วงสัมมนานักกฎหมายไทย 4.0 จี้มหาวิทยาลัยปรับหลักสูตร

กทม. 22 ก.ค.-สมาคมนิติศาสตร์ มธ. จัดสัมมนา
‘นักกฎหมายไทย
4.0’ คณบดีนิติศาสตร์ ม.สยาม
ชี้มหาวิทยาลัยตั้งปรับตัว-แต่ห้ามลืมจรรยาบรรณ
ผู้พิพากษาเผยศาลยุติธรรมนำร่องใช้ระบบ
e-Court แล้ว-ฟ้องผ่านเน็ตได้
เล็งสืบพยานผ่านจอภาพ-เก็บสำนวนในระบบดิจิตอล
อาจารย์นิติฯมธ.ชี้ต้องวางระบบป้องกันสูงกันถูกแฮ็ก
ปรับหลักสูตรใหม่รองรับดิจิตอล-ผลักดัน นศ.ฝึกงาน
 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2560 ที่ห้องประชุมจี๊ด เศรษฐบุตร
คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์ท่าพระจันทร์ สมาคมนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี
2560 สมัยที่ 21 และงานเสวนาเรื่อง ‘นักกฎหมายไทย 4.0 โดยมี ผศ.ดร.สมหมาย
จันทร์เรือง คณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.สยาม นายธนารักษ์ เนาวรัตน์
ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำสำนักประธานศาลฎีกา นายสัตยะพล สัจจเดชะ
อาจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นผู้ร่วมเสวนา มี รศ.ศิริศักดิ์
ศุภมนตรี เป็นผู้ดำเนินรายการ


นายสมัคร เชาวภานันท์ นายกสมาคมนิติศาสตร์
ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ต่อไปคนเรียนนิติศาสตร์ อาจตกงานกันเยอะ
โดยเฉพาะตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมาย เพราะอนาคตดิจิตอลจะเข้ามามีบทบาทด้านกฎหมาย
ในอินเทอร์เน็ตจะบันทึกรายละเอียดแต่ละคดีไว้ ต่อไปเวลาลูกความมีปัญหาอะไร
จะไม่มาปรึกษาที่ปรึกษากฎหมาย แต่เสิร์ชดูในอินเทอร์เน็ตเลยว่า มีปัญหาอย่างนี้ รู้คำตอบทันทีว่ามีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ดีวิธีพิจารณาในศาลต้องใช้ทนายอยู่
ปัจจุบันศาลแพ่งใต้นำระบบดิจิตอลมาใช้ในการยื่นคำฟ้อง และแจ้งผลหมายเข้ามาช่วยแล้ว
ทนายไม่ต้องไปที่ศาลอีกต่อไป อยู่สำนักงานก็สามารถส่งข้อมูลไปได้
ตรงนี้สำคัญต้องเรียนรู้โดยเฉพาะทนาย หรือที่ปรึกษากฎหมาย


ผศ.ดร.สมหมาย คณบดีนิติศาสตร์ ม.สยาม กล่าวว่า
เรื่องนี้สำคัญเพราะนักกฎหมายไทยยุค
4.0 นอกเหนือจากเรื่องกฎหมายแล้ว
ต้องรู้เรื่องเทคโนโลยี และเรื่องภาษาต่างประเทศ พร้อมกับต้องคิดปรับปรุงอะไรใหม่
ๆ ให้ทันเหตุการณ์ นอกจากนี้สถาบันการศึกษา
ต้องรับทราบว่าเทรนด์ปัจจุบันตอนนี้ไปทางไหน จำเป็นต้องปรับเรื่องหลักสูตร อาจารย์
เพื่อผลิตบัณฑิตให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน ขณะนี้ประเทศไทยมีสถาบันการศึกษาทั้งหมด
74
แห่งที่เปิดสอนวิชาเกี่ยวกับนิติศาสตร์ ถ้าไม่ปรับตัวอาจเกิดปัญหาทางการแข่งขัน
เท่าที่ทราบตอนนี้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ม.ธรรมศาสตร์ ปรับตัวไปพอสมควรแล้ว

