นายกฯ ขึ้นเวทีปาฐกถา “เชื่อมั่นประเทศไทย” ตั้งเป้าดัน GDP ปี 68 โต 3%

ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 19 ก.พ.-นายกฯ ขึ้นเวทีปาฐกถา “เชื่อมั่นประเทศไทย” ตั้งเป้าดัน GDP ปี 68 โต 3% แจงสาเหตุตัวเลขไทยต่ำกว่าเพื่อนบ้านอาเซียน ต้องดูปัจจัยภายใน-นอกประกอบ ชี้เศรษฐกิจฝืดเคือง ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยเงินกู้ให้ SME ขาดสภาพคล่อง พร้อมส่งสัญญาณ “แบงก์ชาติ” ลดดอกเบี้ย ย้ำเดินหน้า “แลนด์บริดจ์” บอกไม่แปลกมีคนต้าน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เชื่อมั่นประเทศไทย” ในงานสัมมนา Matichon Leadership Forum 2025 Trust Thailand : เชื่อมั่นประเทศไทย ว่า ตลอดปีที่ผ่านมาประเทศไทยเผชิญกับปัญหาความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก เงินในระบบที่ไม่พอ เงินยังมีความฝืดเคืองอยู่มาก แต่ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทำให้เราได้เห็นสัญญาณอันดี คือปลายปีที่แล้วเรามีตัวเลขจีดีพี ปี 67 ขยายตัว 2.5% จากที่ตั้งเป้า 2.2% ซึ่งเห็นได้ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ให้ประชาชนใช้จ่าย ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นที่เห็นได้ชัดชัดเจนก็คือตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากหลายภาคส่วนรวมกันทั้งเรื่องฟรีวีซ่า เพื่อให้การท่องเที่ยวง่ายขึ้น และยังสร้างความเชื่อมั่นว่าเมื่อเข้ามาในประเทศไทยแล้วมีความปลอดภัยทำให้สามารถดึงดูดเงินจากทั่วโลกได้มากขึ้น


สำหรับปี 2568 ตั้งเป้าให้จีดีพีโตขึ้น 3% ที่สำคัญการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการใช้จ่ายของประชาชนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ภาครัฐเองมีส่วนในการผลักดันในการใช้งบลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยตนเองได้เรียกทุกภาคส่วนมาพูดคุยกันว่างบต่างๆที่เราได้ต้องเร่งให้เกิดการลงทุนให้เร็วที่สุด เช่น การก่อสร้างต่างๆ ทำให้เกิดการจ้างงานเงินในระบบหมุนเวียนมากขึ้น และทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน ดังนั้นจึงต้องเร่งให้เกิดการลงทุนของภาครัฐ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ตัวเลขจีดีพีที่ออกมา ถูกเอาไปเปรียบเทียบกับประเทศอาเซียนจะเห็นได้ว่าตัวเลขต่ำกว่าประเทศอื่น ซึ่งยังไม่ได้เอาปัจจัยภายใน และภายนอกของประเทศมาประกอบถือว่ายังไม่ครบถ้วน ที่เห็นได้ชัดเจน คือเรื่องอุตสาหกรรมของประเทศไทยที่ไม่เห็นการพัฒนามานานแล้ว ทั้งที่ประเทศเพื่อนบ้านมีการพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย มีการลงทุนเรื่องเซมิคอนดอกเตอร์ แต่ประเทศไทยไม่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว ส่วนเวียดนาม มีการพัฒนาทักษะของคน เช่น การเขียนซอฟต์แวร์ต่างๆ แต่ไทยยังไม่ได้พัฒนาเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ อีกทั้งสภาพคล่องด้านเศรษฐกิจก็ยังไม่เต็มระบบ โดยธนาคารพาณิชย์ยังปล่อยกู้ไม่มากพอ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงทำให้เกิดการฝืดเคืองของเศรษฐกิจ อย่างกลุ่มเอสเอ็มอี ที่เป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศถึง 75% ไม่สามารถกู้เงินเพื่อมาขยายธุรกิจ จึงขยายตัวได้ไม่มากนัก จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วน


