กลุ่มผู้ค้าน 4 โครงการแก้ไขปัญหาน้ำยืนยันต้องยุติการสร้าง

กรุงเทพฯ 26 ม.ค.-เครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุงที่ชุมนุมด้านหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรียกร้องให้ยุติการสร้างเขื่อน-คลองผันน้ำ-ประตูกั้นน้ำ 4 แห่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชและพัทลุง


นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล ผู้แทนเครือข่ายเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุง กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (25 ม.ค.) ได้ยื่นหนังสือเพื่อรียกร้องให้ยุติการสร้างเขื่อน-คลองผันน้ำ-ประตูกั้นน้ำ 4 แห่งในทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดพัทลุงคือ โครงการประตูกั้นน้ำปากประ จังหวัดพัทลุง โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ โครงการอ่างเก็บน้ำวังหีบ และโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช ถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนายมีศักดิ์ ภักดีคง รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ และนายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน ร่วมรับฟังข้อร้องเรียนและรับหนังสือขอให้เรียกร้องให้ยุติทั้ง 4 โครงการ ซึ่งนายมีศักดิ์ได้รับหนังสือร้องเรียนไป โดยระบุว่าจะนำไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่รองอธิบดีกรมชลประทานยังคงยืนยันว่า จำเป็นต้องดำเนินโครงการต่อไป แต่พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะในการปรับรายละเอียดโครงการก่อสร้าง โดยไม่ได้ชี้แจงถึงข้อมูลผลการสำรวจพื้นที่และข้อมูลทางวิชาการ ตลอดจนผลการศึกษาผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมต่อชาวบ้านแต่อย่างใด 

ทั้งนี้ กลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาชุมนุม ยืนยันว่ารัฐต้องระงับการดำเนินโครงการก่อน ชาวบ้านจึงจะร่วมหารือแนวทางพัฒนาลุ่มน้ำ โดยจะให้เวลาถึงช่วงบ่ายวันนี้ (26 ม.ค.) หากยังคงยืนยันเดินหน้าโครงการเช่นเดิม จะยกระดับการเคลื่อนไหว โดยในวันนี้และพรุ่งนี้ (27 ม.ค.) จะมีชาวบ้านเดินทางมาสมทบ


นายประสิทธิ์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้จะรอฟังคำชี้แจงจากกรมชลประทาน ตามที่ได้ส่งหนังสือเรียกร้องให้ยุติการดำเนินการก่อสร้างเขื่อน-คลองผันน้ำ-ประตูกั้นน้ำ 4 แห่งในทั้ง 2 จังหวัด และทางเครือข่ายฯ มองว่า การยื่นฟ้องศาลปกครองอาจได้เพียงคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับโครงการ แต่สิ่งที่ต้องการคือ ให้ครม. มีมติยกเลิกโครงการโครงการเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง  จ.พัทลุงและโครงการคลองผันน้ำเมืองนคร จ.นครศรีธรรมราชซึ่งครม. ได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อนหน้านี้ ส่วนโครงการเขื่อนคลองสังข์ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราชและโครงการประตูกั้นน้ำปากประ จังหวัดพัทลุงซึ่งยังไม่มีมติครม. ดังนั้นกรมชลประทานสมควรทำหนังสือยุติโครงการทันที

ทั้งนี้ทางเครือข่ายเห็นว่า ปัญหาอุทกภัยซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญในใช้อ้างอิงในการดำเนินโครงการนั้น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกที่ เมื่อมีฝนตกหนัก แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศของภาคใต้ซึ่งเป็นที่ลาด อีกทั้งมีทางออกสู่ทะเล ไม่ได้ทำให้น้ำท่วมขังนาน ไม่จำเป็นต้องแก้ปัญหาด้วยการใช้งบประมาณมหาศาลทำเขื่อนหรือโครงการขนาดใหญ่ซึ่งจากข้อมูล ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่รัฐบาลสามารถแก้ปัญหาและพัฒนาแหล่งน้ำโดยไม่ต้องใช้โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ได้ แล้วหันไปแก้ปัญหาโดยจัดผังเมือง กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเช่น สะพานหรือถนนที่ขวางทางระบายน้ำออกสู่ทะเล ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิตชุมชน และในเวลา 10.00 น. เครือข่ายจะประกาศแถลงการณ์การณ์เรียกร้องให้ยุติทั้ง 4 โครงการ

