ศบค.แถลงพบผู้ป่วยใหม่ 3 ราย

ทำเนียบฯ 3 พ.ค.-  ศบค.แถลงพบผู้ป่วยใหม่ 3 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม เผยข่าวพบ 40 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ยะลาผิดปกติ เร่งตรวจเชื้อซ้ำอีกรอบวันนี้ ขณะ ผบ.ทสส. ชี้พร้อมสั่งปิดร้านค้าที่ละเลยมาตรการสาธารณสุข ด้านมหาดไทย ย้ำรัฐบาลตรึงมาตรการห้ามเดินทางข้ามเขตจังหวัด ชี้จำเป็นต้องกักตัวที่ภูมิลำเนา ยันประชาชนจากภูเก็ตลงทะเบียนผ่านการคัดกรองแล้ว


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (3 พ.ค.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 3 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,969 ราย รักษาหาย 2,739 ราย รักษาตัวอยู่ 176 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 54 ราย

โฆษก ศบค. กล่าวว่า จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 3 ราย พบว่า มาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 2 ราย เป็นคนใน กทม.ทั้งคู่ และเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย และเข้ากักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ในจังหวัดนราธิวาส 1 ราย 


นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยอีกว่า ศบค.ได้สั่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเผยแพร่ว่ามีผู้ติดเชื้อกว่า 40 คนที่จังหวัดยะลา พบว่า เป็นการค้นหาผู้ติดเชื้อแบบเชิงรุก 311 คน ทราบผลตรวจตรวจเบื้องต้น มี 271 คนที่เป็นลบ และมี 40 คนที่ยืนยันในเบื้องต้นว่ามีผลเป็นบวก ซึ่งบางอำเภอผลพบเชื้อ 30.77 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าปกติ จึงน่าสงสัยได้ว่า กระบวนการตรวจนั้นถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น จึงขอเวลาการเก็บตัวอย่างใหม่อีกครั้งในวันนี้ (3 พ.ค.) โดยคนที่มีผลตรวจเบื้องต้นว่า ติดเชื้อจะถูกกักตัวและตรวจซ้ำในมาตรฐานที่เชื่อถือได้  และจะแจ้งให้ทราบใหม่อีกครั้ง ยืนยัน จะไม่มีการปกปิด จะเสนอความจริงให้มากที่สุด 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังได้ออกมาเตือนทั่วโลก ว่า ต้องคลายล็อคอย่างช้า ๆ เตรียมรับโควิด-19 ที่จะพุ่งขึ้นอีกรอบ โดยเน้นดำเนินการป้องกันบุคคลที่มีความเสี่ยงในสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงสถานดูแลระยะยาวอย่างที่พักแรงงานต่างชาติ รวมถึงต้องตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้ต้องสงสัยอย่างต่อเนื่อง แม้จะสามารถควบคุมการระบาดไว้ได้แล้วก็ตาม

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนกลุ่มคนไทยที่เดินทางผ่านช่องทางอากาศวันนี้ (3 พ.ค.) เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศสเปน 45 คน เที่ยวบิน IB 2833 ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 18.55 น. ประเทศสิงคโปร์ 176 คน เที่ยวบิน SQ 976 ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 17.25 น. ประเทศรัสเซีย 70 คน เที่ยวบิน SU 272 ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 10:30 น และในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ค.) มีคนไทยเดินทางกลับจากมัลดีฟส์ จำนวน 125 คน เที่ยวบิน Q2 9350 ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 15.15 น เขตปกครองพิเศษฮ่องกง 165 คน เที่ยวบิน we631 ที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 15.55 น รวมระหว่างวันที่ 4 เมษายนถึง 2 พฤษภาคม มีคนไทยเดินทางเข้าประเทศและทั้งสิ้น 3,981 คนใน 23 ประเทศ


โฆษก ศบค. กล่าวว่า สำหรับสถิติคนไทยเดินทางเข้าประเทศผ่านจุดแดนทางบก มีการลงทะเบียน 411 คน เดินทางเข้าประเทศรวม 590 คน เป็นเมียนมาร์ 15 คนมาเลเซีย 541 คน ลาว 10 คน กัมพูชา 24 คน รวมระหว่างวันที่ 18 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม 2563 มี มีการเดินทางกลับเข้าประเทศแล้ว 6,819 คน กลับบ้านแล้ว 636 คน และอยู่ระหว่างการป้องกันโรค 6,183 คน ส่วนการฝ่าฝืนการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 22.00 ถึง 04.00 น. พบผู้กระทำความผิดฝ่าฝืนออกนอกเคหสถาน 554 คน แบ่งเป็นตักเตือน 39 คนและดำเนินคดี 515 คน  มั่วสุมชุมนุม มีการฝ่าฝืน 107 คนโดยเป็นการดำเนินคดีทั้งหมด

พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ชี้แจงถึงการผ่อนคลายมาตรการ เพื่อให้กิจการบางประเภทที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และถูกสั่งปิดกลับมาเปิดกิจการได้ในวันนี้ (3 พ.ค.) เป็นวันแรกว่า ใน 2-3 วันที่ผ่านมา เกิดการเดินทางในประเทศจำนวนมาก ซึ่ง ศบค.และรัฐบาลไม่เคยแนะนำให้ประชาชนผ่อนคลายมาตรการในการเดินทางในเวลานี้ เพราะตามข้อห้ามในมาตรการตามสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังขอให้ประชาชนงดการเดินทางโดยไม่จำเป็น

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยังชี้แจงถึงมาตรการมาตรฐาน ที่ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาความสะอาด และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ว่า ขอให้ผู้ประกอบการ เข้มงวดกับมาตรการที่รัฐบาล และ ศบค.กำหนด เพราะหลังจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจไปสุ่มตรวจ จึงขอความร่วมมือสถานประกอบการให้ความร่วมมือ และในแต่ละพื้นที่ รองรับประชาชนได้ 10 ตารางเมตร ต่อประชาชน 1 คน หากไม่ปฏิบัติตาม จะมีมาตรการจากเบาไปถึงหนัก ตั้งแต่การตักเตือน และสั่งปิด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า จะได้รับความปลอดภัยจากการผ่อนคลายมาตรการต่อไป  ส่วนการตั้งจุดตรวจหลังผ่อนคลายมาตรการนั้น จะมีการตั้งจุดตรวจ ที่จะเพิ่มความเข้มงวดนับจากนี้ไปอีก 28 วัน แม้จะมีการปรับลดจำนวนจุดตรวจตามพื้นที่ต่าง ๆ และเพิ่มการสุ่มตรวจมากขึ้น

ด้าน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า  ขณะนี้ยังมีมาตรการงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขต เว้นแต่มีความจำเป็นที่จะต้องแสดงหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ ให้เกิดความชัดเจน จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วย ซึ่งการกักตัว จะมีขึ้นเมื่อประชาชนกลับถึงปลายทางการเดินทางแล้ว แต่หากมีการพักค้างคืนระหว่างทาง หรือ พำนักเพียง 2-3 วันในระยะเวลาสั้น ๆ ก็จะมีการขอเก็บข้อมูล เพื่อเฝ้าระวังและติดตามโรคต่อไป

นายฉัตรชัย ยังกล่าวถึง กระแสข่าวที่จังหวัดภูเก็ตปล่อย ประชาชนออกมาจากพื้นที่เป็นจำนวนมากว่า มีการตรวจสอบไปแล้ว จังหวัดภูเก็ตมีทั้งสิ้น 17 ตำบล มีประชาชนที่เข้าไปทำงานกว่า 1 แสนคน และประสงค์ออกจากพื้นที่กว่าครึ่ง เนื่องจากไม่มีงานทำ ทางจังหวัดจึงคัดกรองตามมาตรฐานที่ให้ลงทะเบียนอย่างถูกต้อง ยืนยันแล้วว่า ไม่พบเชื้อ 14 ตำบล เหลืออีก 3 ตำบลที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ รวมสติถิเมื่อเช้านี้ (3 พ.ค) เวลา 09.00 น. มีประชาชนทยอยออกจากพื้นที่แล้วกว่า 3, 600 คน โดยมีหลักฐานยืนยันตัวตนอย่างชัดเจน  ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานและ มาตรการของรัฐบาลด้วย นอกจากการร่วมมือกันทุกภาคส่วนแล้ว ยังขอให้ประชาชนคำนึงถึง ระเบียบของสังคม ป้องกันตนเองและผู้อื่น และยืนยันว่า รัฐบาลยังตรึงเวลาเคอร์ฟิว ห้ามออกจากเคหะสถานออกไปถึงสิ้นเดือนนี้เวลา 22.00น.-04.00 น. จึงขอให้ปฎิบัติอย่างเคร่งครัด

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขอความร่วมมือประชาชนชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด เพราะเป้าหมายต้องการให้ทุกคนอยู่บ้าน แต่หากมีความจำเป็นก็ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด  ระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งทางรถไฟ รถประจำทาง เครื่องบิน มีการคัดกรองตั่งแต่ต้นทางไปถึงปลายทาง วัดอุณหภูมิ หากมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าที่กำหนดก็จะไม่ให้เดินทาง และยังคงเข้มเรื่องการเว้นระยะห่าง ขายตั๋วตามจำนวน รวมถึงต้องสวมหน้ากากอนามัย 

นายชัยวัฒน์ ยังขอให้ผู้ที่ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ มั่นใจกับการเดินทาง เพราะมีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทุกสถานีและสนามบิน รวมถึงพาหนะที่ประชาชนใช้บริการก็มีการทำความสะอาดทุกรอบทุกวัน รวมถึงเช็คสุขภาพอนามัยของเจ้าหน้าที่ให้บริการด้วย.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]