ดีเดย์บังคับใช้กฎหมายจราจรตาม ม.44 วันที่ 5 เม.ย.นี้

กรุงเทพฯ  24 มี.ค. – โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงรายละเอียด ม.44 มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายจราจรทางบก และมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสารสาธารณะ ดีเดย์บังคับใช้ 5 เม.ย.นี้


พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงข่าวพร้อมผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมี  พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง นายกอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ต.อ.ทินกร ณัฏฐมั่งคั่ง รองผู้บังคับการตำรวจจราจร และนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เกี่ยวกับรายละเอียดใน ม.44 ฉบับที่14/2560 เรื่องมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ว่ามีวัตถุประสงค์ เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เน้นเคารพกฎจราจร ให้มีวินัยขับขี่ ไม่ต้องการให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่อยากให้ได้รับใบสั่งจราจร ร่วมสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืนด้วยกัน โดยกรมการขนส่งทางบกร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพิ่มมาตรการในกระบวนการชำระค่าปรับในการกระทำผิดกฎหมายจราจร 

ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกยังคงอำนวยความสะดวกการชำระภาษีรถประจำปีทุกกรณีเช่นเดิม กรณีผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถที่ไม่ได้กระทำผิดและไม่มีใบสั่งตามกฎหมายจราจรยังคงสามารถชำระภาษีรถประจำปีพร้อมรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ได้ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศและทุกช่องทางตามปกติเช่นเดิม สำหรับผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถคันใดมีใบสั่งแต่ชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้วก็สามารถชำระภาษีรถประจำปีพร้อมรับป้ายวงกลมได้ทุกช่องทางตามปกติเช่นกัน กรณีมีใบสั่งแต่ยังไม่ได้ชำระค่าปรับและประสงค์จะชำระค่าปรับพร้อมชำระภาษีรถประจำปีในคราวเดียวกันสามารถชำระค่าปรับพร้อมชำระภาษีรถประจำปีได้ในคราวเดียวกัน โดยกรมการขนส่งทางบกจะออกป้ายวงกลมให้ทันทีทุกช่องทางเช่นเดิม 


หากผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถคันที่มีใบสั่งตามกฎหมายจราจร แต่ยังไม่พร้อมชำระค่าปรับคราวเดียวกัน กรมการขนส่งทางบกยังคงอำนวยความสะดวกให้สามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ตามปกติทุกช่องทางเช่นเดิม โดยจะได้รับหลักฐานแสดงการเสียภาษีประจำปีชั่วคราว ซึ่งมีอายุ 30 วันนับแต่วันที่นายทะเบียนออกให้ หากชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้วสามารถนำหลักฐานใบเสร็จการชำระค่าปรับมาแสดง เพื่อรับป้ายวงกลมทันที อย่างไรก็ตาม กรณีที่ชำระภาษีประจำปีแล้ว แต่ไม่ชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาตามที่กำหนด พนักงานเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้กรมการขนส่งทางบกงดออกป้ายวงกลม สำหรับรถคันนั้น และจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกให้ความร่วมมือกับ สตช.จัดตั้งคณะทำงานร่วมพร้อมประชุมหารือกันอย่างใกล้ชิด โดยเร่งพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบออนไลน์ เพื่อให้กระบวนการตามมาตรการดังกล่าวสามารถอำนวยความสะดวกพร้อมให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังจัดเตรียมความพร้อมในการเชื่อมโยงระบบข้อมูลด้านทะเบียนและภาษีรถเข้ากับระบบชำระค่าปรับจราจรของ สตช.เป็นระบบออนไลน์ทุกแห่งทั่วประเทศและในทางคู่ขนานกัน กรมการขนส่งทางบกจะเร่งรัดปรับปรุงกระบวนการให้บริการชำระภาษีรถประจำปี  โดยจะพิจารณาให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศมีช่องบริการเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกบริการประชาชนที่ประสงค์จะชำระค่าปรับจราจรด้วย ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการในรูปแบบที่หลากหลายเพื่อให้ประชาชน ได้รับความสะดวกและมีทางเลือกใช้บริการรับชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ“เลื่อนล้อ ต่อภาษี” (Drive Thru for Tax) ชำระภาษีโดยไม่ต้องลงจากรถ หน่วยบริการรับชำระภาษีที่ห้างสรรพสินค้า ในวันเสาร์-อาทิตย์ ตามโครงการ “ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี” (Shop Thru for Tax)  ศูนย์บริการร่วมคมนาคมเชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินที่ให้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-15.00 น. ศูนย์บริการร่วม G-point รวมถึงบริการรับชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบอินเตอร์เน็ตที่เว็บไซต์ www.dlte-serv.in.th  ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส ไปรษณีย์ และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเจ้าของรถสามารถชำระภาษีรถประจำปีล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน  

