ไทยนำวิธีดูแลแรงงานต่างด้าวของสิงคโปร์มาปรับใช้ป้องโควิด

ทำเนียบรัฐบาล 21 เม.ย.-โฆษก ศบค.แถลงวันนี้ผู้ป่วยใหม่ 19 ราย  เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ใช้วิธีการรับมือกรณีแรงงานต่างด้าวของสิงคโปร์มาปรับใช้  มี อสม.ต่างด้าวดูแล


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (21 เม.ย.) มีรายงานผู้ป่วยใหม่ 19 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,811 ราย รักษาหาย 2,108 ราย รักษาตัวอยู่ 655 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิต รวม 48 ราย โดย ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นชายไทยอายุ 50 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ มีโรคประจำตัว คือเบาหวานชนิดที่สองที่ยังควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีและสูบบุหรี่ ประวัติเสี่ยงคือรับ-ส่งผู้โดยสาร ไปดูมวยที่สนามมวยลุมพินี เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยอาการหายใจลำบาก ไข้ต่ำ ๆ ไอ เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และรับยากลับไปรับประทานที่บ้าน จากนั้นอาการไม่ดีขึ้น จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอีกครั้งในวันที่ 23 มีนาคม ด้วยอาการไข้สูง 39.5 องศาเซลเซียส ปวดเมื่อยตามตัว หายใจลำบาก เสมหะเพิ่มขึ้น ตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 จากนั้นอาการแย่ลงและเสียชีวิตวานนี้(20 เม.ย.)

โฆษกศบค. กล่าวว่า จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 19 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 10 รายไปสถานที่ชุมนุมชน 2 ราย อาชีพเสี่ยง 1 ราย พิธีกรรมทางศาสนา 1 ราย จากการค้นหาเชิงรุก 4 ราย โดยแบ่งเป็นที่จังหวัดยะลา 2 รายและตรวจก่อนทำหัตถการ 2 ราย ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานที่กักกันของรัฐ 1 ราย ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,811 ราย พบใน 5 จังหวัดสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,447 รายและมีอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 3 ราย ภูเก็ต 192 ราย นนทบุรี 152 ราย สมุทรปราการ 108 ราย ยะลา 95 ราย และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย 


“เมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน ที่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้แล้ว พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.69 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 25.57 ยะลา ร้อยละ 19.28 ปัตตานี ร้อยละ 12.61 และนนทบุรี ร้อยละ 12.10  แต่ตัวเลขของจังหวัดสตูลที่น่าสนใจ คือ อัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคนอยู่ที่ ร้อยละ 5.58 คือ มีผู้ป่วยจำนวน 19 ราย โดยทั้งหมดเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ซึ่งจังหวัดสตูลไม่มีตัวเลขของผู้ป่วยในจังหวัดเลยแม้แต่รายเดียว ดังนั้น จะมี 10 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทองและสตูล” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษกศบค. กล่าวว่า มี 36 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยใหม่ ในช่วง 14 วันที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 5-18 เมษายน 2563 ได้แก่ เชียงราย เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี จันทบุรี  นครนายก บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ราชบุรี ลพบุรี ลำพูน ศรีสะเกษ สมุทรสงคราม สระบุรี สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์  อุทัยธานี หนองคาย กาฬสินธุ์ ระยอง ตาก ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา สกลนคร สุรินทร์ สระแก้ว อุบลราชธานี และสุพรรณบุรี


“เมื่อจำแนกจำนวนผู้ป่วยยืนยันตามปัจจัยเสี่ยง ในสองสัปดาห์ล่าสุด พบว่ากลุ่มที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ มีมากที่สุด 291 ราย ผู้ป่วยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 71 ราย อาชีพเสี่ยง 39 ราย ไปสถานที่ชุมนุมชน 24 ราย และบุคลากรทางการแพทย์ 24 ราย และเมื่อจำแนกผู้ป่วยยืนยันตามอาชีพ 5 อันดับสูงสุด คือ รับจ้างทั่วไปและฟรีแลนด์ ค้าขายและธุรกิจส่วนตัว พนักงานบริษัทและโรงงาน พนักงานในสถานบันเทิงนักเรียนและนักศึกษา” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โลก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 2,481,287 ราย เสียชีวิต 170,436 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด 792,759 ราย เสียชีวิต 42,514 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 55 ของโลก โดยสิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 1,426 รายในวันเดียว โดยพบว่ามีความสัมพันธ์กับแรงงานและคนต่างด้าว ซึ่งประเทศสิงคโปร์มีตัวเลขแรงงานต่างด้าวกว่า 3 แสน 2 หมื่นคน อาศัยอยู่ตามหอพักต่าง ๆ 43 แห่ง แต่ละแห่งมีผู้อาศัยถึง1,000 คน แต่ละห้องอาศัยอยู่ประมาณ 12-20 คน พบจำนวนผู้ติดเชื้อจาก 1,000 รายเมื่อวันที่ 1 เมษายน เพิ่มเป็น 5,992 รายในวันที่ 18 เมษายน ซึ่งเป็นการติดเชื้อในวงกว้างที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก

“ทางการสิงคโปร์เร่งดำเนินการมาตรการล็อคดาวน์หอพักของแรงงานทุกแห่ง พร้อมตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลแรงงานเพื่อหยุดการแพร่ระบาด ไม่ให้เคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวระหว่างหอพักด้วยกัน และจัดการการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันเพื่อป้องกันการเผยแพร่เชื้อ โดยแรงงานจะได้รับค่าจ้างระหว่างกักตัว มีทีมสถานพยาบาลไปดูแล เมื่อแรงงานที่หายดีและผู้ที่มีผลเลือดเป็นลบจะเคลื่อนย้ายไปอยู่บนเรือ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษกศบค. กล่าวว่า ในส่วนแรงงานต่างด้าวในไทย กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปดูแลในพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวว่ามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร พร้อมเน้นย้ำเรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคมและการรักษาความสะอาด รวมถึงส่งเสริมให้มีพนักงานสาธารณสุขต่างด้าวและอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าวทำหน้าที่คล้ายกับอสม.เพื่อดูแลซึ่งกันและกัน คาดหวังว่าสิ่งที่ไทยได้เรียนรู้จากสิงคโปร์จะนำมาช่วยป้องกันและเป็นมาตรการควบคุมต่อไป 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว มีประชาชนออกนอกเคหสถาน 693 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน  65 ราย และวันนี้จะมีเที่ยวบินนำคนไทยจากประเทศไต้หวัน 120 คน ประเทศญี่ปุ่นมีสองเที่ยวบิน จำนวน 80 คน และ 20 คนกลับมา ส่วนการจัดส่งหน้ากากอนามัย N95 ทั่วประเทศแล้วจำนวน 138,940 ชิ้น และชุดป้องกัน PPE SET 39,719 ชุด 

“วานนี้(20 เม.ย.) โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าเปิดตัวหอผู้ป่วยพักรวม ในลักษณะห้องไอซียูความดันลบ โดยต้องใช้ระบบอากาศสด ๆ หรือ Fresh air 100% ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นการนำตึกเก่าที่สภาพดีมาปรับปรุงใหม่ เพื่อเป็นหอพักผู้ป่วยที่อาการไม่หนักมาก สามารถอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งต้องชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน จะช่วยกันดูแลผู้ป่วยให้รักษาหายและไม่ติดต่อผู้อื่นด้วย” โฆษกศบค. กล่าว.-สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]