ด้านภาครัฐมีงบประมาณไม่เพียงพอ รายได้ถูกใช้ไปในเรื่องของงบประจำเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นการเหลืองบประมาณที่จะนำมาลงทุนในประเทศให้เกิดการพัฒนาก็เหลือน้อยเต็มที โดยตั้งแต่ตนเข้ามาทำหน้าที่ก็พยามจะบอกทุกคนให้รัดเข็มขัด แต่ก็ต้องทำการลงทุนควบคู่กันไปด้วย ดังนั้นต้องทำให้เม็ดเงินเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต้องบาลานซ์ให้ดีไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาในอนาคต และเมื่องบประมาณมีจำกัดก็จะส่งผลกับเรื่องของการลงทุน แม้แต่เงินกู้ก็ชนเพดาน ซึ่งเป็นเวลาที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารก็เจอปัญหานี้แล้ว แน่นอนว่าเราพยายามหาทางออกเพื่อที่จะทำให้เงินลงทุนทุกบาททุกสตางค์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังมีการทำการตลาดที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทยในการดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเมื่อการลงทุนจากต่างชาติ หรือเม็ดเงินจากต่างประเทศไม่เข้ามา การขยับของจีดีพีก็จะเป็นไปได้ยาก เราก็ทราบดีปัญหาเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการแก้ไข จะเห็นได้ว่าตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน มีการดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลทำได้ร่วมกับบีโอไอ ซึ่งต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่น และทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามามากยิ่งขึ้น โดยได้เสนอเรื่องของการทำการตลาดดึงนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ยอดการลงทุนเพิ่มขึ้น 35% หรือ 1.14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 5% ของจีดีพี และเร่งให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบ เป็นสิ่งที่ขยับและเห็นผล ทั้งนี้ยังมีมาตรการอีกมากมายทั้งสินเชื่อเอสเอ็มอีดึงอุตสาหกรรมใหม่เข้าประเทศ ดาต้าเซ็นเตอร์ เซมิคอนด็อกเตอร์ เพราะอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงขนาดนี้จะสามารถเติมเงินครั้งใหญ่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ นอกจากการเติมเงินแล้ว ยังช่วยเรื่องของกำลังซื้อของประชาชนด้วย อีกสิ่งที่รัฐบาลเห็นถึงความสำคัญคือการ Man-make Destination หรือ การสร้างสถานที่ใหม่ใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง และทำให้ทุกเดือนของประเทศไทยมีกิจกรรมสามารถท่องเที่ยวได้ไม่ใช่เฉพาะช่วงวันสำคัญ อย่างวันสงกรานต์หรือวันสำคัญอื่นๆ ต้องทำให้มีช่วงโลซีซั่น ซึ่งจะทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบ

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า หากมีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบก็จะสามารถยกระดับเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยมาตรการเร่งด่วนรัฐบาลได้พูดคุยและขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ที่มีกำไร ให้ช่วยเสริมสภาพคล่อง โดยการปล่อยกู้ให้กับคนไทยให้มีแคชโฟร์(กระแสเงินสด) ในการที่จะนำเงินมาหมุนเวียนในอุตสาหกรรม ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาลดดอกเบี้ย เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะเงินเฟ้อยังน้อยอยู่


ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนอุตสาหกรรมในอนาคตที่ประเทศไทยมองเป้าหมาย เรื่องยานยนต์ไฟฟ้า รถอีวีอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิตอล ปัญญาประดิษฐ์ ai และเซมิคอนด็อกเตอร์ ซึ่งจะเป็นรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป เราพยายามที่จะวางตัวให้เป็นHUB ของภูมิภาค ให้คนที่จะผลิตรถอีวีเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย และขณะนี้มีหลายโรงงานที่เข้ามาตั้งอยู่ในประเทศไทย การทำเช่นนี้ก็จะต้องดูเรื่องของ Green energy ประกอบด้วย จะเป็นการทำให้ทั่วโลกได้เล็งเห็นว่ากำลังจะก้าวต่อไปสำหรับโลกในอนาคต เป็นสิ่งที่รัฐบาลทราบและทำควบคู่กันอย่างเป็นระบบ

ในปี 2567 ไทยได้รับการลงทุนของสถาบันดิจิตอลสูงเป็นอันดับหนึ่ง เรื่องของดาต้าเซ็นเตอร์และ could จากสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย ฮ่องกง ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย รวมเงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท ล่าสุดบีโอไอ อนุมัติการลงทุนของ TikTok วีเอ็นมีเดีย count พาร์ทเนอร์กว่า 1.3 แสนล้านบาท ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เราได้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกเข้ามาลงทุนกับประเทศไทย ทำให้เกิดความเชื่อมั่นส่งผลให้การลงทุนต่างๆเป็นไปด้วยความราบรื่นมากขึ้น

ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางรถไฟ ความเร็วสูง ไทย-ลาว- จีน เชื่อมโยงกรุงเทพฯ-หนองคาย หากดำเนินการได้จะการลดค่าใช้จ่ายเรื่องการขนส่งเป็นอย่างมาก เป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดการกระตุ้นการลงทุนและทำกำไรมากยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้การเดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มมากขึ้น เกิดการจ้างงานที่เพิ่มมากขึ้นมีอาชีพใหม่ใหม่เกิดขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับครอบครัว

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันเรื่องของแลนด์บริดจ์ ซึ่งจากการเดินทางเยือนจีนก็ได้มีการสอบถามและขอข้อมูลเพิ่มเติมจากไทยถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่จีนให้ความสนใจเรื่องนี้ ถือเป็นสิ่งที่เราต้องทำงาน ซึ่งหากแลนด์บริดจ์เกิดขึ้นการขนส่งสินค้าจะประหยัดได้เยอะมาก เช่น การขนส่งสินค้าผลไม้มีเวลาเสียจะทำให้สามารถประหยัดเวลาการขนส่งได้ถึง4วัน เราจะสามารถส่งผลไม้ได้มากขึ้นสดใหม่มากขึ้น และสามารถประหยัดต้นทุนได้ถึง 15% เพราะเราส่งออกผลไม้เยอะมาก อย่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงชอบทุเรียนของไทย และมีคนจีนอีกมากที่เป็นแฟนผลไม้ของไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เมื่อวานนี้(18 ก.พ.) ได้ประชุมครม. ที่สงขลา มีการสอบถามว่าเราจะดำเนินการเรื่องแลนด์บริดจ์อย่างไร เนื่องจากมีผู้มาต่อต้าน ซึ่งซึ่งมองว่าเรื่องนี้ไม่แปลก เมื่อประเทศของเราจะมีการเปลี่ยนแน่นอนว่าต้องมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นไปตามปกติของระบบประชาธิปไตย โดยรัฐบาลได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี และพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของทุกคน และต้องการที่จะมีเวลาในการอธิบาย ข้อดี ข้อเสีย ว่าทำไมโครงการใหญ่ๆ จึงต้องการที่จะอยากสนับสนุนต่อ บางเรื่องรัฐบาลไม่อยากมองเป็นภาพเล็กว่าจะต้องแก้ไขปัญหาได้เพียงแค่หนึ่งปี หรือปัญหานั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก พร้อมยกตัวอย่าง เรื่องของน้ำท่วม ตนได้พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าเราเบิกค่าเยียวยาเรื่องน้ำท่วมทุกปี แต่จะดีกว่าไหมถ้าจะไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ และไม่ต้องเยียวยา หากเรามองเห็นภาพใหญ่โดยลงทุนมากหน่อยต่อเนื่องให้จบ ทำให้ประชาชนไม่ต้องประสบปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งต่อไปทุกปี นี่จึงเป็นการลงทุนอีกอย่างหนึ่งที่ และเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลเล็งเห็น แม้ตอนนี้เรรัดเข็มขัดแล้ว แต่ก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนว่าจะลงทุนอะไรที่เป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และทำให้ประชาชนไม่ลำบากต่อเนื่องหลายปี พร้อมหวังว่าไทยจะทำเอฟทีเอ ทุกประเทศกับทุกประเทศในยุโรปเพื่อทำให้การลงทุนของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง หนี้ครัวเรือนถือที่เป็นอุปสรรคการพัฒนาประเทศ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้พยามออกมาตรการ เช่น คุณสู้เราช่วยเพื่อช่วยเหลือ ซึ่งตัวเลขการแก้หนี้ครัวเรือนเป็นการยกหนี้รายย่อยแล้ว 8.3 แสนบัญชี ทำให้หลุดออกจากการติดเครดิตบูโร และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อีกครั้ง โดยรัฐบาลชุดนี้ ได้สานต่อ เพราะถือเป็นประโยชน์อย่างมาก ซึ่งขณะนี้มีลูกหนี้ 2.6 แสนบัญชี โดยจะทำให้จบภายในวันที่ 15 มีนาคมนี้ โดยขอให้กระทรวงการคลังหารือกับแบงค์ชาติ เพื่อปรับปรุงโครงการ คุณสู้เราช่วย ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกหนี้ให้ง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งคิดว่ามาตรการต่างๆจะออกมาในช่วงปลายเดือนมีนาคม นี้และจะประกาศให้ประชาชนทราบอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลยัฝตระหนักถึงปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงให้คนไทยข้ามไปยังฝั่งเมียนมาร์ ถือว่าเป็นปัญหาที่ยิ่งฟังยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ประชาชนที่ถูกหลอกหมดตัว บางคนถึงขั้นจบชีวิต จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป พร้อมได้ดำเนินการตัดไฟ ตัดน้ำมันที่ส่งไปยังเมียนมาร์และได้รับคำชื่นชมจากจีนว่าไทยเด็ดขาด และขณะนี้มีการปล่อยตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประมาณ 300 คน และมีอีก 7,000 คนที่รอการปล่อยตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกันระหว่างประเทศทั้งนี้มีการรายงานว่ามีการใช้ไฟลดลง 40% ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างมาก นอกจากนี้รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดเรื่องการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีเนื้อหาให้บริษัทโทรคมนาคมและธนาคารพาณิชย์ร่วมกันรับผิดชอบแก่ผู้เสียหายด้วย จึงต้องเป็นการทำงานร่วมกันไม่ฉะนั้นรัฐบาลออกกฎอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำร่วมกัน และน่าจะเห็นผลเร็วเร็วนี้ หลังเริ่มบังคับใช้เพื่อให้การจัดการกับคอลเซ็นเตอร์มีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรี กล่าวได้ว่า เรื่องความเชื่อมั่นของประเทศไทย แน่นอนว่ารัฐบาลทำเต็มที่ เพื่อให้ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นทั้งจากต่างประเทศและคนไทยด้วย แต่ความเชื่อมั่นไม่ได้มาจากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวยังมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

