ผลสอบน้องเมย เสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว

กองบัญชาการกองทัพไทย 15 ธ.ค.- ผลสอบ “น้องเมย”  ไม่ได้เสียชีวิตด้วยการถูกทำร้ายร่างกาย แต่เกิดจากหัวใจล้มเหลว พบก่อนเสียชีวิตตกบันได มีการเจ็บหน้าอกบ่อย ๆ เผยซี่โครงหักเพราะทำซีพีอาร์ช่วยชีวิต 4 ชั่วโมง ตามที่ผู้ปกครองร้องขอ  ย้ำไม่เชิญผู้ปกครองฟังแถลงผลสอบเพราะไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ไม่หวั่นหากผลสอบแย้งกับหน่วยงานอื่น


เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหาร ภัคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย แถลงสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า ตามที่ พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ 11 คน  ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ นตท.ภัคพงศ์ในช่วงเวลาก่อนเสียชีวิต  เพื่อหาสาเหตุที่อาจทำให้ นตท.ภัคพงศ์เสียชีวิต  จึงได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์แต่ละช่วงเวลาจำนวน 42 คน  มาให้ปากคำ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม

คือ 1.นักเรียนเตรียมทหาร 22 คน ประกอบด้วย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 3  จำนวน 13 คน  และนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 จำนวน 9 คน  2.แพทย์ 5 คน  ประกอบด้วย แพทย์จากกองแพทย์ทหาร โรงเรียนเตรียมทหาร จำนวน 3 คน  แพทย์โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า 1 คน และแพทย์ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า 1 คน  3. ผู้ที่อยู่ในโรงเรียนเตรียมทหาร จำนวน 7 คน  ประกอบด้วย นายทหารปกครอง 4 คน  อาจารย์ประจำชั้น 1 คน  และครูพละ 2 คน    4.ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ จำนวน 8 คน ประกอบด้วย ผู้ช่วยนายทหารยกกระบัตร 1 คน  พลขับรถพยาบาล 2 คน  เวรประจำวันกองแพทย์ 3 คน  พนักงานบริการและเจ้าหน้าที่โรงเรียน 2 คน


พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้สอบถามข้อเท็จจริงในทุกเหตุการณ์อย่างละเอียด ผู้ให้ปากคำทุกรายมีความสมัครใจและทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบทางราชการ  เหตุการณ์ที่ 1  คือวันที่ 17 ตุลาคม 2560  ซึ่งเป็นวันที่ นตท.ภัคพงศ์เสียชีวิต  พบว่าในวันดังกล่าว นตท.ภัคพงศ์พักรักษาตัวอยู่ที่กองแพทย์โรงเรียนเตรียมทหาร  มีเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารที่ป่วยพักฟื้นร่วมที่กองแพทย์ 7 คน  โดยในเวลา 09.15 น. วันที่ 17 ตุลาคม  2560  นตท.ภัคพงศ์ได้เดินออกจากกองแพทย์พร้อมเพื่อนไปเอาของใช้ส่วนตัวที่อาคารกองพันที่ 2  จากภาพกล้องวงจรปิดที่อาคารกองพันพบว่า นตท.ภัคพงศ์แต่งกายชุดฝึกมือถือตะกร้าผ้า ซึ่งในวันดังกล่าวเป็นวันฝึกวิชาทหารของนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1  โดยขากลับมากองแพทย์ นตท.ภัคพงศ์เดินกลับมาคนเดียวเพราะเพื่อนกลับมาก่อน  

จากนั้นเวลา 10.23 น.  มีนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เดินออกจากกองแพทย์พบเห็นนตท.ภัคพงศ์กำลังวิ่งช้าๆ สวนทางกลับมากองแพทย์แล้วเป็นลมล้มลงคล้ายกับมีอาการ Hyperventilation (HV) ซึ่งนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 คนดังกล่าวทราบดี เพราะเคยเป็นมาก่อน จึงไปตามเจ้าหน้าที่กองแพทย์มาพาไปรักษาพยาบาลที่กองแพทย์  จนอาการกลับเป็นปกติและรักษาตัวอยู่ที่กองแพทย์   ในเวลา 12.00 น. จากการสอบถามเพื่อนที่ป่วยอยู่ด้วยกันระบุว่า นตท.ภัคพงศ์ไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารกองแพทย์ได้ตามปกติ  ในเวลา 12.40 น.  ทางผู้บังคับกองพันที่ 2 เดินทางมาสอบถามอาการ และต่อโทรศัพท์ของตนเองให้ นตท.ภัคพงศ์พูดคุยกับมารดา

พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า  ต่อมาเวลา 15.13 น. นตท.ภัคพงศ์ได้พูดคุยกับผู้ปกครองโดยใช้โทรศัพท์สาธารณะ  จากภาพวงจรปิดพบว่าเมื่อโทรศัพท์เสร็จแล้วได้เดินกลับเข้าห้องพักฟื้นที่กองแพทย์  โดยมือขวากุมที่อกด้านซ้าย เป็นที่น่าสังเกตุว่าหลังเวลา 14.58 น.  นตท.ภัคพงศ์มีลักษณะการเดินใช้มือขวากุมอกด้านซ้ายอยู่บ่อยครั้ง  จากนั้นเวลา 16.00 น. นตท.ภัคพงศ์ได้พูดคุยปรับทุกข์กับเพื่อนสนิท  2 คน ว่ามีอาการเครียดสูง  ต่อมาเจ้าหน้าที่กองแพทย์ที่มีความคุ้นเคยกับ นตท.ภัคพงศ์และผู้ปกครองได้เข้ามาห้องพักฟื้นเพื่อนำโทรศัพท์มือถือมาให้ นตท.ภัคพงศ์ ใช้ติดต่อกลับหาบิดา  เนื่องจากบิดาโทรหาเจ้าหน้าที่กองแพทย์คนดังกล่าวและวานให้นำโทรศัพท์มือถือมาให้ นตท.ภัคพงศ์  


ซึ่งก่อนที่จะรับโทรศัพท์มือถือ นตท.ภัคพงศ์ได้เซและล้มลง  มีอาการเกร็งลักษณะ HV ที่มีอาการรุนแรง  เพราะเกร็ง หายใจแรงและถี่ พร้อมกับพ่นน้ำลายออกมาเป็นระยะต่อหน้าเพื่อน 4 คน มีการตามแพทย์มารักษา เห็นว่าอาการไม่ดีขึ้นจึงนำส่งโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า  เวลา 16.30 น.  รถโรงพยาบาลมาถึงโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า  แพทย์ได้ทำการปั้มหัวใจ นตท.ภัคพงศ์  แต่อาการไม่ดีขึ้น ทางแพทย์จึงได้แจ้งผู้ปกครองทราบ  ซึ่งผู้ปกครองขอให้แพทย์ปั้มหัวใจต่อเนื่องจนกว่าผู้ปกครองจะมาถึงโรงพยาบาลฯ  โดยผู้ปกครองมาถึงในเวลา 19.30 น.  รวมเวลา 4 ชั่วโมง ใช้เจ้าหน้าที่หมุนเวียนประมาณ 20 คน

ต่อมา 20.00 น. แพทย์จึงลงความเห็นว่าเสียชีวิต  พร้อมกับดำเนินการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ปกครองได้ให้ความเห็นชอบในการชันสูตรโดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่โรงเรียนเตรียมทหารนำศพส่งสถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า  โดยศพของ นตท.ภคพงศ์ ถึงสถาบันพยาธิวิทยาเวลา 01.00น. วันที่ 18 ตุลาคม 2560  จากนั้นเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนทางการแพทย์ในการชันสูตรหาสาเหตุตายที่แท้จริง

พล.อ.อ.ชวรัตน์  กล่าวว่า จากการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวผลการสอบผู้ที่เกี่ยวข้องและภาพจากกล้องวงจรปิด  ไม่ปรากฏว่าตลอดทั้งวันของวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ นตท.ภคพงศ์เสียชีวิตได้ถูกผู้หนึ่งผู้ใดลงโทษหรือถูกทำร้ายร่างกาย  โดยมีพยานให้ข้อมูลตรงกันว่าตลอดทั้งวัน  เว้นช่วงเป็นลมบริเวณทางขึ้นกองแพทย์โดยเฉพาะในช่วงบ่ายของวันที่ 17 ตุลาคม 2560  นตท.ภัคพงศ์สามารถพูดและเดินได้ปกติดีทุกอย่าง  เว้นแต่มีอาการเครียดสูงภายหลังจากโทรศัพท์พูดคุยกับทางผู้ปกครองและได้หมดสติไปเอง  ต่อหน้าพยานซึ่งล้วนเป็นเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 รุ่นเดียวกัน จึงเชื่อได้ว่าในวันที่ 17 ตุลาคม 2560  ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดลงโทษหรือทำร้ายร่างกาย นตท.ภัคพงศ์จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต  

