นนทบุรี 23 ส.ค. – รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์สั่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ลุยงานกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เร่งเสริมสร้างโอกาสให้ธุรกิจมีที่ยืนในระบบ
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้กำกับดูแล พร้อมให้กำลังใจและสนับสนุนการทำงานของข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมฯ เพื่อสร้างประโยชน์แก่ภาคธุรกิจและประชาชนอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเยี่ยมชมบรรยากาศการใช้บริการของประชาชนจากส่วนให้บริการข้อมูลและจดทะเบียนธุรกิจ พร้อมพูดคุยเพื่อสอบถามความคิดเห็น ข้อเสนอแนะในการใช้บริการ โดยภาพรวมมีความเห็นไปในทิศทางที่ดี จึงได้ยืนยันกับผู้ใช้บริการว่าในอนาคตจะพัฒนาระบบการให้บริการดียิ่งขึ้น โดยเน้นความสะดวก รวดเร็วผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ทำให้ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ มีข้อมูลสำหรับวิเคราะห์ธุรกิจได้ทันสถานการณ์และแข่งขันกันได้อย่างเท่าเทียม
อย่างไรก็ตาม ทิศทางการดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หลังจากนี้ ในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับนโยบายหลักของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วน สำหรับทิศทางการดำเนินงานที่ได้เร่งรัดให้กรมฯ เดินหน้าต่อไปให้เกิดผลสำเร็จ เริ่มต้นจากการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากด้วยการพัฒนาร้านค้าปลีกรายย่อย หรือโชห่วย แม้จะเป็นธุรกิจขนาดเล็กแต่มีความสำคัญ เพราะถือเป็นเสน่ห์ของธุรกิจไทยและกลไกสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มีความเข้มแข็ง ทำให้เงินหมุนเวียนระดับท้องถิ่นมากขึ้น โดยจะปรับภาพลักษณ์จากโชห่วยแบบดั้งเดิมไปสู่ SMART โชห่วยให้เหมือนร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) สมัยใหม่ที่ใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์ในการบริหารจัดการร้าน การทำบัญชีที่มีระบบ การออกแบบร้านค้า/ชั้นวางสินค้าให้สะดวกต่อการซื้อ และสวยงามน่าเข้าร้าน
“เบื้องต้นจะปรับปรุงฐานข้อมูลจำนวนร้านค้าโชห่วยที่มีอยู่ทั่วประเทศทั้งระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน พร้อมคัดเลือกร้านค้าที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาเป็น SMART โชวห่วย รวมถึงลงพื้นที่รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากเจ้าของร้านโชห่วยโดยตรง จะได้หาแนวทางแก้ไขตรงจุดตามข้อจำกัดและความต้องการของแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนพัฒนาร้านโชห่วย ทั้งด้านการให้ความรู้ในการบริหารธุรกิจและการสนับสนุนโปรแกรมที่ใช้ในร้านค้า สำหรับการสร้างความเข้มแข็งธุรกิจ Startup, SMEs, OTOP SELECT และแฟรนไชส์จะเร่งผลักดันให้ใช้กลไกด้าน Digital Economy, Bio Economy, Green Economy, Sharing Economy และ Creative Economy ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ให้เติบโต” นายวีระศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ การขยายช่องทางการตลาดเป็นอีกภารกิจที่ได้กำชับให้กรมฯ ดำเนินการเร่งด่วน โดยมุ่งไปที่การส่งเสริมให้ธุรกิจใช้ช่องทาง e-Commerce เป็นเครื่องมือสร้างและขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพให้ SMEs มีโอกาสแข่งขันทางการตลาดมากขึ้น และการยกระดับศักยภาพธุรกิจบริการให้มีมาตรฐานสากล อาทิ สปา, ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ และร้านอาหารไทย ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูงนำรายได้เข้าประเทศได้เป็นอย่างมาก พร้อมทั้งสามารถส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้ ตลอดจนสร้างการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจที่เน้นการสร้างพันธมิตรทางการค้าทำให้ภาคธุรกิจมีความเข้มแข็งมากที่สุด.-สำนักข่าวไทย