นายเจกะพันธ์ พรหมมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุง กล่าวว่า ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง  จ.พัทลุงซึ่งครม. อนุมัติให้ดำเนินโครงการนั้น ได้เดินทางมาเพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีให้ยุติโครงการดังกล่าวเนื่องจากข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาอนุมัตินั้น ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง  โครงการที่ออกมาโดยระบุว่า เพื่อสนับสนุนน้ำเพื่อการเกษตรนั้น ปัจจุบันสภาพพื้นที่ได้เปลี่ยนแปลงไป เดิมประชาชนประกอบอาชีพทำนา แล้วประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจึงมีผู้ทำหนังสือถึงหน่วยงานรัฐให้ช่วยเหลือ แต่จนถึงปัจจุบัน ผืนนากลายเป็นสวนยางพาราหมดแล้ว ไม่ได้ประสบปัญหาน้ำไม่เพียงพอเหมือนในอดีต ส่วนวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันน้ำท่วมนั้นสืบเนื่องจากในปี 2531 มีน้ำท่วมใหญ่ที่อำเภอพิปูนและกะทูน แต่ที่ระบุว่า จำเป็นต้องสร้างเพื่อป้องกันน้ำท่วมตัวเมืองทุ่งสงนั้น ชาวบ้านเห็นว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันเนื่องจากคลองวังหีบห่างจากตัวเมืองทุ่งสง 4 กิโลเมตร อีกทั้งยังมีเนินกั้นระหว่างเมืองทุ่งสงกับคลองวังหีบ น้ำจึงไม่สามารถไปท่วมเมืองทุ่งสงได้ สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการผลิตน้ำประปา ข้อเท็จจริงนั้น สำหรับการทำน้ำประปานั้นปัจจุบันใช้น้ำอีก 2 สายเกินพอสำหรับทำน้ำประปา พื้นที่ที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำวังหีบ ห่างจากเมืองทุ่งสง 17 กิโลเมตร ความจุ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร งบประมาณก่อสร้าง 2,300 ล้านบาท ชาวบ้านประเมินค่าลงทุนสำหรับผลิตน้ำประปาอยู่ที่ 115 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งไม่คุ้มค่าแน่นอน  อีกทั้งพื้นที่วังหีบมีผืนป่าต้นน้ำชั้น 1 A ซึ่งมีเหลือน้อยมากในประเทศไทย  หากก่อสร้างอ่างเก็บน้ำจะทำลายผืนป่า ชาวบ้านจึงคัดค้านอย่างเต็มที่  ทั้งนี้รอคำชี้แจงจากทั้งกรมชลประทานซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดำเนินโครงการและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบแผนบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ หากไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ในวันจันทร์นี้(28 ม.ค.)กลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนย้ายจากหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีให้ยุติโครงการทั้งหมด


 นายเจกะพันธ์ ยังกล่าวถึงแถลงการณ์ของนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสทนช. ซึ่งชี้แจงแนวทางบริหารจัดการน้ำภาคใต้นำเสนอต่อเครือข่ายฯ ว่า ทางเครือข่ายฯ และชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง  จ.พัทลุงอ่านแล้วเห็นว่า สทนช. ซึ่งทำหน้าที่วางแผนบริหารจัดการน้ำของประเทศนั้น มีแนวทางชัดเจนที่จะทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่าง ๆ เพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมคือ เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ซึ่งครม. อนุมัติให้ดำเนินโครงการในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ฝั่งอ่าวไทยได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา ส่วนฝั่งอันดามันได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล นอกจากนี้ยังพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อสนับสนุนการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมนาบอน อำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งอยู่ติดกับอำเภอวังหีบ โดยเฉพาะข้อความในช่วงท้ายของแถลงการณ์ที่ระบุว่า หน่วยงานต่างๆ ต้องดำเนินการขับเคลื่อนโครงการตามที่กฎหมายและระเบียบกำหนดไว้ทุกขั้นตอน แสดงว่า สทนช. ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นหรือพิจารณาถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่ที่จะต้องโยกย้ายถิ่นฐานจากการทำโครงการดังกล่าว รวมถึงไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศ โดยเฉพาะป่าต้นน้ำชั้น 1 A ในอำเภอวังหีบ

