให้โอกาส” เราต้องฟังและประนีประนอมกัน เราต้องลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ ขณะนี้เราต้องมุ่งความสนใจไปที่ความอยู่รอดของปากท้องของคนหลายสิบล้านคน เราต้องทำงานร่วมกัน ช่วยกันดันเศรษฐกิจให้พลิกฟื้นกลับมาให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก แล้วหลังจากนั้นเราค่อยจัดการแก้ไขปัญหาในประเด็นอื่น ๆ ด้วยกัน ต่อไป

“เพื่อแสดงให้เห็นว่าเรากำลังทำตามที่พูดว่า รวมไทยสร้างชาติ วันนี้ผมได้ให้คำแนะนำกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังท่านใหม่ ให้ท่านเชิญมันสมองชั้นยอดของประเทศเข้ามาพบกัน เพื่อพูดคุยมุมมองความคิดของแต่ละท่าน ในการบริหารจัดการสถานการณ์เศรษฐกิจที่ประเทศเรากำลังเผชิญอยู่ โดยท่านต่างๆ ที่จะเชิญเข้ามานั้นควรจะมีคนที่เคยอยู่ในรัฐบาลอื่น หรือเป็นคนที่อาจจะมีแนวทางทางการเมืองที่แตกต่างกัน คือแนวทางที่ผมได้มอบให้คณะรัฐมนตรีใหม่ของผม คณะรัฐมนตรีที่ต้องรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งวันนี้ ผมขอพูดต่อหน้าประชาชนคนไทยทุกคนว่ากรุณา “ปฏิเสธ” ความเกลียดชังและการแบ่งแยกทางการเมือง ขอให้ปฏิเสธการเมืองแบบเก่าที่แพร่กระจายเชื้อโรคของความแตกแยกระหว่างความเชื่อแตกต่าง คนรุ่นใหม่-คนรุ่นเก่า คนรวย-คนจน หรือความแตกต่างอะไรก็ตามที่ถูกใส่เข้ามาในสังคมของเรา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อนาคตเป็นของคนรุ่นใหม่ และอนาคตอยู่ในมือคนรุ่นใหม่ ให้คนรุ่นใหม่แสดงออกมาให้ทุกคนเห็นว่าเขามีพลังที่จะเดินหน้าประเทศ ไปในเส้นทางที่จะร่วมแรงร่วมใจกันทุกคนทุกฝ่าย ก้าวข้ามความคิดเห็นที่อาจจะแตกต่างกันบ้าง เพื่อช่วยแก้ปัญหาปากท้องในปัจจุบัน และก้าวไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น เราต้องอยู่เหนือการโต้เถียงกัน ต้องอยู่เหนือการเมือง เพราะเรามีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากรออยู่ตรงหน้า นั่นคือความอยู่รอดในการหาเลี้ยงชีวิตของคนนับล้าน ๆ ที่กำลังเดือดร้อนจากหายนะของโควิด

“เราลดปัญหาของเราได้ด้วยการไม่ปล่อยให้เกิดการล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้เราต้องมุ่งไปที่ความอยู่รอดของปากท้อง เพราะเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก และเลวร้ายไปทั่วโลก แต่พวกเราต้องมีความหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเราได้เห็นว่าการร่วมแรงร่วมใจกัน ลงมือทำงานด้วยกัน ได้ช่วยพวกเราให้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่จัดการกับโควิดได้ดีที่สุดในโลก และไม่มีการล้มตายของผู้คน ผมเชื่อว่าเราสามารถทำแบบเดียวกันนั้นได้ จัดการวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งหนทางเดียวคือการจับมือกันและทำงานด้วยกัน เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศของเรา เพื่อความเจริญรุ่งเรือง เพื่อลูกหลาน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]