สภาฯ พิจารณาญัตติด่วน รับฟังความเห็นนักศึกษา ชุมนุมทางการเมือง

รัฐสภา 22ก.ค.-สภาฯ พิจารณาญัตติด่วน รับฟังความเห็นนักศึกษา ชุมนุมทางการเมือง ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน หนุนตั้งคณะกรรมาธิการมารับฟังความเห็น เพราะนักศึกษาควรมีส่วนร่วมสะท้อนความเห็น และป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่ชุมนุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงบ่ายวันนี้  มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วนที่หลายพรรคการเมืองเสนอ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติรับฟังความคิดเห็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่มีการชุมนุมหลายกลุ่ม ตั้งแต่ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ระบาด และเริ่มกลับมาชุมนุมอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้เสนอญัตติ กล่าวถึงประวัติศาสตร์ตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลา , 6 ตุลา , พฤษภาทมิฬ , และการชุมนุมตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2557 ที่มีการชุมนุมเสื้อสีต่าง ๆ ซึ่งนักเรียน นิสิต นักศึกษา ต่างมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตลอด จึงน่าจะมีประโยชน์หากฝ่ายนิติบัญญัติจะรับฟังความเห็นนักศึกษา และเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน้าที่รับผิดชอบของสภาผู้แทนราษฎร และเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของนักเรียนนักศึกษา

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้เสนอญัตติ อภิปรายตั้งประเด็นทั้งรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย การปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติไม่คืบหน้า เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อปกครองประเทศไปนาน ๆ จนไปถึงกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง จึงอยากเห็นนายกรัฐมนตรีเดินสายรับฟังความเห็นนักศึกษาตามมหาวิทยาลัย เหมือนที่เดินสายรับฟังความเห็นสื่อมวลชน เชื่อว่าจะทำให้บรรยากาศทางการเมืองดีขึ้น

นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้เสนอญัตติ กล่าวว่า การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ทำให้นายกรัฐมนตรีประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ทำให้การชุมนุมทางการเมืองของนักเรียนนักศึกษาถูกระงับโดยปริยาย แม้จะควบคุมการระบาดได้ แต่ยังมีเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งตอกย้ำว่าควรมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญมารับฟังความเห็น เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายใด และรัฐสภาควรมีบทบาทสำคัญเพื่อไม่ให้นำไปสู่เหตุการณ์ที่แรงกว่านี้ เพราะนักศึกษารู้สึกอึดอัดคับข้องใจกับปัญหาทางการเมือง และเยาวชนกลุ่มนี้จะอยู่ต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 50 ปี จึงควรให้มีส่วนร่วมออกแบบสังคมที่เป็นอยู่ และลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19

นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้เสนอญัตติแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจกับการชุมนุมตามวิถีทางประชาธิปไตย ตราบใดที่ไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้อื่นและไม่ขัดต่อกฎหมาย ย่อมมีสิทธิที่จะทำได้ และเรียกร้องไปยังผู้ถืออำนาจรัฐ ควรเปิดโอกาสให้แสดงความเห็นของตัวเองอย่างอิสระ สร้างบรรยากาศให้ผู้ที่ออกมาเรียกร้องมีความปลอดภัยภายใต้กฎหมายเดียวกัน และรัฐบาลต้องรับฟังข้อเรียกร้องอย่างเป็นเหตุผล ไม่มีอคติ ไม่ควรผลักไสให้คนที่มีความคิดเห็นตรงข้ามรัฐบาลไปอยู่คนละมุม เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งรุนแรงของสังคม และอยากเชิญชวนทุกฝ่ายใช้เวทีสภาในการแก้ปัญหา ให้คนทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขกติกาของประเทศ และต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อเปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ และควรจะให้มีกรรมาธิการคนนอกเข้ามารับฟังความเห็นด้วย

