ศบค.ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน

ทำเนียบรัฐบาล 22 ก.ค.-ที่ประชุม ศบค.ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือน ยืนยันเพื่อควบคุมโรค ไม่ได้ห้ามชุมนุม พร้อมอนุญาตต่างชาติบางกลุ่ม -แรงงานต่างด้าวเข้าไทยได้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการ ให้เกิดสมดุลด้านสาธารณสุข


นพ.ทวีศิลป์  วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.เป็นประธานประชุม ว่า สถานการณ์โควิด-19 วันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเป็น 3,261 ราย หายป่วยแล้ว 3,105 ราย รักษาตัวอยู่ 98 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 58 รายเช่นเดิม โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากอียิปต์ 4 ราย ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชายไทย กลับถึงไทยวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา เข้าพักในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้ที่จังหวัดชลบุรี ตรวจพบเชื้อวันที่ 21 กรกฎาคม

โฆษกศบค. กล่าวว่า 1 รายมาจากสหรัฐอเมริกา เป็นหญิงไทย อายุ 36 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางถึงไทย 10 กรกฎาคม เข้าพักในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้ที่กรุงเทพมหานคร ตรวจพบเชื้อ 20 กรกฎาคม แต่ไม่มีอาการ และอีก 1 รายมาจากเยอรมัน เป็นหญิงไทยอายุ 57 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางถึงไทย 16 กรกฎาคม เข้าพักในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้ที่กรุงเทพมหานคร  ตรวจพบเชื้อวันที่ 20 กรกฎาคม ไม่มีอาการ


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อ 15,093,712 ราย เสียชีวิต 619,467 ราย โดยสหรัฐฯ ติดเชื้อมากเป็นอันดับหนึ่ง  4,028,569 ราย เสียชีวิต 1,997,033 ราย ส่วนไทยอยู่อันดับที่ 103 

“ที่ประชุมศบค.เห็นชอบให้ต่ออายุพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานฉุกเฉิน ที่จะหมดอายุวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากสถานการณ์ทั่วโลกยังคงระบาดอย่างรุนแรง อีกทั้งมีคนไทยจากต่างประเทศและชาวต่างชาติที่ได้รับการผ่อนผันเดินทางเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง และจะอนุญาตชาวต่างชาติเข้ามาในไทยเพิ่มเติม จึงจำเป็นต้องมีอำนาจตามกฎหมายเชิงป้องกันการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพ อาทิ ควบคุมการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักรในทุกช่องทาง การจัดทำระบบติดตามตัว การกักตัว การเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัย และมาตรการควบคุมโรคที่สามารถบังคับใช้ได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งจำเป็นต้องมีระบบการบริหารจัดการในลักษณะรวมศูนย์ที่ปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว เป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพและบูรณาการตำรวจ ทหาร พลเรือนได้ ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเตรียมความพร้อมช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่วิถีชีวิตใหม่ จนกว่าจะมีกฎหมายฉบับอื่นมารองรับในอนาคต” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมศบค.เห็นชอบหลักการอนุญาตให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติคือ ลาว เมียนมา กัมพูชาเดินทางเข้าไทย เนื่องจากขณะนี้มีความต้องการใช้แรงงานจำนวนมากในกิจการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมอาหาร  โดยมีกลุ่มที่มีใบอนุญาตการทำงานและวีซ่าต้องการกลับเข้ามาทำงาน จำนวน 69,235 คน และกลุ่มแรงงานที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานและไม่มีวีซ่า แต่ต้องการเข้ามาจำนวน 42,168 คน รวมทั้งหมดกว่า 1 แสนคน ซึ่งได้หารือกันว่าจะกักกันตัวในสถานที่ที่หน่วยงานหรือองค์กรจัดพื้นที่ขึ้นหรือ Organizational Quarantine เพื่อควบคุมป้องกันโรคและลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการ โดยให้กระทรวงแรงงานรับไปดำเนินการต่อไป 


“ศบค.อนุมัติหลักการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาจัดแสดงสินค้าในไทย ซึ่งมีกลุ่มชาวต่างชาติต้องการเข้ามาจำนวนมาก และจะเป็นการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยต้องมีแนวทางควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด อาทิ ตรวจหาเชื้อก่อนเดินทาง  มีกำหนดการอยู่ในไทยอย่างชัดเจน ทำประกันสุขภาพ และการร่วมงานแสดงสินค้าต้องจัดพื้นที่การเจรจาของชาวต่างชาติออกจากพื้นที่เจรจาชาวไทย นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย โดยต้องมีข้อปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาด อาทิ มีใบรับรองแพทย์ ประกันสุขภาพและต้องมีเจ้าหน้าที่ติดตามคณะตลอดเวลา”  โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนกลุ่มต่างชาติ Medical and wellness program plus ที่เข้ามารับการรักษาในไทยและพักอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว 14 วัน สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่อในประเทศไทยได้ ส่วนผู้ที่ถือบัตรสมาชิกพิเศษประเทศไทย หรือ ไทยแลนด์ อีลิท การ์ดที่มีทั้งหมดกว่า 10,000 ราย จะนำร่องให้เข้าไทย 200 ราย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม มาตรการผ่อนคลายต่าง ๆที่ ศบค.อนุมัติหลักการในวันนี้(22 ก.ค.) จะเริ่มบังคับใช้ได้ภายหลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแนวทางข้อปฏิบัติต่าง ๆ เสร็จ แล้ว

“นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค. ให้กำลังใจประชาชนและบุคคลากรทางการแพทย์ให้อดทน อย่าท้อถอย โดยให้ยึดหลักการคือการจัดสมดุลให้ได้ระหว่างด้านสาธารณสุขกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีกทั้งต้องติดตามการดำเนินการตามสถานการณ์ความเป็นจริงและสื่อสารกับประชาชน”  โฆษกศบค. กล่าว

ด้านพล.อ. สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 กล่าวว่า จากการหารือฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าต้องการมีกฎหมายพิเศษใช้ควบคุมโรคอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากสถานการณ์โลกยังมีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 2 แสนคน 

เลขาธิการสมช. กล่าวว่า ขณะนี้ไทยเริ่มเปิดประเทศมากขึ้น อาทิ การรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานและอนุญาตให้ต่างชาติ เข้ามาจัดประชุมและถ่ายทำภาพยนตร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขด้วย โดยเฉพาะการต้องกักตัว 14 วัน ที่ต้องใช้กฎหมายพิเศษมาดูแล และเพื่อให้เกิดความสบายใจการต่ออายุออกปีอีก  1 เดือน จะไม่บังคับใช้ข้อกำหนดตามมาตรา 9 ทั้ง 6 ข้อ 

“ศบค.ไม่ได้ต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อห้ามการชุมนุม แต่แสดงเจตนาบริสุทธิ์ เพื่อใช้ควบคุมโรคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะอนุญาตให้ชุมนุมได้โดยอิสระ การชุมนุมต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันอังคารหน้า(28 ก.ค.) ส่วนผู้ที่เคยถูกดำเนินคดีตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำอยากให้ทำความเข้าใจว่าเหตุผลที่ต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อความจำเป็นในการควบคุมโรคเท่านั้น” พล.อ. สมศักดิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]