นายกฯเปิดประชุมACMECSเสนอแผนแม่บทจัดตั้งกองทุนระดมทุน

โรงแรมแชงกรี-ลา 16 มิ.ย.- นายกรัฐมนตรีเปิดประชุม ACMECS Summit ครั้งที่ 8 อย่างเป็นทางการ พร้อมเสนอจัดทำแผนแม่บท ACMECS ระยะ 5 ปี และจัดตั้งกองทุน ACMECS ระดมทุนพัฒนาโครงการภายใต้แผนแม่บท มั่นใจจะสร้างความเข้มแข็งและความเชื่องโยงในอนุภูมิภาคได้จริง


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS Summit) ครั้งที่ 8 ที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โดยมีผู้นำจาก 5 ประเทศสมาชิกเข้าร่วม ได้แก่ สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อูวินมยิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และดาโต๊ะ ปาดูกา ลิม จ็อก ฮอย เลขาธิการอาเซียน

นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานว่าตลอดระยะเวลา 15 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้ง ACMECS เมื่อปี 2546 จนถึงวันนี้ ACMECS หรือประเทศที่อยู่ในลุ่มแม่น้ำอิรวดี เจ้าพระยา แม่โขง ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม ได้กลายมาเป็นอนุภูมิภาคที่มีศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจ มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 230 ล้านคน รวมทั้งเป็นสะพานเชื่อมต่อเศรษฐกิจและตลาดระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก จึงไม่แปลกใจที่นักลงทุนต่างชาติจากทั่วโลกจำนวนไม่น้อยต่างหันมาสนใจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อแสวงหาลู่ทางและขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน


ขณะเดียวกัน ACMECS กำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล และมิติความสัมพันธ์ปัญหาทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม มีความซับซ้อนมาก เช่นการเข้าสู่สังคมสูงอายุ กฎระเบียบและมาตรฐานไร้พรมแดน กระแสต่อต้านโลกาภิวัตน์ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และคุกคามรูปแบบใหม่ อาทิการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติ

ดังนั้นตลอดปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจึงได้ผลักดันการปฏิรูป ACMECS เพื่อให้สามารถรับมือกับบริบทใหม่ของโลกและสิ่งท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง   

“ในฐานะเจ้าภาพได้ตั้งหัวข้อการประชุมว่า “การก้าวไปสู่ประชาคมลุ่มแม่น้ำโขงที่เชื่อมโยงกัน” เพราะเชื่อว่าการรวมตัวและความเชื่อมโยงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ สินค้า แรงงาน ประชาชน และนำประเทศสมาชิกเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าและอุปทานของโลกได้ต่อไป ซึ่งหวังว่าต่อไปนี้จะช่วยกันสร้างประชาคม ACMECS ที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียว” นายกรัฐมนตรี กล่าว



นายกฯประกาศแผนแม่บท ACMECSสร้างความเชื่อมโยง 3 “S”

 นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าประเทศไทย โดยการสนับสนุนจากสมาชิก ACMECS ทั้ง 4 ประเทศ ได้ริเริ่มจัดทำแผนแม่บท ACMECS (ค.ศ. 2019-2023) ซึ่งเป็นแผนแม่บทฉบับแรกของอนุภูมิภาค เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานของ ACMECS ในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ภายใต้วิสัยทัศน์ “เสริมสร้าง ACMECS ที่เชื่อมโยงกัน ภายในปี ค.ศ. 2023” (Building ACMECS Connect by 2023) ซึ่งแผนแม่บท ACMECS ให้ความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมาย 3 ประการ ภายใต้สโลแกน 3 “S”(สามเอส) ได้แก่

เอสที่ 1 การเสริมสร้างความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อในอนุภูมิภาค หรือ Seamless Connectivity โดยเน้นการเติมเต็มโครงสร้างพื้นฐานและเส้นทางคมนาคมทางบก ทางน้ำ และทางอากาศที่ยังขาดหาย (missing links) เพื่อส่งเสริมการไปมาหาสู่กันและการเคลื่อนย้ายของสินค้าและบริการภายในอนุภูมิภาค การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มธุรกรรมการค้าและกิจกรรมทางการเงินในอนาคต และการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านพลังงาน เพื่อส่งเสริมความมั่นคง การเข้าถึง และความยั่งยืนทางพลังงานในอนุภูมิภาค

เอสที่ 2 การสอดประสานด้านเศรษฐกิจ หรือ Synchronized ACMECS Economies โดยเน้นการปรับแก้กฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุนให้สอดคล้องกัน ลดความซับซ้อนของกฎหมายและระเบียบและจัดการกับอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่ง การเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และการเคลื่อนย้ายคนข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาค โดยอาศัยการต่อยอดจากการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือต่างๆ ในอนุภูมิภาคที่มีอยู่แล้ว ซึ่งหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อน เช่นการต่อยอดด้านกฎระเบียบด้านการขนส่งสินค้าข้ามแดน หรือ CBTA ภายใต้กรอบ GMS เป็นต้น 