ในระหว่างการชุมนุมมีการปราศรัยในกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมทั้งทำเฟซบุ๊กไลฟ์เพื่อชี้แจงต่อประชาชนในพื้นที่และผู้สนใจให้รับทราบถึงเหตุผลที่เรียกร้องให้ยุติโครงการ ซึ่งมีสาระสำคัญตามหนังสือที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี คือ โครงการเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง จ.พัทลุง ที่ระบุว่าเพื่อป้องกันน้ำท่วมเมืองทุ่งสง เพื่อการผลิตน้ำประปา เพื่อการเกษตร แต่ข้อเท็จจริงนั้น คลองวังหีบไม่ได้ผ่านเมืองทุ่งสง สำหรับการทำน้ำประปานั้น ปัจจุบันใช้น้ำอีก 2 สายเชื่อว่ามีปริมาณน้ำเกินพอสำหรับทำน้ำประปา และสำหรับการปลูกพืชได้เปลี่ยนแปลงสภาพไปหมดแล้ว จึงขอให้ศึกษาแนวทางอื่นสำหรับการแก้ปัญหา โดยไม่กระทบต่อชีวิตของประชาชนและระบบนิเวศ การสร้างเขื่อนไม่ได้ช่วยลดผลกระทบจากน้ำท่วม/น้ำแล้ง ส่วนการแก้ปัญหาน้ำเพื่อการเกษตร สามารถออกแบบระบบชลประทานขนาดเล็กโดยไม่เปลี่ยนแปลงระบบนิเวศของสายน้ำเดิม

โครงการเขื่อนคลองสังข์ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ที่รัฐระบุว่าเพื่อการป้องกันน้ำท่วมอำเภอทุ่งใหญ่ และเพื่อการเกษตร เป็นเหตุผลเดียวกันกับการสร้างเขื่อนวังหีบ โดยจะสร้างเขื่อน เป็นการแก้ปัญหาที่ละเลยต้นเหตุ 

โครงการคลองผันน้ำเมืองนคร จ.นครศรีธรรมราช ที่ระบุว่า เพื่อการป้องกันน้ำท่วมเมืองนคร โดยแท้ที่จริงแล้วสาเหตุหลักของน้ำท่วมเขตเทศบาลนครศรีธรรมราช เกิดจากการปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำ การสร้างถนนขวางทางน้ำ การวางระบบผังเมืองผิดพลาด เป็นต้น กลุ่มผู้คัดค้านเห็นว่า การสร้างคลองผันน้ำแก้ปัญหาได้เพียงเล็กน้อย แต่ใช้งบประมาณเกือบ 10,000 ล้านบาท ในขณะที่ต้องไล่รื้อเวนคืนที่ดิน ทำให้คนไร้ที่อยู่ พรากคนจากแผ่นดินเกิด จำนวนมาก ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จึงขอให้แก้ไขถนนที่ขวางทางน้ำ แก้ไขระบบระบายน้ำ ปรับปรุงขุดลอกคลองในเมืองให้มีประสิทธิภาพในการระบายน้ำ ปรับปรุงท่อระบายน้ำ เข้มงวดกับการก่อสร้างที่นำไปสู่การขวางทางน้ำ

ส่วนโครงการประตูกั้นน้ำปากประ จังหวัดพัทลุง ที่ ระบุว่าเพื่อป้องกันน้ำเค็มเข้าสู่คลองปากประ โดยข้อเท็จจริงนั้น ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา มีน้ำเค็มรุกล้ำเข้ามาเพียงครั้งเดียวและไม่ได้ก่อความเดือดร้อนขั้นร้ายแรงต่อประชาชน  การสร้างประตูกั้นน้ำ จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศแหล่งน้ำ 3 แหล่ง จึงขอให้ยกเลิกโครงการ

