คาดได้ผู้ชนะประมูลอีอีซี 5 โครงการใหญ่สิ้นปีนี้

กรุงเทพฯ  1 ส.ค. – รัฐบาลย้ำโครงการหลักอีอีซี 7 แสนล้านบาทจะได้ผู้ชนะการประมูลภายในสิ้นปีนี้ และเสนอ ครม.อนุมัติก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันในการสัมมนา “อีอีซี เดินหน้า เชื่อมโลกให้ไทยแล่น : โอกาสของนักลงทุนไทย” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า เพื่อเป็นหลักประกันว่าโครงการอีอีซี จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน รัฐบาลจึงยืนยันว่าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลัก 5 โครงการ  มูลค่า 700,000 ล้านบาท จะสามารถได้ผู้ชนะการประมูลและมีการลงนามในสัญญาภายในเดือนมีนาคมปีหน้า จากนั้นจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะมีการเลือกตั้งต่อไป ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการรื้อโครงการของรัฐบาลใหม่

สำหรับ 5 โครงการหลัก ประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงท่าอากาศยาน  โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 และโครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3


นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า โครงการอีอีซีของรัฐบาลภายใต้การนำพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีถือเป็นโครงการ ที่จัดทำขึ้นเพื่อทั้งภูมิภาคไม่เฉพาะคนไทยเพียงกว่า 60 ล้านคนเท่านั้น แต่ยังรวมทั้งกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีขนาดตลาดรวมกัน 230 ล้านคน และหากรวมกับที่ประเทศไทยทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับประเทศศรีลังกาและเร็ว ๆ นี้ ประเทศบังกลาเทศก็มีความสนใจที่จะทำ FTA กับไทยด้วย ขนาดตลาดก็จะเพิ่มเป็น 400 ล้านคน และเมื่ออีอีซี เชื่อมโยงกับจีนและอินเดียที่มีประชากร 1,400 ล้านคนและ 1,200 ล้านคนตามลำดับด้วยแล้วก็จะทำให้ขนาดตลาดรวมเพิ่มเป็น 2,600 ล้านคน และยังเป็นภูมิภาคที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงอีกด้วย ดังนั้น อีอีซีจึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งของไทย และไทยจะเป็นประตูทางการค้าสู่เอเชีย (Gate way) ขยายผลต่อจากการพัฒนาโครงการอีสเทิร์น ซีบอร์ด

ปัจจุบันในสายตาของนักลงทุนมองว่าหากลงทุนในภูมิภาคเอเชียแล้วประเทศเป้าหมายการลงทุนอันดับ 1 คือ จีนขณะที่ไทยอยู่อันดับ 2 ของประเทศเป้าหมายในการลงทุน โครงการของอีอีซีจึงเข้ามาเสริมจุดนี้ได้เป็นอย่างดี

สำหรับความคืบหน้า 5โครงการโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย 1.โครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และ สนามบินอู่ตะเภา ) กำหนดได้ผู้ชนะการประมูลในเดือนกันยายน 2561 ที่ขณะนี้มีเอกชนสนใจเข้าซื้อซองร่างขอบเขตการประมูล หรือ TOR จำนวนมากคาดว่าจะเสร็จภายในปี 2566  2.โครงการท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา คาดออก TOR ภายในเดือนตุลาคม 2561 และกำหนดคาดเสร็จภายในปี 2564  3.โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน กำหนดเสร็จปี 2564  4.ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 กำหนดเสร็จปี 2567 และ 5.ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 กำหนดเสร็จปี 2568


นอกจากนี้ ในแผนการพัฒนาระยะ 5 ปีแรกจะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเขตนวัตกรรมเขตพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิตัล EECd และจะต้องมีการพัฒนาบุคลากรและการศึกษา เพื่อรองรับแนวทางการลงทุนใหม่ที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมชั้นสูงที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ดังนั้น การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร จึงถือเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่อีอีซีรัฐบาลเร่งรัดให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ทั้งด้านกฎหมายอีอีซี การดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลัก ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนในเรื่องสิทธิประโยชน์ที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซี โดยภายในงานสัมมนาครั้งนี้มีภาคเอกชนให้ความสนใจเข้าร่วมกว่า 300 คน และได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการลงทุนที่เป็นประโยชน์ รัฐบาลวางเป้าหมายพัฒนาพื้นที่อีอีซี ได้แก่ จ.ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญในการปฏิรูปประเทศไทย เพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและใช้พื้นที่ดังกล่าวให้เป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมใหม่เชื่อมโยงสู่กลุ่มประเทศอาเซียน CLMV และเส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21 (One Belt One Road) ในการยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทย ในอนาคต

