สมุทรปราการ 19 มิ.ย. – สทบ.พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากผ่านกองทุนหมู่บ้าน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจนับแสนล้านบาทในปีแรก ชวนสมาชิกกองทุนฯ ออกท่องเที่ยวชุมชน สร้างเงินหมุนเวียนในประเทศ
นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) กล่าวว่า ระหว่างการลงพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวชุมชน จ.สมุทรปราการ เพื่อปูแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ณ กองทุนหมู่บ้านคลองนาเกลือ หมู่ที่ 2 ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ รองรับการส่งเสริมให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน เดินทางไปท่องเที่ยวตามแห่งท่องเที่ยวชุมชน ตามที่ชุมชนได้จัดโปรแกรมทัวร์รองรับไว้ เพื่อให้เป็นรูปแบบ “การท่องเที่ยวชุมชนเพื่อกองทุนหมู่บ้าน” นำร่องด้วยแหล่งท่องเที่ยวชุมชน 20,000 แห่ง
กองทุนหมู่บ้านฯ คลองนาเกลือยังใช้เป็นต้นแบบ เพื่อขยายแนวคิดและแนวทางการดำเนินงานการท่องเที่ยวชุมชนชุมชนโดยกองทุนหมู่บ้านแต่ละจังหวัด ไปยังกองทุนหมู่บ้านอื่น ๆ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น จึงต้องการหนุนการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อทดแทนนักท่องเที่ยว จากนอกประเทศที่ลดลงเป็นการช่วยกระจายรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้กลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว
สำหรับกองทุนหมู่บ้านคลองนาเกลือเกิดจากภาคประชาชนบริหารจัดการเองคิดเอง เตรียมให้บริการนักท่องเที่ยว แบบแพ็กเกจด้วยเรือนำเที่ยวตามคลองสรรพสามิตรและล่องออกไปยังริมทะเลบางขุนเทียน เหมาะลำล่องเรือ 3,000 บาท หากล่องเรือพร้อมอาหารคิดค่าบริการ 650 บาทต่อหัว รวมตัวลงเรือเป็นกลุ่มขั้นต่ำ 12 คน เพื่อชมวิถีชีวิตริมคลอง ทานอาหารทะเลด้วยบรรยากาศเย็นสบาย ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นก่อให้เกิดการใช้จ่ายเงินหมุนเวียนจากการบริโภคภายในประเทศในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ และเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจในระดับฐานรากฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
นายรักษ์พงษ์ เปิดเผยว่า ได้นำเสนอของบประมาณพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) วงเงิน 40,000 ล้านบาท ขั้นแรกต้องการนำไปจ้างลูกหลานชาวกองทุนหมู่บ้าน ที่เป็นนักศึกษาจำนวน 14,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อสำรวจชุมชนของตัวเอง ต้องการพัฒนาด้านใด ประกอบอาชีพอะไร มีความเป็นอยู่อย่างไร เพื่อสรุปข้อมูลส่งให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้าน จัดทำ Big Data ใช้เงินทั้งหมด 10,000 ล้านบาท การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวชุมชน 20,000 หมู่บ้าน ใช้เงินเข้าไปพัฒนาประมาณ 400,000 บาทต่อกองทุน ใช้เงินประมาณ 8,000 ล้านบาท การสร้างรายได้พัฒนามูลค่าเพิ่มสินค้า 20,000 หมู่บ้าน ใช้เงินพัฒนา 2.4 ล้านบาทต่อกองทุน แต่สร้างรายได้เข้าชุมชนเป็นเงิน 48,000 ล้านบาท การสร้างรายได้จากการพัฒนาอาชีพใหม่ 40,000 หมู่บ้าน ใช้เงิน 500,000 บาทต่อกองทุน เป็นเงิน 20,000 ล้านบาท รายได้จากการขนส่งวินชุมชน 40,000 หมู่บ้าน ใช้เงินพัฒนา 360,000 บาทต่อชุมชน แต่สร้างรายได้เพิ่มเป็นเงิน 14,400 ล้านบาท รวมแล้ว การใช้เงินเข้าไปพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากปีแรกสร้างมูลค่าทางเศรษฐเกิน 100,000 ล้านบาทในปีแรก จากนั้นปีต่อไปสร้างมูลค่าเพิ่ม 90,000 ล้านบาทต่อปี นับว่าการเข้าไปพัฒนาผ่านชุมชนจะสร้างมูลค่าเพิ่มทางาเศรษฐกิจได้สูงขึ้นอย่างชัดเจน
สทบ.จึงเริ่มจัดสรรงบ เพื่อเข้าไปพัฒนาต่อยอดให้กับกองทุนหมู่บ้านฯ ที่ต้องการพัฒนาไม่เหมือนกัน แทนการนำเงินไปใช้ปล่อยกู้เหมือนที่ผ่าน โดยจะปรับเปลี่ยนมาเป็นการสร้างรายได้เข้าชุมชน สร้างรายได้ให้กับสมาชิก ไม่ใช่กองทุนหมู่บ้านมีผลประกอบการดี มีรายได้เพียงองค์กรเดียว แต่ต้องทำให้สมาชิกมีรายได้เพิ่มไปด้วย สทบ.จึงกำหนดแผนการใช้เงินพัฒนา ทั้งด้านแหล่งท่องเที่ยวชุมชน การพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้น การช่วยทำตลาดออนไลน์ผ่านไลน์กลุ่มตลาด กทบ. การจัดทำวินชุมชน เพื่อนำรถส่วนตัวในชุมชนมาเข้าโครงการได้รับผลตอบแทนค่าจ้างจากการขนส่ง รับส่งสินค้าเหมือนกับ Grab ขนส่งสินค้าในปัจจุบัน การสร้างอาชีพใหม่ให้ชุมชน โดยเฉพาะลูกหลานที่กลับไปอยู่บ้านในช่วงมีปัญหาโควิด -19 ไม่ต้องกลับเข้าไปอยู่ในเมืองกรุง.-สำนักข่าวไทย
