พาณิชย์หารือผู้ทรงคุณวุฒิรับมือสงครามการค้า

นนทบุรี 18 มิ.ย. –  พาณิชย์หารือผู้ทรงคุณวุฒิ วางแนวทางรับมือสงครามการค้า ก่อนเสนอ ครม.ขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม 


น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประเมินผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน และการส่งออก รวมทั้งให้พิจารณามาตรการรองรับ ซึ่งกระทรวงได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ไปแล้วนั้น

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) หารือกับผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงด้านต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นและมาตรการที่เหมาะสมในการรับมือปัญหาสงครามการค้า ที่กำลังเริ่มขยายออกไปในประเด็นต่างๆ เช่น เทคโนโลยี โดยจะนำความเห็นที่ได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีใหม่ต่อไป


สนค. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนศ. จึงได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่าง ๆ ประกอบด้วย นายการุณ กิตติสถาพร อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์, นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, นายสมเกียรติ โอสถสภา นักวิชาการและคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ, น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายกิตติพงษ์ ณ ระนอง อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตันดีซี, นายปฐม อินทโรดม ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และนายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานคณะทำงานศึกษาผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯและจีน ของ ส.อ.ท. เข้าร่วมการหารือ

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักของการหารือ เป็นการขอความคิดเห็นต่อแนวทางการรับมือสงครามการค้า รวมถึงการดำเนินวิเทโศบายของไทยเพื่อการรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างสูงสุด เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศในขณะนี้มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ทิศทางการค้าและการลงทุนเปลี่ยนแปลงจากเดิม นอกจากนี้ ประเด็นอื่น ๆ ทั้งการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และเทคโนโลยี เริ่มเข้ามามีบทบาทในการกำหนดนโยบายทางการค้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นเชิงยุทธศาสตร์หลายประเด็น โดยต่างเห็นพ้องกันว่าเป็นการดีที่กระทรวงพาณิชย์ริเริ่มการหารือครั้งนี้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหลายด้าน เพราะความขัดแย้งของสหรัฐและจีนคงจะไม่จบลงง่าย ๆ แต่มีแนวโน้มที่จะคงอยู่ไปอีกนานพอสมควร และอาจจะขยายวงออกไปมากกว่าเรื่องการค้า ซึ่งไทยต้องมีแนวทางการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศใหญ่ทั้งสองและประเทศอื่นที่มีความสมดุล (Balance) นอกจากนี้ ไทยควรมองหาแนวทางการสร้างความเชื่อมโยงในอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมเพิ่มเติมให้สอดรับกับพัฒนาการใหม่ๆ ทางเทคโนโลยี ไม่ใช่ยึดติดกับประเด็นเรื่องเดิมที่ทำมาแล้วเท่านั้น


สำหรับระยะสั้น กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิเห็นว่าฝ่ายเลขานุการควรจัดทำ checklist ประเด็นที่อาจจะทำให้ไทยเป็นที่เพ่งเล็งของสหรัฐ เช่น การได้ดุลการค้า เรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และเตรียมแนวทางรองรับอย่างมีเอกภาพร่วมกันหลายหน่วยงาน รวมทั้งควรยกระดับการติดตามสอดส่องการนำเข้าที่ไม่ถูกต้อง เช่น การสวมสิทธิ์ และการเข้ามาลงทุนในกิจการขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหรือทำสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา นอกจากนี้ ควรเร่งรุกตลาดใหญ่ในภูมิภาคนอกจากจีนและอาเซียน เช่น อินเดีย รวมทั้งควรสนับสนุนภาคบริการมากขึ้น

สำหรับระยะกลาง ที่ประชุมเสนอว่าไทยควรมีการกำหนดกรอบการบริหารจัดการเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่มีความยืดหยุ่นโดยต้องร่วมกันหารือระหว่างหน่วยงานการค้า การคลัง การเงิน การลงทุน การต่างประเทศ ความมั่นคง การแข่งขัน และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาความสามารถทางการแข่งขัน สร้างภูมิคุ้มกัน และตอบโจทย์โลกที่เปลี่ยนไป

