ออสเตรเลีย 18 มี.ค. – นายกฯพบคนไทยในออสเตรเลีย ขออย่าลืมความเป็นไทยยืนยันไม่ได้ปกป้องพี่น้องหากทุจริต ย้ำไม่ได้ใช้กฎหมายกลั่นแกล้งใคร รับคนที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ ถ้าเปลี่ยนพาสปอร์ตตามไม่ได้ พร้อมเตรียมเรียกพรรคการเมืองคุยแนวทางพัฒนาประเทศเดือนมิ.ย. เพื่อสลายขั้ว
“ดาวี ไชยคีรี” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ซึ่งติดตามภารกิจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประชุมสุดยอดอาเซียน – ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ 2018 ระหว่างวันที่ 17-18 มีนาคม ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย รายงานว่าพลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวกับตัวแทนชุมชนคนไทยประมาณ60 คนที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย โดยขอบคุณที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในออสเตรเลีย พร้อมขอให้ช่วยกันสร้างการรับรู้ที่ดีในต่างประเทศ แม้จะได้สัญชาติออสเตรเลียก็ขอให้อย่าลืมประเทศไทย ต้องยึดมั่น ชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งขณะนี้ปัญหาความวุ่นวายในประเทศลดลงไปมาก ตั้งแต่ที่ตนเข้ามาแก้ปัญหา ยืนยันรัฐบาลพยายามดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาทุกเรื่องและวางโครงสร้างประเทศไว้โดยจะเห็นชัดใน4-5ปีข้างหน้า
“เราต้องลดราวาศอก ในประเทศก็ลดราวาศอกไปเยอะเพราะมีกรรมการใหญ่ คือผมเอง เรื่องในประเทศไม่ต้องกังวล แต่ให้ช่วยดูด้วยว่าใครมาเร่ร่อนแถวนี้ ผมไม่ได้พูดถึงคนใดคนหนึ่ง 4ปีที่ผ่านมาผมไม่ได้พัก ไม่ได้ไปไหนเลย ไม่เคยไปเดินห้างครอบครัว เดี๋ยวไปแล้วเกิดมีใครเอาอะไรมาขว้างผมก็เสียชื่อแล้ว ผมก็ยอมเพราะตัดสินใจมาแล้ว แต่จากนี้จะเละอีกหรือไม่ ผมไม่รู้ ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกี่ร้อยประยุทธ์ก็ทำไม่ได้ ไม่ใช่ผมหลงตัวเอง แต่ประเมินจากต่างประเทศเขายอมรับ แต่ก่อนเขาคิดว่าผมโง่ วันนี้อียูก็ไม่รังเกียจผมแล้ว เว้นคนไทยบางคนที่รังเกียจผมอยู่”นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรียังถึงปัญหาการทุจริตในประเทศไทยว่ามีมานานแล้ว และต้องแก้ไข เพราะเป็นการทุจริตงบประมาณแผ่นดิน ยืนยันส่วนตัวไม่ได้ปกป้องพี่น้อง พร้อมย้ำในโครงการรับจำนำข้าวไม่ได้กลั่นแกล้งใครแต่เป็นการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
“เรื่องทุจริตมีมานานแล้ว ผมก็รื้อขึ้นมา ดูจากงบประมาณที่โดนโกงและถูกปกปิด ผมจัดการคนโกง เงินหลวงและที่บอกว่าผมปก ปิด ปกป้อง บอกว่ารักพี่รักน้อง อันนั้นเป็นอีกเรื่องเขาเอามาใส่จากไหนก็ต้องตอบคำถาม ป. ป.ช. เองดูแล้วเขาไม่ได้โกงเงินหลวง แต่คนโกงผมก็ต้องจัดการ ส่วนบางคนถ้าไม่ผิดก็คงไม่ต้องหนี ผมไม่ได้แกล้งเขา แต่ให้ดำเนินการตามกระบวนการ ส่วนคนที่หนีคดี อยู่ต่างประเทศ ถ้าเปลี่ยนพาสปอร์ตคงไม่สามารถตามได้ เพราะต่างประเทศอาจมองเป็นเรื่องการเมือง แต่คนหนีคงไม่มีความสุข เพราะกลับบ้านไปหาพี่น้องไม่ได้ แม้จะกลับไปตายประเทศไทยก็ไม่ได้ ส่วนที่ให้อินเตอร์โพลตามต้องให้เขาตอบมาก่อนว่าอยู่ประเทศไหน หากไม่แจ้งก็ทำอะไรไม่ได้ จับเองก็ไม่ได้ จับมาได้น้อยมาก“นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่าช่วงเดือนมิถุนายน จะเรียกทุกพรรคมาพูดคุย และสอบถามทุกพรรคว่าจะมีแนวทางในการพัฒนาประเทศอย่างไร และเห็นว่าการเมืองไทยต่อไปฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องเดินไปด้วยกันเชื่อมต่อกันสลายขั้ว เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน เท่าเทียมทั่วถึง พร้อมขอให้เชื่อมั่นในตนเอง .-สำนักข่าวไทย