และเอสที่ 3 การพัฒนาภูมิภาคในลักษณะยั่งยืนและมีนวัตกรรม หรือ Smart and Sustainable ACMECS โดยเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการยุคใหม่ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสตาร์ทอัพ การเกษตร การท่องเที่ยว การแพทย์ การศึกษา การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) และความมั่นคงไซเบอร์ รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในสาขาต่างๆ เช่น การจัดการทรัพยากรน้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ การส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานและพลังงานหมุนเวียน

จัดตั้งกองทุน ACMECS Fund ชวนสมาชิกและนักลงทุนระดมเงินพัฒนา

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่าการกำหนดทิศทางการดำเนินการให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นในการบรรลุเป้าหมายของแผนแม่บท ACMECS พวกเราได้เห็นพ้องที่จะจัดทำโครงการระยะเริ่มแรก 2 ปี เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงตามระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (EWEC) และระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (SEC) ภายใต้โครงการทั้งสามเสาการดำเนินการภายใต้แผนแม่บท คงจะดำเนินการด้วยความลำบาก หากยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของแหล่งเงินทุน ดังนั้นประเทศไทยจึงให้ความสำคัญต่อการจัดหาแหล่งเงินทุนที่มีความยั่งยืน โดยเสนอให้มีการจัดตั้งกองทุน ACMECS (ACMECS Fund)  เพื่อระดมทุนสำหรับพัฒนาโครงการต่างๆ ภายใต้แผนแม่บท โดยประเทศไทยพร้อมที่จะสนับสนุนการจัดตั้งกองทุน ACMECS ด้วยทุนเริ่มต้นในการก่อตั้งจำนวนหนึ่ง และเพื่อให้กองทุน ACMECS มีความยั่งยืน และสามารถสนับสนุนแผนแม่บทตามเป้าหมาย ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนประเทศสมาชิก และประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาทั้งที่ปัจจุบันมีความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงดั้งเดิม รวมถึงประเทศที่มีศักยภาพ ทั้งในเอเชีย ยุโรป องค์กรระหว่างประเทศรวมถึงสถาบันการเงินต่าง ๆ เข้ามาเข้าร่วมสมทบกองทุน ACMECS ในการสมทบเงินเข้ากองทุนดังกล่าว 

ผลักดันต้นแบบEECศูนย์กลางเศรษฐกิจในภูมิภาค

รัฐบาลไทยได้ดำเนินนโยบายภายในต่างๆ ซึ่งช่วยสนับสนุนแผนแม่บท ACMECS ที่เน้นการสร้างความเชื่อมโยงภายในอนุภูมิภาค คือ นโยบาย Thailand 4.0 ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยบนพื้นฐานของการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อผลักดันให้ไทยเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างสมบูรณ์ นโยบายการผลักดัน EEC ตัวอย่างโครงการที่เห็นได้ชัดเจน อาทิ การพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง และการส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (First S-curve and New S-curve industries) โดยรัฐบาลไทยให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการดังกล่าวภายใต้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Private-Private Partnership) ตามนโยบายประชารัฐควบคู่กับการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย และกลุ่มสตาร์ทอัพ โดยนโยบายดังกล่าวได้ช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเศรษฐกิจไทย สร้างงานคุณภาพและส่งเสริมให้ไทยเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าและห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาคและของโลก

“อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงของเราจะเข้มแข็งได้ ก็ต่อเมื่อทุกประเทศเจริญก้าวหน้าไปพร้อมๆกัน โดยไม่ทิ้งประเทศใดไว้ข้างหลัง ดังนั้น ไทยจึงให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ไขปัญหาด้านแรงงาน โดยไทยพร้อมเปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าวบนพื้นฐานของการสร้างพลังเดินหน้าไปร่วมกัน ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้จัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ SEZ จำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง ตามบริเวณแนวชายแดน ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่ามีความเหมาะสมสำหรับสร้างเป็นฐานการผลิตที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศสมาชิก ACMECS อื่นๆ จึงมีศักยภาพที่จะรองรับแรงงานต่างด้าวได้เป็นจำนวนมาก และรัฐบาลไทยก็มีมาตรการการอำนวยความสะดวกในการจ้างงานแรงงานต่างด้าวในพื้นที่เหล่านี้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานและวัตถุดิบที่ต้องนำข้ามแดนจากประเทศ ACMECS  อื่นๆ”นายกรัฐมนตรีกล่าว