“ขณะนี้พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้เป็นอย่างดีที่จะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะมุ่งใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของไทยให้กับทุกภาคส่วน ทำให้คนไทยมีรายได้ที่สูงขึ้น เกิดอาชีพใหม่ และโอกาสด้านการลงทุนใหม่ ๆ ให้กับผู้ประกอบการไทยทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็กเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือไทยแลนด์ 4.0 และถือเป็นแนวทางที่สอดรับกับการขยายตัวของภูมิภาคเอเชีย และอาเซียน ที่คาดว่าในทศวรรษหน้าเอเชียจะเป็นตลาดที่มาแรง” นายคณิศ กล่าว

ทั้งนี้ จากแผนการพัฒนาพื้นที่อีอีซี คาดว่าจะก่อให้เกิดการลงทุนรวมทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท หรือ 49,900 ล้านเหรียญสหรัฐภายในระยะเวลา 5 ปี 

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์  รองเลขาธิการบีโอไอ เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 มีนักลงทุนยื่นโครงการขอรับส่งเสริมการลงทุนรวม 280,000 ล้านบาท ตลอดปีนี้บีโอไอตั้งเป้าหมายว่าจะมีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนรวม 720,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี รวม 180,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีคาดว่าจะมีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนรวม 300,000 ล้านบาท

ด้านการส่งเสริมการลงทุน บีโอไอได้วางมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะช่วยส่งเสริมการลงทุนให้เกิดขึ้นในพื้นที่อีอีซี โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์ที่มากกว่าปกติของการลงทุนที่ผ่านมา ซึ่งจะเน้นให้สิทธิประโยชน์ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ การแข่งขันของไทยให้สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เพิ่มอีก 3 ปีหลังสิ้นสุดระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามเกณฑ์ปกติ และการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น เมืองการบินภาคตะวันออก (สนามบินอู่ตะเภา) และการพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECI) จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เพิ่ม 2 ปี จากเกณฑ์ปกติ (รวมสิทธิประโยชน์เดิมเกิน 8 ปีได้ และลดหย่อนอีกร้อย ละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปี)

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า โครงการพัฒนาอีอีซี เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของไทยมีพัฒนาขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ความพร้อมของภาคเอกชนจำเป็นต้องเร่งปรับตัวให้ทันต่อนโยบายการลงทุนของประเทศ  โดยการยกระดับภาคการผลิตในด้านต่าง ๆ ทั้งการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต รวมถึงยกระดับคุณภาพแรงงาน ให้สามารถใช้เทคโนโลยีได้มีประสิทธิภาพ  ซึ่งเชื่อมั่นว่านโยบายการพัฒนาอีอีซี จะส่งผลให้เกิดการขยายตัวด้านการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาไทยมากขึ้น

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออกปัจจุบันมีความชัดเจนเรื่องนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพราะจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของไทยที่จะเป็นการสร้างโอกาสของประเทศเพิ่มมากขึ้นทั้งในอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ และการเพิ่มความเข้มแข็งในอุตสาหกรรมหลักเดิม ที่จะส่งผลต่อมูลค่าทางการค้าและส่งออกของไทยเพิ่มสูงขึ้น จากความหลากหลายของสินค้าของไทยที่สามารถเจาะกลุ่มตลาดต่าง ๆ ในทั่วโลกมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ และบริการใหม่ ๆ ก่อให้เกิดการจ้างงานในระบบที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ที่จะใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ มาเชื่อมโยง กับประเทศในอาเซียน และภูมิภาคอื่น ๆ

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า รัฐบาลประกาศนโยบายลงทุนในพื้นที่อีอีซี ซึ่งมีงบประมาณสูงถึง 1.7 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี นับเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ซึ่งจะสอดคล้องตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เติบโตทิศทางดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวของการส่งออก การท่องเที่ยว และการจับจ่ายใช้สอยของ ภาคประชาชน รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ดีขึ้น มาจากแรงหนุนจากการลงทุนของภาครัฐในโครงการต่าง ๆ ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการพัฒนาอีอีซี ทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเป็นจำนวนมาก และยังเป็นการสร้างรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตไปได้ด้วยดีและกระจายตัวไปยังเศรษฐกิจฐานรากอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]