กรุงเทพฯ 18 ต.ค. – เจโทรเผยนักลงทุนญี่ปุ่นมีแนวโน้มลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น จากนโยบายภาครัฐตอบโจทย์ด้านการลงทุน และระบบโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
นายฮิโรคิ มิทสึมะตะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ เปิดเผยถึงผลสำรวจแนวโน้มการลงทุนของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยปี 2560 ว่า มีบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย 5,444 บริษัท เพิ่มขึ้น 877 บริษัท เทียบกับการสำรวจครั้งก่อนปี 2557 โดยแนวโน้มบริษัทที่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่ภาคการผลิตมีสัดส่วนสูงกว่าอุตสาหกรรมการผลิตอย่างชัดเจน แบ่งเป็นบริษัทในอุตสาหกรรมการผลิตร้อยละ 43.09 และบริษัทในอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่ภาคการผลิต ยกเว้นภาคเกษตรกรรมและก่อสร้าง คิดเป็นร้อยละ 53.01 ซึ่งประเภทธุรกิจพบมากสุดในอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่ภาคการผลิต คือ การค้าส่ง 1,278 บริษัท รองลงมา การบริการเฉพาะทาง 256 บริษัท
ทั้งนี้ ปัจจัยที่นักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น เพราะนโยบายของไทยสนับสนุนให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่องและเสรี โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่พร้อมกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่จากญี่ปุ่น อีกทั้งฐานการผลิตของไทยมีความพร้อมในหลายอุตสาหกรรม ทำให้การหาวัตถุดิบทำได้ง่ายและไม่ต้องนำเข้า รวมถึงชุมชนญี่ปุ่นที่เข้ามาประกอบธุรกิจในไทยอย่างยาวนาน ทำให้การทำธุรกิจง่าย
สำหรับจังหวัดที่มีการลงทุนสูงสุด 10 อันดับแรก คือ อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 52.2 จำนวน 2,840 บริษัท รองลงมาจังหวัดที่ห่างจากกรุงเทพฯ ด้วยการเดินทางด้วยรถยนต์ 1 – 2 ชั่วโมง ประกอบด้วย ชลบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี อยุธยา ระยอง ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สมุทรสาคร และนนทบุรี ตามลำดับ
ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ 2,288 บริษัท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.1 จากปี 2557 รองลงมา บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม 1,859 บริษัท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.9 จากปี 2557 และบุคคลธรรมดา 513 บริษัท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากปี 2557 ส่วนที่เหลืออีก 784 บริษัทยังไม่สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้
อย่างไรก็ตาม การลงทุนโดยตรงสะสมจากญี่ปุ่นมาไทยถึงปี 2559 พบว่าอยู่ที่ 53,561 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่ามากที่สุดในอาเซียน แบ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตอยู่ที่ 34,131 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่ภาคการผลิต 19,430 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาสิงค์โปร์ 39,649 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทยปี 2559 มีมูลค่ารวม 197,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอันดับ 1 ยังคงเป็นญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนถึงร้อยละ 36.2 รองลงมาสิงคโปร์ร้อยละ 14.8 และยุโรป 14.3
สำหรับตัวเลขการอนุมัติการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ปี 2559 พบว่า ญี่ปุ่นได้รับการอนุมัติลงทุนวงเงิน 79,629 ล้านบาท ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 พบว่าญี่ปุ่นได้รับการอนุมัติคิดเป็นวงเงินลงทุน 49,680 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลังจากการสำรวจกลุ่มบริษัท 600 บริษัทพบว่ากว่าร้อยละ 44 ตอบว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเติบโตมากกว่าปี 2559 หรือไม่
ขณะที่หลังจากคณะนักลงทุนญี่ปุ่นที่มาเยือนไทยเมื่อเดือนที่แล้ว แสดงท่าทีพอใจอย่างมาก ซึ่งมั่นใจว่าบริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนในไทยอยู่แล้วจะขยายการลงทุนต่อเนื่อง ขณะเดียวกันนักลงทุนญี่ปุ่นรายใหม่ก็มีความเชื่อมั่นเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่นักลงทุนญี่ปุ่นยังติดตามมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลไทยจะออกมาเพื่อกระตุ้นการลงทุนอย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย
