กก.ปฎิรูปตำรวจส่งผลสรุปให้นายกฯ

วปอ. 28 มี.ค.- คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจเตรียมส่งรายงานสรุปผลปฏิรูปต่อนายกรัฐมนตรี พรุ่งนี้ หลังใช้เวลาพิจารณากว่า 9 เดือน กำหนดให้ตั้งคณะกรรมการอิสระรับเรื่องร้องเรียนตำรวจ สรรหาจากฝ่ายพลเรือนเป็นหลัก พนักงานสอบสวนต้องมีอิสระในการทำหน้าที่รวบรวมหลักฐาน และมีหลักประกันในความเจริญก้าวหน้า เพิ่มค่าตอบแทนให้ตำรวจ และเพิ่มประสิทธิภาพมาตรฐานงานนิติวิทยาศาสตร์   


พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการฯ นัดสุดท้าย ว่า การทำงานของคณะกรรมการฯที่ผ่านมา ได้รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายมาโดยตลอด เพื่อนำผลมาสู่สาธารณชนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การพิจารณาแบ่งกลุ่มงาน 3 กลุ่ม คือ อำนาจหน้าที่ การสืบสวนสอบสวน และงานบริหารงานบุคคล ที่เกี่ยวข้องการแต่งตั้งโยกย้าย  ซึ่งได้ส่งผลงานไปตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องหลักคือเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  

พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า  ในส่วนกลุ่มงานด้านภารกิจหน้าที่และอำนาจ กำหนดให้กระจายอำนาจแบบบูรณาการ ซึ่งเชื่อมโยงกับการแต่งตั้งโยกย้าย รวมถึงมีการกระจายอำนาจเรื่องของงบประมาณและการปรับโอนภารกิจให้เหมาะสม เช่น หากเป็นงานโดยตรงของหน่วยงานนั้น ๆ ก็ให้หน่วยงานนั้นๆรับผิดชอบไป แต่หากเป็นความรับผิดชอบก่ำกึ่งระหว่างตำรวจและหน่วยงานนั้นๆ ก็จะให้ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ 


ประธานปฏิรูปตำรวจ กล่าวว่า ยังกำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระรับเรื่องร้องเรียนตำรวจ โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จะไม่ใช่ตำรวจเป็นส่วนใหญ่ จะเป็นฝ่ายพลเรือนที่ได้รับการสรรหามาอย่างเหมาะสม เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในเรื่องที่เกี่ยวกับการกระทำของตำรวจ และคณะกรรมการฯสามารถเสนอให้หน่วยงานลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ๆ ได้ ย้ำว่า จะเป็นคณะกรรมการฯ ที่มีความเป็นกลาง มีวุฒิภาวะและมีอำนาจ เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้

จากนั้น นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการบังคับใช้กฎหมายและระบบการสอบสวนในคดีอาญา ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวถึงผลสรุปเรื่องงานสืบสวนสอบสวนว่า การพิจารณาที่ผ่านมายึดตามรัฐธรรมนูญเป็นหลัก และรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายประกอบการพิจารณาอย่างละเอียด  โดยเรื่องสำคัญที่สุดคือ เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนซึ่งต้องแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจอิสระในการทำหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานโดยไม่อยู่ภายใต้อาณัติของบุคคลใด เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมาตลอดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวน

ดังนั้น ในรายงานของคณะกรรมการฯ จึงกำหนดว่า ต้องมีหลักประกันในความเจริญก้าวหน้าในการทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวน โดยปรับปรุงระบบการเลื่อนตำแหน่งต่าง ๆ ให้อยู่ในสัดส่วนของตนเอง ไม่ต้องไปแย่งของพนักงานสอบสวนสายป้องกันและปราบปราม ซึ่งข้อดีคือ จะทำให้พนักงานสอบสวนมีความเป็นมืออาชีพ เพราะเติบโตในสายงานหลัก ไม่ย้ายงานไปมา หรือไม่มีใครมาแทรกแซงการทำงานได้ เชื่อมั่นว่า เมื่อใช้บังคับระบบใหม่แล้ว พนักงานสอบสวนน่าจะพอใจที่จะมีหลักประกันและมีความภาคภูมิใจในการทำหน้าที่ 


นายธานิศ กล่าวว่า ต้องเพิ่มประสิทธิภาพและมาตรฐานระบบงานนิติวิทยาศาสตร์ให้ทัดเทียมนานาประเทศ แต่ด้วยข้อจำกัดมากมาย จึงไม่สามารถทำได้ทันทีได้ เนื่องจากสิ่งที่ตนได้รับการร้องขอมากที่สุดคือ การเก็บวัตถุพยานและการสร้างความมั่นใจว่าพนักงานสอบสวนที่ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุจะบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยเจตนาหรือโดยไม่เจตนาหรือไม่ เพราะอาจทำให้วัตถุพยานที่เก็บได้เกิดความผิดพลาด นำไปสู่ความไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ในคดีสำคัญใหญ่ ๆ ควรมีนักนิติวิทยาศาสตร์ร่วมไปสถานที่เกิดเหตุด้วย และพนักงานสอบสวนต้องได้รับการอบรมเรื่องการเก็บวัตถุพยาน มีระบบการลงชื่อเพื่อป้องกันการสับเปลี่ยนวัตถุพยาน สำหรับประเด็นเรื่องค่าตอบแทนของตำรวจนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้พิจารณาด้วยอารมณ์และความรู้สึก แต่นำงานวิจัยมานำเสนอเพื่อเปรียบเทียบกับตำรวจทั่วโลก 

“เราคาดหวังอะไรจากตำรวจมากมาย แต่เราให้เขาเพียงพอหรือไม่ ให้เขาเหมือนกับตำรวจสากลหรือไม่ ก่อนหน้านี้ ที่ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษา ผมไม่เคยมายุ่งเกี่ยว แต่เมื่อมาเป็นคณะกรรมการฯ จึงพบว่า ทำไมตำรวจต้องใช้เงินตัวเองเพื่อเติมน้ำมันเอง และทำไมตำรวจต้องซื้ออาวุธปืนเองในการปฏิบัติภารกิจ” นายธานิศ กล่าว

ด้านพล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการรับฟังความคิดเห็น ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวว่า ก่อนจะมีการแก้กฎหมาย คณะอนุกรรมการฯได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นทุกภูมิภาคทั่วประเทศ แล้วนำมาสรุปประมวลผลเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ เพื่อให้คณะกรรมการฯ รับทราบความต้องการการปฏิรูปตำรวจของประชาชน เตรียมนำกฎหมาย 4 ฉบับเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ แก้ไขเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายและค่าตอบแทน ต้องพิจารณาให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ และพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่และภารกิจของตำรวจ 28 ฉบับ รวมทั้ง กฎหมาย ป.วิอาญา ที่ให้พนักงานสอบสวนใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการตรวจดีเอ็นเอ คณะกรรมการฯ ได้ทำรายงานผล 700 หน้าเสนอต่อสาธารชนด้วย

นายศุภชัย ยาวะประภาษ คณะอนุกรรมการด้านวิชาการ ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวว่า คณะกรรมการฯมีข้อเสนอว่า ให้ยกระดับกองบังคับการสำนักงานยุทธศาสตร์ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกองบัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ไม่เช่นนั้น หลายเรื่องที่คิดกันมาจะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ พร้อมกันนี้ ยังเสนอให้มีการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบเรื่องการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ หรือ CPO ขณะที่บางเรื่องสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ก็ต้องรับไปขับเคลื่อนต่อด้วยเช่นกัน 

พลเอกบุญสร้าง กล่าวว่า การสร้างชาติต้องใช้เวลา การวาดตำรวจใหม่จากแผ่นกระดาษเปล่าง่ายกว่าการวาดรูปบนกระดาษที่ไม่ใช่กระดาษเปล่า ดังนั้น จึงต้องใช้เวลาเพื่อจัดระบบให้เอื้ออำนายให้มากที่สุด 

“กว่าจะทำกันมาก็ 9 เดือน เพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา แล้วคณะรัฐมนตรีจะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนส่งกลับมายังคณะรัฐมนตรี แล้วส่งไปยัง สนช. ดังนั้น ก็คงจะอีกหลายเดือนก่อนกฎหมายจะออก และเมื่อกฎหมายออกไปแล้ว ก็จะต้องมีอนุบัญญัติ กฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าหน่วยงานต่าง ๆ จะนำไปสู่การปฏิบัติ อาจจะหลายเดือน เป็นปี หรือปีกว่า ๆ หลังจากเข้าสู่ระบบการปฏิบัติแล้ว จะปฏิบัติได้ดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพขององค์กรนั้น ๆ และก็ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยของบุคลาการที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนหรือไม่ ถึงแม้จะใช้เวลาหน่อยแต่จะดีขึ้นทุกปี เรามีความหวังและเราจะรู้สึกดีขึ้น เหมือนเรือที่วิ่งใกล้เข้าสู่จุดหมายทุกที จะเร็วจะช้าขึ้นอยู่กับหลายอย่าง รวมทั้งสื่อมวลชนและประชาชนที่จะเอื้อข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจ ประชาชนก็ต้องพยายามทำตามกฎหมาย เป็นตำรวจอยู่ในตัวเองด้วย จะไกลแค่ไหนอยู่ที่เราจะก้าวเร็วหรือก้าวช้า” พล.อ.บุญสร้าง กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.อ.บุญสร้างได้ลงนามในผลรายงานสรุปการปฏิรูปตำรวจเสนอให้นายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) แล้ว.- สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]