ศบค. เผยผู้ป่วยใหม่ 15 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย

ทำเนียบฯ 22 เม.ย.-ศบค. เผยผู้ป่วยใหม่ 15 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ชื่นชมแม้ตัวเลขลดลง แต่ยังวางใจไม่ได้ กังวลหากผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ อาจทำให้ผู้ป่วยกลับมาสูงขึ้น และสูญเสียทุกอย่างที่เสียสละร่วมกันทำมาอย่างดี 


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (22 เม.ย.)ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 15 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,826 ราย รักษาหาย 2,352 ราย รักษาตัวอยู่ 425 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิต รวม 49 ราย โดย ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็น หญิงไทย อายุ 58 ปี อาชีพแม่บ้าน มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภาวะอ้วน มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับลูกสาว ซึ่งเป็นผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไอ ไข้ มีเสมหะ มีน้ำมูก เมื่อ 20 มีนาคม และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อ 22 มีนาคม จากนั้น 28 มีนาคม ตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 ขณะรักษาตัวมีอาการทรุดลง เหนื่อยหอบ ถ่ายเหลว อาการไม่ดีขึ้น เสียชีวิตในเวลาต่อมา 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ที่ลดลง ถือเป็นความสำเร็จในระดับหนึ่ง เป็นความสำเร็จเล็ก ๆ ระหว่างทาง แต่ก็ยังไม่จบสิ้น เพราะการเผชิญกับไวรัสนี้ถือเป็นวิกฤติที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นความภาคภูมิใจของคนทั้งประเทศ แต่ภารกิจนี้อาจจะทอดยาวอาจจะเป็นเดือนหรือเป็นปี  ซึ่งผู้ป่วยในกรุงเทพมหานคร นนทบุรีและในต่างจังหวัด มีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นผลจากการทำงานร่วมกันของทุกคนใน 7-14 วันที่ผ่านมา และผลของการทำในวันนี้จะเห็นใน 7- 4 วันข้างหน้า ดังนั้นวันนี้เบาใจขึ้นมาได้แต่ยังวางใจไม่ได้ ขอการ์ดอย่าตก


น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทั้งนี้จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 15 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 10 ราย  คนไทยกลับจากต่างประเทศ 1 ราย ไปสถานที่ชุมนุมชน 1 ราย อาชีพเสี่ยง ได้แก่ พนักงานขาย /ขนส่งสินค้า /ทำงานกับนักท่องเที่ยว 3 ราย ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์ 

ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,826 ราย พบใน 5 จังหวัดที่สูงที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,451 ราย และมีอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 2 ราย ภูเก็ต 193 ราย นนทบุรี 152 ราย สมุทรปราการ 109 ราย ยะลา 95 ราย และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน โดยไม่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.69 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 25.58 ยะลา ร้อยละ 17.78 ปัตตานี ร้อยละ 10.95 และนนทบุรี ร้อยละ 12.10

ทั้งนี้มี 10 จังหวัด ที่ยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทองและสตูล


และมี 36 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยใหม่ ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา ได้แก่ เชียงราย เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี จันทบุรี  นครนายก บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ราชบุรี ลพบุรี ลำพูน ศรีสะเกษ สมุทรสงคราม สระบุรี สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์  อุทัยธานี หนองคาย กาฬสินธุ์ ระยอง ตาก ประจวบคีรีขันธ์ สกลนคร สุรินทร์ สระแก้ว อุบลราชธานีสุพรรณบุรี โดยเพิ่ม นครราชสีมา เข้ามาแทน อยุธยาที่มีรายงานพบผู้ป่วยใหม่เข้ามา

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีการวิเคราะห์ สถานที่แออัดที่ผู้ป่วยเคยเดินทางไปช่วง 14 วันก่อนเริ่มป่วย โดยในกรุงเทพมหานคร พบมากที่สถานบันเทิง สนามมวย สถานที่มั่วสุมเพื่อเล่นการพนัน โรงภาพยนตร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ฟิตเนส วัด ร้านเสริมสวย มหาวิทยาลัย ร้านอาหาร พื้นที่ท่องเที่ยว ตลาด ห้างสรรพสินค้า การใช้ขนส่งสาธารณะและสถานที่ทำงาน โดยสถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ในการวางมาตรการผ่อนปรนที่อาจจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เพื่อจะได้วางมาตรการ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีได้ตัดสินใจว่าจะวางนโยบายอย่างไร

โฆษก ศบค. กล่าวถึง ระยะเวลาตั้งแต่ผู้ป่วยโควิด-19 เริ่มมีอาการจนถึงวันที่ได้เก็บตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการ พบว่าค่าเฉลี่ยผู้ป่วย 542 ราย เมื่อผู้ป่วยเริ่มมีอาการ ส่วนใหญ่จะเข้าไปตรวจในวันที่ 4 จากที่มีอาการ ซึ่ง 3 วันระหว่างนั้นอาจมีการแพร่กระจายเชื้อไปแล้วและพบมีบางราย 28 วันผ่านไป ได้เข้าไปตรวจและพบติดเชื้อ ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะไปแพร่กระจายเชื้อสู่คนอื่นต่อไป โดยนิยามผู้สงสัยติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค พบมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ มีไข้ตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียส ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหรือหายใจลำบาก และเป็นผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ ร่วมกับมีปัจจัยเสี่ยงในช่วง 14 วันอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่มีประวัติเดินทางไปหรือมาจากหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่เกิดโรค ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว สถานที่แออัด ไปสถานที่ชุมชน ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า สถานพยาบาล สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า โดยทั้งหมดหากเข้าเกณฑ์จะได้รับการตรวจฟรี  ซึ่งในปัจจุบัน ยืนยันมีระบบการคัดกรองอย่างดี มีชุดตรวจมากเพียงพอและมีสถานที่รับตรวจมากกว่า 100 แห่ง 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะที่สถานการณ์โลกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 2,554,568 ราย เสียชีวิต 177,402 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด 817,952 ราย เสียชีวิต 45,279 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 55 ของโลก ขณะที่สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1,111 รายในวันเดียว ซึ่งต้องนำตัวอย่างจากสิงคโปร์มาเรียนรู้ 

“ผอ.ศบค. พูดว่า สิ่งที่จะต้องตัดสินต่อไป ขึ้นอยู่กับตัวเลขเหล่านี้ เพราะถ้าปรับมาตรการให้มีการผ่อนปรน จนอ่อนลงไปมาก ๆ แล้วเกิดการติดเชื้อขึ้นมาอย่างนี้ ก็จะทำให้สิ่งที่ทำมาดีทั้งหมดร่วมเดือน ที่ทุกคนเสียสละกันมา จะพังทลายลงในเวลาอันสั้น และเราจะสูญเสียทุกอย่างที่เราทำมาทั้งหมด ซึ่งตรงนี้ต้องมีการเน้นย้ำในการเรียนรู้จากประเทศรอบบ้านของเรา” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว 

โฆษก ศบค. กล่าวถึงแบบสำรวจความเครียดใน 3 ช่วงเวลา 12-18 มีนาคม , 30 มีนาคม-5 เมษายน และ 13-19 เมษายน พบว่าบุคลากรด้านสาธารณสุขมีความเครียดเพิ่มมากขึ้นตามช่วงเวลา โดยช่วงเวลาล่าสุด 13-19 เมษายน พบว่า มีความเครียดมากที่สุด ร้อยละ 5.2 เครียดมาก ร้อยละ 4.2 เครียดปานกลางร้อยละ 24.6 เครียดน้อย ร้อยละ 66 ขณะที่ประชาชนก็มีความเครียดมากขึ้นเช่นกัน โดยพบว่าเครียดมากที่สุด ร้อยละ 2 เครียดมาก ร้อยละ 4.1 เครียดปานกลาง ร้อยละ 25.7 และเครียดน้อย ร้อยละ 68.2 ซึ่งตัวเลขทั้งหมดสอดคล้องกันในช่วงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงไม่แปลกที่จะมีความเครียดเช่นนี้ เพราะเป็นผลด้านจิตใจในสถานการณ์ไม่ปกติ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูแลทุกคน เพราะแต่ละคนมีความสามารถในการปรับตัวที่แตกต่างกัน และเป็นเรื่องที่ดีที่คนส่วนใหญ่ในประเทศมีการปรับตัวและมีความเครียดน้อย ขณะที่บุคลากรด้านสาธารณสุข ก็สามารถมีความเครียดได้เพราะได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจในการทำงาน ซึ่งอาจเกิดภาวะหมดไฟในการทำงานได้ โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบให้กรมสุขภาพจิตและศูนย์สุขภาพเขตทั้งหลายเข้าไปดูแลบุคลากรด้านสาธารณสุข รวมถึงต้องดูแลชีวิตความเป็นอยู่ ค่าตอบแทน รวมถึงการพักผ่อนที่เพียงพอ ขณะที่ประชาชนที่มีความเครียดต้องแสดงตัว เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล

นอกจากนี้ มีผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว โดยมีประชาชนออกนอกเคหสถาน 554 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 55 ราย

อย่างไรก็ตาม วันนี้จะมีเที่ยวบินคนไทยที่ตกค้างเดินทางกลับไทย จาก ประเทศรัสเซีย 25 คน เกาหลีใต้ 60 คน และเวียดนาม 115 คน.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]