ในที่ชุมนุมของกลุ่มผู้คัดค้านยังระบุถึง บทบาทของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ซึ่งปัจจุบันมีหน้าที่ดูแลการบริหารจัดการน้ำทั้งหมดของประเทศ โดยมีนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เป็นเลขาธิการฯ กำกับดูแลโดยพลเอกฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 61 ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช รวมทั้งเป็นสักขีพยานในการมอบค่าชดเชยที่ดินให้แก่ชาวบ้าน 9 รายที่สละที่ดินให้การก่อสร้างโครงการดังกล่าวว่า 

ดังนั้น ในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลและเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ต้องมารับฟังปัญหาจากกลุ่มผู้คัดค้าน รวมทั้งศึกษาแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำในรูปแบบที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิต  ฉะนั้นในวันจันทร์ที่ 29 มกราคม 62 จะแบ่งกลุ่มเดินทางไปยื่นข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการ สทนช.เพื่อชี้แจงว่า ทางเลือกการจัดการน้ำที่ไม่ทำลายระบบนิเวศและชีวิตของประชาชนยังมีอีกมากมายหลายทาง หากรัฐบาลสนใจประเมินผลเชิงยุทธศาสตร์เพื่อสร้างทางเลือกการจัดการน้ำที่ดีที่สุด โดยไม่ใช้วิธีคิดเดียวคือการสร้างเขื่อน ขุดคลอง ที่ก่อเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ อย่างร้ายแรง  ทั้งนี้ เครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุง รัฐบาลต้องยกเลิกโครงการทั้ง 4 โครงการ และออกแบบการแก้ปัญหาใหม่ตามข้อเสนอแนะของภาคประชาชน ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณของรัฐบาล ไม่ทำร้ายประชาชน และเป็นการรักษาระบบนิเวศที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดให้อยู่คู่กับแผ่นดินต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่า นครศรีธรรมราช-พัทลุงได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์เจตนารมณ์การชุมนุมหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ตามที่เครือข่ายฯได้มาปักหลักชุมนุมตั้งแต่วันที่ 25 มค.62 โดยมีเครือข่ายเข้าร่วม 4 พื้นที่ กว่า 200 คน เมื่อวานเดินขบวนมาจากหัวลำโพง จากนั้นเข้าพบเจรจากับนายมีศักดิ์ ภักดีคง รองปลัดกระทรวงเกษตร และรองอธิบดีกรมชลประทานอีก 2 คน ผลการหารือปรากฏว่า ที่ประชุมไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อเรียกร้องของเครือข่ายมากนัก โดยระบุโครงการทั้ง 4 โครงการจัดทำขึ้นจากความเดือดร้อนประชาชน ทำตามรัฐธรรมนูญและระเบียบราชการ อีกทั้งยังให้หน่วยงานในสังกัดและจังหวัดเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่และแนะนำให้ประชาชนฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ทางเครือข่ายฯ ขอย้ำว่า จากนี้เป็นต้นไปจะไม่เจรจากับกรมชลประทานอีก และนับจากนี้ไปการดำเนินการใดๆ ของกรมชลประทานและกระทรวงเกษตรฯ นั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบ

ผู้ประสานงานเครือข่ายระบุว่า ท่าทีของภาครัฐที่มีต่อชาวบ้านเป็นท่าทีที่เปรียบได้ว่า เป็นการดับเครื่องชน ทั้งนี้ในวันอาทิตย์ที่ 27 มค.62 ทางเครือข่ายฯ ขอเรียกร้องต่อประชาชนทั่วประเทศได้ออกมาร่วมปกป้อง ดินน้ำป่า กับทางเครือข่าย เพราะมีเพียงอำนาจประชาชนเท่านั้น ที่จะปกป้องทรัพยากรธรรมชาติไว้ได้ โดยขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรม รวมพลคนรักดินน้ำป่า ประเทศไทย ครั้งที่ 1 หน้าสำนักงาน สปก.ในวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป สำหรับการยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป อยู่ระหว่างเตรียมการณ์ และในวันพรุ่งนี้จะมีชาวบ้านที่เดือดร้อนจากทั้ง 2 จังหวัดมาสมทบ-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]