พล.อ.อ.ชวรัตน์  กล่าวว่า  เหตุการณ์ที่ 2 จากการเล่าถึงเรื่องพบรอยฟกช้ำตามร่างกายจากการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่อาจเกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บและการฟกช้ำ   ได้ความว่าในวันที่ 10 ตุลาคม 2560 เวลาประมาณ 15.51 น. นตท.ภคพงศ์เสร็จจากการเรียนพละศึกษาที่ชั้น 2 อาคารกองพลศึกษา  ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้เห็นภาพ นตท.ภคพงศ์วิ่งผ่านไปลงบันไดเพียงลำพัง  หลังจากเลิกเรียนเพื่อกลับไปที่กองพัน แต่ได้ลื่นเสียหลักจากพื้นอาคารชั้น 2  ตกมายังชานพักบันได ซึ่งมีบันได 8 ชั้น มีความสูงประมาณ 1.5 เมตร  

เพื่อนนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่ตามมาได้ยินเสียงจึงเข้าช่วยเหลือ  ขณะเดียวกันมีครูพละ 2 คนซึ่งอยู่ชั้นล่างได้เดินขึ้นมาดู  และพบว่า นตท.ภคพงศ์นอนตะแคงด้านซ้ายมือกุมหน้าอกเพื่อนและครูพละจึงร่วมให้การช่วยเหลือ  โดยตรวจการบาดเจ็บและสอบถามอาการ นตท.ภคพงศ์ ซึ่งได้ตอบว่ามีอาการจุกบริเวณหน้าอก  ครูพละและเพื่อนนักเรียนจึงใช้รถส่วนตัวของครูพาไปส่งที่กองแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย  ทางแพทย์ตรวจร่างกายภายนอกไม่พบบาดแผลและได้นำส่งโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า  เพื่อตรวจหาอาการบาดเจ็บโดยละเอียดอีกครั้ง  ซึ่งผลการตรวจไม่พบบาดแผลภายนอก  เมื่อทำการเอ็กซเรย์ไม่พบว่ามีการบาดเจ็บภายใน  จึงให้กลับมาที่พักกองแพทย์  และในวันที่ 12 ตุลาคม 2560  นตท.ภคพงศ์ออกจากโรงเรียนกลับมาพักที่บ้านและทราบจากสื่อมวลชนว่าผู้ปกครองก็ได้นำไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยผลการตรวจไม่มีสิ่งผิดปกติและได้กลับเข้าโรงเรียนในเย็นวันที่ 15 ตุลาคม 2560

พล.อ.อ.ชวรัตน์  กล่าวว่า ในเหตุการณ์นี้  ข้อมูลที่ได้จากผู้เกี่ยวข้องและภาพจากกล้องวงจรปิดพบ  ว่านตท.ภคพงศ์ลื่นหล่นบันไดด้วยตนเอง  สาเหตุเพราะเร่งรีบลงบันไดกลับกองพัน  ทำให้มีอาการบาดเจ็บ ตรวจไม่พบบาดแผลบริเวณร่างกายหรือศีรษะ  มีการตรวจเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลตอมเกล้าและโรงพยาบาลภายนอกโดยผลการตรวจปกติ  

“จากทั้ง 2 เหตุการณ์คณะกรรมการฯ จึงสรุปได้ว่าการเสียชีวิตของ นตท.ภัคพงศ์ ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดสั่งลงโทษหรือทำร้ายร่างกายอันจะเป็นเหตุให้เสียชีวิต และจากผลการตรวจของสถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้าฯ  สรุปผลในภาพรวมได้ว่าไม่พบร่องรอยที่ชัดเจนว่าถูกทำร้าย  ส่วนกรณีซี่โครงด้านขวาซี่ที่ 4หักนั้น  แพทย์ไม่ตัดประเด็นการปั้มหัวใจที่ต้องใช้แรงกดคลึงกระแทกและใช้เวลานานถึง 4 ชั่วโมง  ประกอบกับได้พบว่าเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนมีขนาดผิดปกติ และพบหย่อมการตายของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจเล็กน้อย  ซึ่งไม่ค่อยตรวจพบบ่อยนักในคนอายุ 18 ปี  ทางแพทย์จึงสรุปสาเหตุการเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ว่าเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน”พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าว

พล.อ.อ.ชวรัตน์  ยังชี้แจงด้วยว่า สรุปว่า เป็นโรคหัวใจมาก่อนหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะ หากเป็นมาก่อนแต่มาตรวจพบก็ไม่น่าจะผ่านเข้ามาเรียนได้ รวมทั้งหากพบในช่วงที่เป็น นตท. ก็ต้องพ้นสภาพ  ทั้งนี้โรคหัวใจสามารถเป็นได้ แม้แต่นักกีฬาที่แข็งแรง  รวมทั้งที่ทราบว่ามีการตรวจรักษาก่อนหน้าที่จะเข้าเรียนเตรียมทหารหรือไม่  ส่วนประเด็นที่พูดคุยกับผู้ปกครองจนเกิดความเคลียดนั้น ทางคณะกรรมการไม่ทราบหัวข้อการสนทนา ทราบจากเพื่อนว่าคุยแล้วเครียด

ส่วนประเด็นพื้นที่ห้ามเดินผ่าน ที่มีในบันทึกของ  นตท.ภคพงศ์  พล.อ.ชวรัตน์ ชี้แจงว่า เรื่องพื้นที่ห้ามเดินผ่านมีทุกสถาบัน ที่จำกัดขอบเขตให้รู้ถึงสิทธิของตัวเอง  การเคารพสิทธิ์   เคารพกติกา ความรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง  ซึ่งการถูกซ่อม  นตท.  ภคพงศ์  เกิดจากในวันที่  16 ตุลา  2560  นักเรียนทั้งกองร้อยเดินแถวไม่เรียบร้อย จึงได้มีการลงโทษให้วิ่งรอบโรงอาหาร แต่ นตท.ภคพงศ์  และเพื่อนวิ่งตัดท้ายแถว จึงถูกให้กระโดดกบ  20 เมตร  และให้ทำการขอบคุณนักเรียนผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นประเพณีของนักเรียนเตรียมทหารที่จะต้องขอบคุณหลังจากถูกลงโทษ

แต่นตท.ภคพงศ์ ไม่พอใจ  นักเรียน ผู้บังคับบัญชาจึงให้พุ่งหลัง  ซึ่งเมื่อได้ทำไม่เกิน 2 นาที จึงฟลุ๊ค  หายใจถี่   และมือจีบ   จึงได้ส่งโรงพยาบาล  อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการสั่งลงโทษให้พุ่งหลัง ไม่น่าเกิดการปฏิบัติที่เกินกำลัง ประกอบกับในโรงเรียนเตรียมทหารมีป้ายแปะไว้ให้เห็นชัดเจนถึงท่าที่กำหนดให้ใช้ลงโทษได้ ซึ่งไม่รวมถึงท่าปักหัว  ซึ่งเป็นท่าห้ามในการใช้ลงโทษ

เมื่อถามว่า สาเหตุที่ไม่เชิญครอบครัวของ นตท.ภคพงศ์  มาร่วมรับฟังการแถลงพร้อมสื่อมวลชน  พล.อ.อ.ชวรัตน์  กล่าวว่า เราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง  จึงไม่ต้องการตอบโต้กันไป-มา  แต่ที่ได้แถลงมาทั้งหมดจะมีการแจ้งให้กับผู้ปกครองได้รับทราบ อย่างไรก็ตาม หากผลการสอบสวนของคณะไปแย้งกับผลการตรวจสอบของหน่วยงานอื่น ๆ ก็เป็นการตรวจสอบของหน่วยงานนั้น ๆ

เมื่อถามว่าหากญาติไม่เชื่อว่าสมอง   หัวใจ  และดีเอ็นเอ  เป็นของนตท.ภคพงศ์  พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า เราไม่ได้เป็นคนเก็บรักษา ต้องไปสอบถามสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เอง ไม่เกี่ยวกับกองทัพไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการแถลงผลการสอบสวนวันนี้ ใช้เวลา กว่า 1 ชั่วโมง พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สอบถามอย่างละเอียด โดยมีสื่อจากทุกแขนงเข้ารับฟังการสอบสวน.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]