ส่วนประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยและตำแหน่งที่นั่ง เพื่อกำหนดคุณสมบัติและการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ.2555 กำหนดให้รถยนต์ส่วนบุคคล รถแท็กซี่ และรถที่ใช้รับส่งจากสนามบิน (รถลีมูซีน) ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2531-วันที่ 31 ธันวาคม 2553 จะต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยสำหรับที่นั่งของคนขับและที่นั่งตอนหน้ารถ ส่วนรถที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป กำหนดให้ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง และสำหรับรถตู้ส่วนบุคคล รถปิคอัพ และรถสองแถว ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2537 กำหนดให้ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งของผู้ขับรถและที่นั่งตอนหน้า ทั้งนี้ รถตู้ส่วนบุคคลที่ผลิตหรือนำเข้าตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 เป็นต้นไป ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง สำหรับรถสี่ล้อเล็กรับจ้างที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 กำหนดให้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเฉพาะที่นั่งด้านหน้าของคนขับและผู้โดยสาร ทั้งนี้ รูปแบบของเข็มขัดนิรภัยที่ต้องติดตั้งแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ แบบรัดหน้าตักและรั้งพาดไหล่ใช้สำหรับตำแหน่งที่นั่งผู้ขับรถ ที่นั่งตอนเดียวกับผู้ขับรถและที่นั่งตอนหลังผู้ขับรถริมสุด ส่วนที่นั่งระหว่างกลางเป็นเข็มขัดนิรภัยแบบรัดหน้าตัก (แบบคาดเอว)


สำหรับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกที่ต้องจัดให้มีเข็มขัดนิรภัย พ.ศ.2555 กำหนดให้รถบรรทุกทุกประเภทที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 จะต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยสำหรับที่นั่งของคนขับและที่นั่งตอนหน้ารถ ส่วนรถตู้โดยสารที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ทุกคันและทุกเส้นทาง สำหรับรถโดยสารที่วิ่งระหว่างกรุงเทพมหานครไปต่างจังหวัด (หมวด 2) และที่วิ่งระหว่างจังหวัด (หมวด 3) ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2557 กำหนดให้ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งทุกคัน หากเป็นรถขนาดเล็กที่วิ่งภายในจังหวัด และจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2537เป็นต้นไป ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยส่วนที่นั่งด้านหน้าของคนขับและที่นั่งตอนหน้าคู่คนขับ  โดยกำหนดให้ที่นั่งของผู้ขับรถและที่นั่งตอนเดียวกับผู้ขับรถ ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบรัดหน้าตักและรั้งพาดไหล่ ส่วนที่นั่งตรงกลางและที่นั่งตอนหลังผู้ขับรถทุกที่นั่งต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบรัดหน้าตัก (แบบคาดเอว)

ส่วนคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 15/2560 เรื่องมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสารสาธารณะ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมกำกับดูแลรถโดยสารสาธารณะให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุจากรถโดยสารทุกประเภทให้เหลือน้อยที่สุด โดยเฉพาะระยะเร่งด่วนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2560 ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจในการเดินทางของประชาชนนั้น กรมการขนส่งทางบกพร้อมดำเนินการทันทีและให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันทุกสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ โดยเพิ่มความเข้มข้นในการควบคุมกำกับดูแลรถโดยสารสาธารณะและบังคับใช้มาตรการลงโทษตามกฎหมาย หากผู้ประกอบการไม่ควบคุมดูแลพนักงานขับรถให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัยจนเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรง ฝ่าฝืนกระทำผิดเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการ บรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่นั่ง ทิ้งผู้โดยสาร เก็บค่าโดยสารเกินอัตราที่กำหนด หรือปล่อยให้มีการนำรถไปใช้กระทำผิดตามกฎหมายอื่น เช่น ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ กรมการขนส่งทางบกสามารถสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนรถ ระงับใช้รถ หรือพักใช้ใบอนุญาตประกอบการขนส่งได้ทันทีโดยมีระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน รวมถึงผู้ประกอบการต้องจัดทำสมุดประจำรถ ประวัติผู้ประจำรถ ตรวจสอบสภาพและความพร้อมของรถและผู้ขับรถพร้อมทำบันทึกการตรวจสอบดังกล่าว และใบกำกับสินค้ากรณีเป็นผู้ประกอบการขนส่งโดยรถบรรทุก นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรถสาธารณะยังต้องจัดให้มีประกันภัยเพิ่มจากประกันภัยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้โดยสารและบุคคลภายนอก โดยต้องแสดงหลักฐานการจัดทำประกันภัยทั้งภาคบังคับและที่จัดทำเพิ่มก่อนดำเนินการ ชำระภาษีรถประจำปีและการยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ทั้งนี้ หากไม่มีการจัดทำประกันภัยตามที่กำหนดหรือแสดงหลักฐานไม่ครบถ้วน จะไม่สามารถดำเนินการจดทะเบียนรถ ต่อภาษีประจำปี หรือต่ออายุใบอนุญาตประกอบการได้

นอกจากนี้ ในคำสั่ง คสช.ฉบับดังกล่าวยังสนับสนุนการบริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างครบวงจร โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการระบบ GPS ต้องมีส่วนร่วมในการดูแลระบบ ให้สามารถรายงานสถานะของรถแต่ละคันมายังศูนย์ฯ GPS ของกรมการขนส่งทางบกแบบเรียลไทม์ทันที หากระบบ GPS ของผู้ให้บริการมีปัญหาขัดข้อง ต้องดำเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วน หากละเลยฝ่าฝืนมีความผิดปรับวันละไม่เกิน 5,000 บาท จนกว่าจะแก้ไขได้แล้วเสร็จ อีกทั้งกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยของตัวรถโดยสารสาธารณะเพิ่มเพื่อให้ผู้ประกอบการขนส่งดำเนินการโดยเคร่งครัด อาทิ การติดถังบรรจุก๊าซซึ่งต้องไม่เกินสมรรถนะของตัวรถ การกำหนดจำนวนที่นั่งผู้โดยสารของรถตู้โดยสารไม่เกิน 13 ที่นั่ง การแก้ไขปรับปรุงตัวรถ รวมถึงการแก้ไขกลไกให้ผู้โดยสารสามารถเปิดประตูหลังจากด้านในได้เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการรถตู้โดยสารโดยเร็วเพื่อให้เป็นตามคำสั่งของ คสช. และเพื่อยกระดับความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ และสร้างความปลอดภัย ทางถนนอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่าทุกมาตรการจะมีการปรับใช้กฎหมายอย่างจริงจังตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนนี่้ เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเข็มขัดนิรภัยกำลังได้รับความสนใจขณะนี้ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินคดีตามกฎหมายที่มีความแตกต่างกัน ประกอบด้วยกรณีเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล เจ้าพนักงานตำรวจเป็นคนจับกุมจะมีโทษปรับตาม พ.ร.บ.จราจรฯ 500 บาท แต่กรณีเป็นรถโดยสารประเภทแท็กซี่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจะใช้ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรฯ เช่นเดียวกันมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 500 บาท แต่หากจับกุมโดยผู้ตรวจการขนส่งทางบกกรณีแท็กซี่ผู้ตรวจการจะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.รถยนต์ ปรับผู้ขับแท็กซี่ไม่เกิน 1,000 บาท กรณีเป็นรถโดยสารสาธารณะทั้งรถตู้และรถโดยสารขนาดใหญ่ ซึ่งการจับกุมครอบคลุมในหน้าที่ผู้ตรวจการกรมการขนส่งทางบกจะจับกุมตามกฎหมายขนส่ง ในส่วนนี้ผู้ขับรถจะโดนโทษปรับ 5,000 บาท และผู้โดยสารที่ผู้ขับรถตักเตือนให้คาดเข็มขัดแล้วแต่ไม่ปฏิบัติตามก็จะมีโทษปรับ 5,000 บาทเช่นเดียวกัน ส่วนผู้ประกอบการเจ้าของรถกรณีปล่อยปละละเลยไม่ให้พนักงานคนขับ ผู้โดยสาร ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยจะมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]