มั่นใจ ACMECS จะเข้มแข็งเชื่อมโยงได้จริงใน 5 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ ตลอด 15 ปี ที่ผ่านมา อนุภูมิภาค ACMECS ผ่านร้อนผ่านหนาวมาร่วมกัน และเติบโตมาจากภาคเกษตรและพัฒนามาสู่อุตสาหกรรมแปรรูป และอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกเหมือนกัน ขณะนี้พื้นฐานด้านเศรษฐกิจของภูมิภาคครอบคลุมเรื่องอุตสาหกรรมหนักและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์  การท่องเที่ยว โรงแรม สินค้า บริการ และพลังงาน ซึ่งกำลังสร้างภาพลักษณ์ของ ACMECS ให้เป็นอนุภูมิภาคที่มีพลวัตทางเศรษฐกิจที่สูง ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิก ACMECS ที่จะร่วมมือกัน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ในการดำเนินการตามแผนแม่บทจะทำให้ACMECS เป็นประชาคมแม่น้ำโขงที่เชื่อมโยงกันอย่างแท้จริงใน 5 ปีข้างหน้า และต่อจากนั้น จะได้เห็น ACMECS เป็นอนุภูมิภาคที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และคนข้ามพรมแดนอย่างไร้รอยต่อในอนุภูมิภาค และเป็นอนุภูมิภาคที่เป็นสะพานที่แท้จริงที่เชื่อมต่อเศรษฐกิจและตลาดของมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิกและของเศรษฐกิจอื่นๆ กับภาคพื้นทวีปเอเชียและของโลก ปัจจุบัน กลุ่มประเทศ ACMECS เป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก เพราะแม้เศรษฐกิจโลกซบเซา แต่กลุ่มประเทศ ACMECS มีประชากรรวมกันซึ่งเป็นวัยกำลังทำงานจำนวนมาก มีกำลังซื้อมาก และเป็นแหล่งการผลิตที่สำคัญของโลก ทั้งภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมที่หลากหลาย นับเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากประเทศใหญ่ๆ ทั่วโลก จึงเชื่อว่านับจากนี้ จะได้เห็น ACMECS เป็นอนุภูมิภาคที่มีความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมที่สร้างสรรค์ในประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของการส่งเสริมพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยประชาชนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผู้ประกอบการและเกษตรกรของเราจะเป็นคนยุคใหม่ที่ก้าวหน้าสามารถนำเทคโนโลยีและดิจิทัลเข้ามาผสมผสานกับวิถีชีวิตและการปฏิบัติงานทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ทำให้มีความสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ จะเห็นว่าแผนแม่บทให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การฝึกอบรม และการเรียนรู้ ประชาคม ACMECS ต้องสามารถแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม ขาติสมาชิกได้เห็นพ้องแล้วว่า การพัฒนาในอนุภูมิภาคจะต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป ดังนั้น แผนแม่บท ACMECS จึงให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในสาขาต่างๆ เช่น การจัดการทรัพยากรน้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ การส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานและพลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ ประเทศสมาชิก ACMECS จะต้องผลักดันความร่วมมือในลักษณะความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน ตลอดจนประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา เพื่อให้ความร่วมมือตามเสาหลักต่างๆ ภายใต้แผนแม่บท มีดำเนินการและเกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้านการส่งเสริมความเชื่อมโยงทั้งสามเสาภายใต้แผนแม่บท ACMECS 

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนตัวมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับความพยายามของประเทศสมาชิก ACMECS ที่จะสนับสนุนความเชื่อมโยงและการพัฒนาแบบยั่งยืนได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลก ซึ่งเห็นได้จากสารและวีดีโอแสดงความยินดีจากผู้นำและรัฐมนตรีจากหลายประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ จึงขอขอบคุณมาในโอกาสนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศและองค์กรเหล่านี้ จะสามารถสนับสนุนแผนแม่บท ACMECS เพื่อสร้างความเชื่อมโยงทั้งสามเสาได้เป็นอย่างดี โดยคำนึงถึงการบรรลุผลประโยชน์ร่วมกัน (win-win cooperation) และสะท้อนถึงความต้องการที่แท้จริงของประเทศสมาชิก ACMECS นอกจากนี้ ยังมีความยินดีที่ภาคเอกชน ACMECS มีความตื่นตัว เพราะทราบมาว่าสภาธุรกิจ ACMECS ได้ประชุมและเตรียมพร้อมที่จะมานำเสนอข้อคิดเห็นของภาคเอกชน ACMECS ในวาระการประชุมต่อไปเช่นกัน การรวมตัวของ ในวันนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณสำคัญต่อประชาคมโลกว่า ACMECS พร้อมที่จะผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อเดินหน้าและกำหนดทิศทางขับเคลื่อนความร่วมมือของ ACMECS ในการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในอนุภูมิภาค โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง มั่นใจว่า หากสามารถร่วมมือกัน มีการสอดประสานกันด้านนโยบาย มีการเชื่อมต่อกับทุกภาคส่วน ACMECS จะกลายเป็นอนุภูมิภาคเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นกลจักรสำคัญของความกินดี อยู่ดีของโลกได้อย่างแท้จริง.- สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]