น.ส.นภาพร เพ็ชรจินดา ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า ส่วนตัวคิดว่าแทนที่จะตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ควรเดินทางไปรับฟังเสียงสะท้อนของนิสิตนักศึกษามากกว่า โดยเฉพาะรัฐบาลควรฟังเสียงเรียกร้องและไม่ควรใช้ความรุนแรง และต้องไม่มองผู้เห็นต่างเป็นศัตรูทางการเมือง ซึ่งการ ชุมนุมทางการเมืองเป็นการแสดงออกทางประชาธิปไตย ขณะเดียวกันควรเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหา และหากจริงใจควรแถลงจุดยืนร่วมกับส.ว. ว่าจะให้ความร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายลงได้มาก 

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า การชุมนุมของนิสิต นักศึกษาเกิดจากการที่รัฐธรรมนูญไม่มีความเป็นประชาธิปไตย รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญที่จะรับฟังความคิดเห็น จนนำไปสู่การแถลงการณ์ของกลุ่มนิสิตนักศึกษาว่า ความอยุติธรรมเป็นกฎหมาย การต่อต้านจึงเป็นหน้าที่ ขณะเดียวกัน เมื่อมีการชุมนุมเกิดขึ้น แทนที่รัฐบาลจะให้ความคุ้มครอง แต่กลับใช้กลไกทางกฎหมายในดำเนินคดีกับกลุ่มนิสิตนักศึกษา เพื่อปิดกั้นการใช้สิทธิเสรีภาพในการความคิดเห็น พร้อมตั้งข้อกล่าวหาผิดกฎหมายจราจร ผิดกฎหมายควบคุมโฆษณาและใช้เครื่องขยายเสียงปี 2493 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ในฐานะที่เป็นส.ส. ติดตามปรากฏการณ์การชุมนุมด้วยสายตาที่เปิดกว้างไม่ควรเป็นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายกองเชียร์ แต่ควรหาความต้องการของกลุ่มนักศึกษาและหากมีบทบาทที่จะสามารถประคับประคองไม่ให้เกิดความรุนแรง และนำไปสู่การแก้ไขโดยผ่านคณะกรรมาธิการวิสามัญ 

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ทางออกของการแก้ไขปัญหาการชุมนุมประท้วงของนิสิตนักศึกษาคือ ควรใช้หลักเมตตาปล่อยให้เด็กแสดงออกอย่างเต็มที่แล้วค่อยปรับค่อยแนะให้คิดถูกทาง ซึ่งเห็นว่าการที่เยาวชนไทยกล้าคิดแบบนี้เป็นสิ่งที่พวกตนปรารถนามานานแล้ว ดังนั้นจึงเห็นว่าญัตติที่ให้รับฟังความเห็น ของนิสิตนักศึกษาตรงใจตน ที่ให้รับฟัง ข้อเสนอแนะจากเด็กและเยาวชน แต่ที่เป็นห่วงวันนี้คือให้ใครฟัง ซึ่งพวกตนเห็นว่าควรให้รัฐบาลฟัง คือส่งไปให้รัฐบาลเลย เพราะการเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญรับฟังเป็นการให้สภาฟังไม่เกี่ยวกับรัฐบาล และใครถูกใครผิดคิดอย่างไรต้องไปถามที่เด็ก เพราะคู่กรณีคือรัฐบาลไม่ใช่สภา

นายสุทิน กล่าวว่า หากพิจารณาข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ของนักเรียนนักศึกษา ข้อที่หนึ่งที่บอกให้ยุบสภา พวกตนเห็นต่างเพราะไม่ใช่ความผิดของสภาแต่เห็นว่านายกรัฐมนตรีควรต้องลาออก แต่ข้อเรียกร้อง นี้ก็ต้องไปถามคนที่มีอำนาจคือนายกรัฐมนตรีไม่ใช่สภา สำหรับข้อที่ 2 ที่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ต้องเป็นอำนาจของรัฐบาลอีกเพราะฝ่ายค้านมีเสียงไม่พอ ดังนั้นก็ต้องกลับไปถามนายกรัฐมนตรีเช่นกัน ส่วนข้อที่ 3 ที่ขอว่าอย่าคุกคามประชาชนก็ต้องย้อนถามว่าสภาคุกคามได้หรือไม่ เด็กๆเขาก็กลัวรัฐบาลดังนั้นถ้าจะถามถูกที่ทุกคนก็ต้องไปถามรัฐบาลจึงไม่เห็นด้วยที่จะ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมารับฟัง เพราะคนที่ต้องฟังคือนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย