เพื่อไทยค้านเลื่อนบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งส.ส.

พรรคเพื่อไทย 24 ม.ค.- พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์คัดค้านเลื่อนบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งส.ส. ระบุขัดรัฐธรรมนูญ ทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของผู้มีอำนาจ และสืบทอดอำนาจ


พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอคัดค้านการเลื่อนระยะเวลาการบังคับใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  

ตามที่คณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ…. ได้มีมติเสียงข้างมากแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา  2 ของร่างกฎหมายดังกล่าว โดยให้กฎหมายมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นเวลา 90 วัน นับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ ในวันที่ 25 มกราคม 2561 นั้น 


พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การมีมติของคณะกรรมาธิการขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยมีวาระทางการเมืองแอบแฝง เป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและทำเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มผู้มีอำนาจ เปิดช่องให้มีการสืบทอดอำนาจและอยู่ในตำแหน่งต่อไป เป็นการกระทำที่ขาดความชอบธรรม และขาดความรับผิดชอบต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และขาดเหตุผลรองรับอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ 

1 คสช. ได้ใช้กลไกและเทคนิคหรืออภินิหารทางกฎหมาย หลายครั้งที่ทำให้เข้าใจ    ได้ว่าต้องการอยู่ในอำนาจให้ยาวนานที่สุด เริ่มตั้งแต่การที่ สปช. มีมติล้มร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างโดยคณะกรรมาธิการยกร่าง ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน ทำให้นายบวรศักดิ์ ฯ ต้องออกมาพูดถึงเหตุผลของเรื่องดังกล่าวทำนองว่า เพราะเขาต้องการอยู่ยาว ต่อมาเมื่อมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ก็ได้วางกลไกในรัฐธรรมนูญให้ระยะเวลาของการเลือกตั้งยืดยาวออกไป เช่น การจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญของ กรธ. ก็ใช้เวลาถึง 240 วัน ไม่รวมระยะเวลาการพิจารณาของ สนช. และองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้อง 

ต่างกับการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวได้กำหนดให้จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่จำเป็นต่อการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับจากวันที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ (ไม่ต้องรอให้รัฐธรรมนูญประกาศใช้) ขณะเดียวกัน คสช. ก็ใช้อำนาจในการออกประกาศ และคำสั่ง ห้ามพรรคการเมืองดำเนินการทางการเมืองตั้งแต่เมื่อมีการยึดอำนาจการปกครองเป็นต้นมา


นอกจากนี้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน 150 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับมีผลใช้บังคับแล้ว ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ขณะที่ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ภายใน 90 วัน  

และดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่ง ส.ว. ภายใน 150 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ใช้บังคับ เมื่อพิจารณากรอบเวลาดำเนินการแล้วจะแตกต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ถ้า คสช. และ กรธ. เห็นว่าการเลือกตั้งมีความสำคัญก็ต้องจัดให้มีกฎหมายทั้ง 4 ฉบับก่อน แต่กลับได้รับการพิจารณาหลังสุด ทั้งที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ได้ให้ความสำคัญต่อกฎหมายทั้ง 4 ฉบับไว้เป็นลำดับต้น ๆ 

2 เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ประกาศใช้แล้ว     ซึ่งกฎหมายได้กำหนดให้พรรคการเมืองที่มีอยู่ คงเป็นพรรคการเมืองต่อไป และรับรองสมาชิกพรรคให้เป็นสมาชิกพรรคต่อไป และได้กำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินงานด้านธุรการของพรรคเพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง แต่ คสช. และ กกต. กลับตีความว่าประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองมีผลใช้บังคับอยู่ ทำให้พรรคการเมืองไม่อาจปฏิบัติตามกฎหมายได้ 

แทนที่ คสช. จะยกเลิกประกาศและคำสั่งดังกล่าว กลับออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 ยกเลิกสมาชิกพรรคและสาขาพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมและกำหนดเงื่อนไขและกรอบเวลาดำเนินการของพรรคการเมืองเสียใหม่ ซึ่งมีแต่เกิดผลเสียต่อพรรคการเมืองเดิม ขณะเดียวกันกลับเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มการเมืองที่เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อรองรับการสืบทอดอำนาจของผู้นำ คสช. โดยมิได้ให้ความสำคัญว่า คำสั่งดังกล่าวจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญอย่างไร และกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของสมาชิกพรรคและพรรคการเมืองอย่างไร 

3 ระหว่างมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ของ สนช. คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กลับเสนอให้มีการเลื่อนระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไปอีก 90 วัน โดยอ้างเรื่องเงื่อนไขและกรอบเวลาตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่  53/2560  จะเป็นปัญหาต่อพรรคการเมือง ซึ่งพรรคเห็นว่ามติดังกล่าวขาดความชอบธรรมและเหตุผลรองรับ ดังนี้

3.1 เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 ที่กำหนดให้จัดการเลือกตั้งภายใน  150 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ฉบับมีผลใช้บังคับแล้วนั้น ถือว่ามีความสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับเงื่อนเวลาดังกล่าว การที่ กมธ. กำหนดให้ขยายระยะเวลาการมีผลใช้บังคับของกฎหมายออกไป 90 วัน ถือเป็นการจงใจที่จะฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และมิใช่เป็นการใช้อภินิหารทางกฎหมายเท่านั้นแต่ถือเป็น “การโกงกฎหมาย” ทีเดียว

3.2 ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 ไม่มีข้อใดที่ กมธ. จะยกเป็นข้ออ้างเพื่อขยายระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไปได้ แต่ตรงกันข้ามเมื่อดูตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ข้อ 8 ที่กำหนดให้วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ใช้บังคับเป็นเงื่อนไขสำคัญของการยกเลิกประกาศ คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. ซึ่งรวมถึงประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ด้วย ดังนั้น การเลื่อนระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไป 90 วัน จะทำให้การปลดล็อคพรรคการเมืองเพื่อจัดประชุมใหญ่ เพื่อแก้ไขข้อบังคับ การเลือกกรรมการบริหาร และจัดตั้งสาขาพรรค รวมถึงการรับสมัครสมาชิกพรรคใหม่ต้องเลื่อนออกไปอีก 90 วัน ด้วย  

3.3 การขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไป 90 วัน จะส่งผลกระทบหลายด้านตามมา ประการแรก ทำให้ประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป พรรคการเมืองยังไม่สามารถดำเนินกิจการของพรรคการเมืองได้ และประชาชนก็ยังถูกห้ามชุมนุมทางการเมืองต่อไป ประการที่สอง พรรคการเมืองก็ยังไม่สามารถที่จะประชุมเพื่อแก้ไขข้อบังคับ เลือกกรรมการบริหาร และจัดตั้งสาขาพรรค รวมถึงดำเนินการอื่น เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งได้ จนกว่าจะครบเวลา  90 วัน ที่ขยายออกไปและ คสช. ยกเลิกประกาศทั้ง 2 ฉบับแล้ว 

3.4  การขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไป ทำให้ คสช. สนช. รวมถึง องค์กรในเครือข่ายของ คสช. ได้อยู่ในอำนาจต่อไป เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง และได้รับผลตอบแทนจากงบประมาณแผ่นดินในหลายตำแหน่ง เปิดโอกาสให้หัวหน้า คสช. ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้ทรัพยากรของรัฐในการหาเสียงล่วงหน้าต่อไปได้เรื่อยๆ  

4. การขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายเป็นการเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนนอกต่อไป เพราะนอกจากกลุ่มการเมืองนี้จะได้ประโยชน์จากคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 โดยสามารถจัดประชุม จัดหาสมาชิก หรือผู้มีอุดมการณ์ร่วมกัน การเตรียมผู้สมัคร ซึ่งอาจรวมถึงการหาเสียงล่วงหน้าได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2561 

การขยายเวลาไปอีก 90 วัน ย่อมทำให้กลุ่มการเมืองนี้ มีเวลาเตรียมการสำหรับส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งถึงหนึ่งปีเต็ม ขณะที่พรรคการเมืองเดิมยังไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ จนกว่าจะมีการยกเลิกประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 และจะยกเลิกประกาศและคำสั่งดังกล่าวได้ ต่อเมื่อมีการประกาศใช้กฎหมายเลือกตั้งแล้ว เมื่อมีการยืดเวลาบังคับใช้กฎหมายต่อไปเท่าใดก็จะมีผลกระทบต่อพรรคการเมืองเดิมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น 

5. เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า คสช. และแม่น้ำ 5 สาย พยายามทุกวิถีทางที่จะใช้อำนาจและกระบวนการทางกฎหมายที่พวกตนสร้างขึ้นทั้งหมด รวมทั้งอำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ในการออกคำสั่งที่มีผลกระทบต่อการจัดการเลือกตั้งและต่อพรรคการเมืองโดยตรงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองให้กับ คสช. และกลุ่มการเมืองที่สนับสนุน คสช. ขณะที่พรรคการเมืองเดิมไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองใดได้เลย ย่อมเห็นได้ชัดเจนว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นย่อมมิได้เป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรมตามหลักการสากลอย่างแน่นอน 

6. การที่หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศไว้ต่อประชาชนและนานาชาติและยืนยันคำประกาศดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน  2561 การเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งออกไปจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ทั้งในประเทศ และต่อนานาชาติอย่างมีนัยสำคัญ พรรคเพื่อไทยจึงขอคัดค้าน และไม่เห็นด้วยต่อการเลื่อนระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไปอีก  90 วัน หรือจะกี่วันก็แล้วแต่ และขอเรียกร้องให้องค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย หยุดทำร้ายประเทศด้วยกระบวนการโกงกฎหมายอีกต่อไป และเร่งคืนอำนาจให้กับประชาชนตามโรดแมปที่ประกาศไว้  พรรคเพื่อไทย   24 มกราคม 2561.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]