นอกจากนี้ ไทยต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคบริการอย่างจริงจัง เพื่อเป็นตัวแทนของภาคอุตสาหกรรมที่ในอนาคตจะมีจ้างงานคนน้อยลง เพราะระบบอัตโนมัติ (Automation) และการผลิตแบบ Customized (ผลิตตามออเดอร์ลูกค้า ลดการสตอกสินค้าในโกดังหรือในร้าน) จะทำให้ภาคการผลิตอาจไหลกลับไปสู่ประเทศเจ้าของทุนและเจ้าของเทคโนโลยีมากขึ้น หรือที่เรียกว่า re-shoring (กลับไปประเทศ) และ near-shoring (กลับไปประเทศที่อยู่ใกล้เคียง เช่น ไปผลิตในเม็กซิโกที่ใกล้กับสหรัฐ) โดยภาคบริการไทยควรพัฒนาทั้งแบบที่เป็นบริการเกี่ยวเนื่องกับสินค้าต่าง ๆ เช่น R&D การออกแบบ การขาย โลจิสติกส์ และบริการที่เป็น cluster ที่สร้างรายได้ เช่น ดิจิทัล การศึกษา การท่องเที่ยว เป็นต้น อีกภาคหนึ่งที่ควรเร่งพัฒนาขึ้นมาคือ เกษตรแปรรูป ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในและสร้างรายได้เกษตรกรอีกด้วย

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวถึงประเด็นเรื่องเทคโนโลยีว่า จะเป็นปัจจัยสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในอนาคต โดยด้านเศรษฐกิจ 5G จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อผู้บริโภคเข้ากับผู้ขายหรือผู้ผลิตโดยตรง ลดขั้นตอนและตัวกลางลงผ่านการใช้ platform ต่างๆ ส่วนเรื่องความมั่นคงจะเกี่ยวกับภัยไซเบอร์และการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของภาครัฐและประชาชน ซึ่งไทยต้องทำความเข้าใจผลกระทบและศักยภาพของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจีนกำลังผลักดันอย่างมากและเร็วขึ้น หลังจากพบปัญหากับสหรัฐ ซึ่งที่ประชุมอยากให้ฝ่ายเลขานุการวิเคราะห์ประเด็นนี้ละเอียดขึ้น

สำหรับผลกระทบต่อไทยนั้น นอกจากประเด็นที่ต้องระวังเรื่องการทุ่มตลาด การสวมสิทธิ์ และการลงทุนประเภทที่ไม่พึงปรารถนาแล้ว ที่ประชุมเห็นว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของการค้าออนไลน์นั้น แม้ว่าในทางหนึ่งจะเป็นประโยชน์ในการส่งออกของเอสเอ็มอีไทย แต่พบว่าการเข้าถึงแพลตฟอร์มขายสินค้าของไทยยังไม่เพียงพอแข่งกับสินค้าจากประเทศอื่นได้ลำบาก อีกทั้งปัจจุบันมีการเข้ามาของสินค้าต่างประเทศที่สั่งมาออนไลน์ในราคาที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจตราการนำเข้า หน่วยงานภาษี หน่วยงานด้านการแข่งขัน และหน่วยงานด้านมาตรฐานสินค้า ควรยกระดับการติดตามตรวจสอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทย และรักษาระดับมาตรฐานสินค้าเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค

สำหรับการเตรียมการระยะต่อไป ต้องขยายการดำเนินงานในประเด็นอื่น ๆ อาทิ ความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเงิน การลงทุน และเทคโนโลยี เพื่อรองรับบริบทของเศรษฐกิจโลกในอนาคต โดยไทยจะต้องดำเนินนโยบายด้านการค้าและการลงทุน นโยบายการต่างประเทศ และความมั่นคงอย่างบูรณาการ รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค  พัฒนาระบบนิเวศทางการค้าและการลงทุน  เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ควบคู่กับการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ โดยผลักดันการส่งออกควบคู่กันไป

ทั้งนี้ ควรมีรูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ที่มีความคล่องตัว ทันสถานการณ์ และสามารถเป็นผู้แทนเพื่อเจรจาและผลักดันวาระนี้ได้ในระดับนโยบาย กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิครั้งนี้มาศึกษาบางประเด็นเพิ่มเติม ก่อนที่จะเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ครม.พิจารณาผลักดันการขับเคลื่อน และนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]