“ขอเพิ่มเติมว่าการที่เราสามารถติดต่อ ขอความร่วมมือกับต่างประเทศ เรื่องคอลเซ็นเตอร์ เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ติดต่อประสานงาน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เซนซิทีฟ เราไม่สามารถผิดโพรโทคอล (มารยาทางการทูต) เช่นที่ตนเอง ถูกถามเรื่องต่างประเทศ บางสิ่งก็ยังไม่สามารถตอบได้ทันที เพราะเป็นสิ่งที่มีโพรโทคอล เขาจะนับว่านายกฯและตัวรัฐมนตรี ไม่ว่าจะพูดอะไร สัมภาษณ์ที่ไหน สิ่งนั้นจะถือเป็นสิ่งที่ใช่แล้ว ตกลงแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับต่างประเทศตนต้องปรึกษากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก่อน ว่าบางเรื่องพูดได้หรือไม่ เซนซิทีฟมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้สามารถเปิดเผยระหว่างประเทศได้หรือยัง พร้อมย้ำว่าเรื่องคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องของรัฐบาลกับรัฐบาลร่วมมือกัน ให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ ให้เกิดผลที่ดีกับทั้งสองประเทศ อย่างที่บอกความเชื่อมั่นเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากรัฐบาล แต่เกิดจากภาคเอกชน ประชาชน ถ้าทุกคนร่วมมือกัน เราจะมีประเทศที่พัฒนาด้านเศรษฐกิจและมีสังคมที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต ดังนั้นขอความร่วมมือและขอกำลังใจจากทุกภาคส่วน ให้ร่วมมือกันพัฒนาประเทศของเรา ต่อยอดขึ้นไปให้เศรษฐกิจดีขึ้นเรื่อย ให้เม็ดเงินลงทุนหมุนเวียนในประเทศของเรามากยิ่งขึ้น โดยตนเองจะเดินหน้าเดินสาย เรื่องการดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศ ซึ่งจีดีพีของประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนจะดีขึ้นเรื่อยๆ จึงขอให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเห็นทุกปัญหา ของทุกพื้นที่ และพร้อมสนับสนุน ให้ความร่วมมือกับประชาชนและภาคเอกชน เพื่อพัฒนาประเทศของเรา ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ” นายกรัฐมนตรีระบุ.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]