พังงา 28 พ.ค. – สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พังงา จำกัด แลกเปลี่ยนข้าวกับอาหารทะเล กับสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ศรีสะเกษ เป็นการกระจายอาหารคุณภาพจากชาวเลให้กับชาวนาในภาคอีสาน 
นายธนะวิทย์ ชูทอง สหกรณ์จังหวัดพังงา พร้อมด้วยนายเกษมศานต์ หลิมนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดพังงา นำคณะลงเรือหัวโทง จากท่าเรือบ้านท่าด่าน ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมืองพังงา ไปยังตำบลพรุในอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เพื่อตรวจสอบและรับสินค้าประเภทอาหารทะเลแห้ง ปลาฉิ้งฉ้าง และกะปิกุ้งเคย ของสมาชิกสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พังงา จำกัด ในพื้นที่เกาะยาว และเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตร ระหว่างจังหวัดพังงา กับจังหวัดศรีสะเกษ โดยการสนับสนุนการขนส่งจากกองทัพอากาศ ขณะที่การขนส่งจากเกาะยาวมาแผ่นดินใหญ่ได้รับการสนับสนุนเรือและเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา และฝ่ายปกครองอำเภอเกาะยาว
สหกรณ์จังหวัดพังงา กล่าวว่า โครงการแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตร ระหว่างจังหวัดพังงา กับจังหวัดศรีสะเกษ โดยนำปลาฉิ้งฉ้าง กะปิ ปริมาณรวม 1.70 ตัน มูลค่า 246,000 บาท (สองแสนสี่หมื่นหกพันบาทถ้วน) แลกเปลี่ยนกับสินค้าเกษตรของจังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ ข้าวสารหอมมะลิ 100% ข้าวสารหอมมะลิเอไรซ์ 100% ปริมาณรวม 10 ตัน มูลค่า 320,000 บาท (สามแสนสองหมื่นบาทถ้วน) ซึ่งการแลกเปลี่ยนสินค้าในครั้งนี้เป็นการนำกลไกสหกรณ์เข้ามาช่วยบริหารจัดการตามหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการสหกรณ์ มุ่งเน้นการช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และนำการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจระหว่างสหกรณ์เข้ามาดำเนินการ โดยผ่านสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พังงา จำกัด และสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ศรีสะเกษ จำกัด จังหวัดศรีสะเกษ
ส่วนที่ลานบินกองบินที่ 21 จังหวัดอุบลราชธานี พลอากาศโทตรีพล อ่องไพฑูรย์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมส่งมอบ “ข้าวหอมมะลิ 100 เปอร์เซ็นต์ ข้าวหอมมะลิเอไรซ์ ” จำนวน 10 ตัน ของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ศรีสะเกษ เพื่อแลกเปลี่ยนกับ “ปลาจิ้งฉ้าง” และ “กะปิ” ของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พังงา จำกัด โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และเป็นการกระจายอาหารคุณภาพจากชาวเลให้กับชาวนาในภาคอีสาน
พลอากาศโทตรีพล อ่องไพฑูรย์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนสินค้าที่เคยมีมาแต่โบราณ ซึ่งจะสร้างความเข้มแข็ง สร้างความร่วมมือระหว่างส่วนราชการ องค์กร และชุมชน ลดภาระของส่วนราชการในการไปดูแลชุมชนดังกล่าว และยังช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพทำประมงในพื้นที่จังหวัดพังงา ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ ไม่สามารถขายปลาทะเลที่หามาได้ ขาดรายได้ ไม่มีเงินซื้อข้าวสาร จึงจับคู่เชื่อมโยงแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างจังหวัด เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตรต่อไปในอนาคต.-สำนักข่าวไทย