ผศ.ดร.สมหมาย กล่าวอีกว่า
การปรับตัวของสถาบันการศึกษา และวิชานิติศาสตร์ คือ การคิดนอกกรอบ
นำหลักสูตรไปใช้ในเชิงธุรกิจ หรือด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น แต่คำถามจากผู้ปกครองนิสิตนักศึกษาปัจจุบันคือ
ถ้าเรียนวิชานี้แล้วจะได้เป็นอัยการ ได้เป็นผู้พิพากษาหรือไม่
ตรงนี้อาจารย์ต้องมีความกล้าหาญบอกว่า การเรียนนิติศาสตร์ไม่ได้มีทางเลือกแค่นี้
แต่มีหลักสูตรใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมด้วย เช่น
ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีอากร นักกฏหมายเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
หรือที่ปรึกษากฎหมายก็ได้ ถ้าสถาบันการศึกษาไทยปรับตัวเรื่องนี้ได้
นักกฎหมายไทยยุค
4.0 พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้แน่นอน

นอกจากจะปรับตัวให้เป็นไปตามยุค 4.0 แล้ว เรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพของนักกฎหมายยังจำเป็นต้องมีอยู่ด้วย
และจะทำอย่างไรให้สถาบันการศึกษาสร้างนิสิตนักศึกษาให้มีคุณธรรมอย่างแท้จริง
เพราะถ้าขาดสิ่งนี้ไป เป็นภัยต่อสังคมมาก ๆ” ผศ.ดร.สมหมาย กล่าว

นายธนารักษ์ ผู้พิพากษา กล่าวว่า
นักกฎหมายกับนักไอทีเหมือนอยู่กันคนละโลก แต่ในเมื่อเป็นยุค
4.0 ที่เทคโนโลยีจะมาแทนทุกสิ่ง จึงเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ตนทราบข้อมูลว่าไทยถูกจัดอันดับการลงทุนโดยธนาคารโลก
มีข้อหนึ่งที่ใช้เป็นหลักเกณฑ์คือ
ศาลได้นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่คู่ความในการเข้าถึงความยุติธรรมหรือไม่
ซึ่งตรงนี้ไทยได้ศูนย์คะแนนมาหลายปีมาก เพราะการพิจารณาคดีของศาล และทางธุรการ
แทบไม่ได้นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาช่วยในการทำงาน
และการพัฒนาระบบดิจิตอลก็ต่างคนต่างทำ และระเบียบปฏิบัติของศาลไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ
ค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร จึงเป็นโจทย์ยากในการนำเทคโนโลยีมาใช้

นายธนารักษ์ กล่าวอีกว่า
ภายหลังตนได้เป็นผู้พิพากษา และเป็นหนึ่งในคณะทำงานของนายวีระพล ตั้งสุวรรณ
ประธานศาลฎีกาคนปัจจุบัน ได้นำเทคโนโลยีของศาลต่างประเทศที่เคยไปเรียนรู้มาปรับใช้ภายในไทย
เพื่อให้ศาลไทยเป็น
e-Court เหมือนต่างประเทศได้หรือไม่
เบื้องต้นขณะนี้ไทยมีระบบยื่นฟ้อง ประทับรับฟ้อง การยืนยันตัวตน
และการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แล้ว และกำลังรวบรวมฐานข้อมูล (
Big Data) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าค้นข้อมูลคดี หรือดำเนินกระบวนการฟ้องได้ง่ายมากยิ่งขึ้นด้วย
เบื้องต้นศาลยุติธรรมนำร่องระบบนี้อย่างเป็นทางการแล้ว
2 ศาล
ได้แก่ ศาลแพ่งธนบุรี และศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และเตรียมขยายผลไปยังศาลยุติธรรมต่าง ๆ
ทั่วประเทศ

สาเหตุที่นำร่องที่ 2 ศาลแพ่งดังกล่าวก่อน
เนื่องจากคดีเกี่ยวกับธนาคาร ต้องการสร้างความเชื่อมั่นว่า
ขนาดธนาคารที่ต้องใช้เอกสารสำคัญทางคดี ยังกล้าดำเนินการผ่านทางระบบ
e-Court
นั่นแสดงถึงความเชื่อมั่นว่า
ระบบนี้ปลอดภัยและไม่มีข้อมูลสำคัญหลุดออกไปภายนอกแน่นอน” นายธนารักษ์ กล่าว

นายธนารักษ์ กล่าวว่า ระบบ e-Court จะเป็นระบบที่มองผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายศาล และฝ่ายคู่ความ
โดยเฉพาะฝ่ายคู่ความ หรือทนายความจะได้ประโยชน์ของระบบนี้มาก
ทั้งนี้ในการกำกับดูแล
e-Court จะมีสำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (
DE) เข้ามาช่วยดูว่า
ระบบตรงไหนติดขัดอะไร ตรงไหนควรปรับปรุงอะไร
และดำเนินการให้สอดคล้องกับระเบียบหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อออกเป็นข้อกำหนดของศาลภายหลังได้

นายธนารักษ์ กล่าวด้วยว่า
ปัจจุบันกฎหมายไทยได้ปรับปรุงให้ศาลสามารถสืบพยาน
หรือไต่สวนทางอิเล็กทรอนิกส์ได้แล้ว
โดยเฉพาะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและพาณิชย์
ที่เปิดให้มีการสืบพยานทางระบบดิจิตอลได้
และจัดทำสารบบคำพิพากษาสำนวนเป็นอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการยื่นฟ้อง
และการจัดเก็บสำนวนสามารถทำได้ในระบบนี้ทั้งหมด โดยศาลต้องออกเป็นข้อกำหนด
 

ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำสำนักประธานศาลฎีกา
กล่าวว่า สำหรับโร้ดแม็พของศาลยุติธรรมที่วางไว้
ต่อไปคือจะเพิ่มระบบอิเล็กทรอนิกส์ในห้องพิจารณาคดี โดยมีระบบ
Big Data เข้าไปช่วย เช่น ผู้พิพากษาไม่ต้องขนสำนวนมาเป็นแฟ้ม แต่ถือมาแค่แฟรชไดรฟ์
หรือแล็ปท็อปมาเครื่องเดียวจบ หรือการบันทึกการพิจารณาคดี
จากเดิมใช้กล้องตั้งไว้เฉย ๆ เวลาจะดูซ้ำต้องกรอไปมา
แต่คราวนี้จะบันทึกแบบแยกระบบภาพ และเสียง มีการบันทึกแบบหลายมิติ
หากอยากจะดูข้อมูลตรงพยานปากนี้ สามารถกดเข้าไปได้เลย ไม่ต้องกรอไปมาเหมือนเดิม
เป็นต้น นอกจากนี้ยังจะเพิ่มห้องพิจารณาคดีแบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ด้วย
ใช้วิธีสืบพยานทางไกลผ่านจอภาพ ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด
รวมถึงระบบการบริหารจัดการคดีที่จะเป็นไฟล์ดิจิตอลทั้งหมด สำหรับความคืบหน้าของระบบใหม่นี้
อยู่ระหว่างเขียนขอบเขตร่างของงาน (
TOR) และหาผู้รับจ้างมาดำเนินการ

คนใดเป็นเจ้าของข้อมูล คนนั้นเป็นผู้ครองโลก
ศาลมีข้อมูลเยอะ แต่ไม่เคยเอาข้อมูลมารวมกันเป็น
Big Data แต่ตอนนี้กำลังดำเนินการระบบนี้อยู่
ประธานศาลฎีกาคนปัจจุบันเคยส่งคนไปดูงานที่เมืองจีน เพราะตอนแรกจีนล้าหลังมาก
แต่ตอนหลังเขาทำ
Big Data ได้เข้มแข็งมาก
ดังนั้นของไทยต่อไปจะบูรณาการเชื่อมโยงระบบข้อมูลทั้งหมดไว้ด้วยกัน” นายธนารักษ์
กล่าว

นายสัตยะพล อาจารย์นิติฯ มธ.กล่าวว่า
ปัจจุบันโลกหมุนเร็วมาก ยุคทนายความที่ใส่ครุยเก่า ๆ มีความเก๋า มันไม่ใช่อีกต่อไป
แต่ตอนนี้เป็นนยุค
4.0 นักกฎหมายถูกกำหนดด้วยเทคโนโลยี
ศาลยุติธรรมมีการใช้ระบบ
e-Court หรือระบบ e-Filling แล้ว อย่างไรก็ดีต้องถามกลับไปยังศาลว่า พร้อมกับระบบนี้จริงหรือไม่
เพราะสิ่งที่ต้องระวังคือ
Cyber Security ศาลจะทำอย่างไรที่จะเก็บรักษาข้อมูลต่าง
ๆ เหล่านี้ไว้อย่างเป็นความลับ และไม่สุ่มเสี่ยงถูกแฮ็กข้อมูล
ดังนั้นการเตรียมความพร้อมของนักกฎหมาย
4.0 ต้องระวังเรื่องนี้เป็นหลักก่อน
นอกจากนี้นักกฎหมายต้องทำความเข้าใจ ศึกษาข้อกฎหมายเกี่ยวกับเทคโนโลยี
และระบบดิจิตอลให้มากขึ้น
เชื่อว่าในอนาคตจะมีกรณีผู้เสียหายที่เกิดจากการแฮ็กข้อมูลเพิ่มขึ้น
ถ้านักกฎหมายศึกษาและมีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้แบบลึก และช่วยเยียวยา หาตัวผู้กระทำผิดให้กับผู้เสียหายได้
คงไม่ตกงาน
 

นายสัตยะพล กล่าวอีกว่า
นักกฎหมายต้องปรับตัวนอกเหนือจากความรู้พื้นฐานแล้ว
ต้องพัฒนาไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้วย นั่นคือเทรนด์ในโลกอนาคต หมดยุคนักกฎหมาย
หรือที่ปรึกษากฎหมายแบบธรรมดาแล้ว ที่ปรึกษากฏหมายหลังจากนี้จะต้องลึกซึ้ง
ไม่ใช่ให้ความเห็นแบบทั่วไป ต้องเป็นเหมือนผู้เข้ามากำหนด
หรือช่วยคิดแผนงานด้านกฎหมายด้วย ต้องลึกมากกว่าการสืบค้นที่มีในอินเทอร์เน็ต
ต้องเรียนรู้นอกเหนือตำรากฎหมาย ต้องเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจ
การเมือง และตอบโจทย์ลูกความให้ดีที่สุด
ต่อไปจะทำงานประเภทตั้งสำนักงานนั่งให้คำปรึกษาอยู่ออฟฟิศ
หรือไปลุยงานระหว่างประเทศได้
เพราะเทรนด์ปัจจุบันนิสิตนักศึกษาเริ่มสนใจอยากเป็นที่ปรึกษากฎหมายมากขึ้น
นอกเหนือจากการเป็นผู้พิพากษา หรืออัยการ
 

นายสัตยะพล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้สถาบันต่าง ๆ
ที่สอนหลักสูตรนิติศาสตร์ ควรเพิ่มวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาหลัก
เพราะสำคัญมากกับโลกในปัจจุบัน และอนาคต
รวมถึงต้องสัมมนาหลักสูตรตัวเองเพื่อรองรับระบบดิจิตอลด้วย จะใช้ระบบเก่า ๆ
หรือวิชาเดิม ๆ ไม่ได้แล้ว ที่สำคัญควรผลักวิชาสำคัญ ๆ
ที่จำเป็นกับการใช้ในวิชาชีพมาเป็นวิชาหลัก
และให้วิชาที่ไม่ได้ประเทืองสติอะไรมากนักเป็นวิชาเลือกแทน
ขณะเดียวกันควรให้ความสำคัญกับการฝึกงานของนิสิตนักศึกษา
โดยให้นิสิตนักศึกษาไปฝึกงานตามสำนักงาน หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพมากขึ้น
โดยพัฒนามาเป็นวิชาที่มีหน่วยกิต ปัจจุบัน ม.ธรรมศาสตร์ เริ่มทำแบบนี้แล้ว
ปีการศึกษาหน้านักศึกษาปี
4 ต้องไปฝึกงาน
นับเป็นสิ่งที่ดีในการรองรับนิสิตนักศึกษาเพื่อให้เห็นกระบวนการทำงานของวงการกฏหมาย
รวมถึงควรส่งเสริมให้พบกับศิษย์เก่า หรือคนที่อยู่ในวิชาชีพ เพื่อมาเล่าประสบการณ์ความรู้ความเข้าใจของงาน
เปิดกว้างความคิดว่า ไม่ใช่มีแต่อาชีพผู้พิพากษา หรืออัยการเพียงอย่างเดียว
.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]