สปท.เห็นชอบแผนปฏิรูประบบงบประมาณกิจการตำรวจ

รัฐสภา 18 ก.ค.- สปท.เห็นชอบแผนปฏิรูประบบงบประมาณกิจการตำรวจเพื่อยกระดับความปลอดภัยของประชาชน ที่เสนอเพิ่มเงินประจำตำแหน่งตามจำนวนชั่วโมงการทำงาน และปรับเงินประจำตำแหน่งพนักงานสอบสวน ใช้ระบบตามผลการปฏิบัติงาน


 การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มี ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.เป็นประธานการประชุม พิจารณารายงานการปฏิรูปของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เรื่องการปฏิรูประบบงบประมาณกิจการตำรวจเพื่อยกระดับความปลอดภัยของประชาชน

พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองประธานกรรมาธิการฯ ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการปฏิรูปกิจการตำรวจ ชี้แจงว่า รัฐบาลปัจจุบันมองเห็นปัญหาเรื่องการขาดแคลนงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรีเห็นว่า การปฏิรูปตำรวจ ต้องเน้นการดูแลตำรวจและให้ตำรวจภาคภูมิใจว่าทำหน้าที่เพื่อประชาชน ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ พบว่า ปัญหาการขาดแคลนงบประมาณที่เกิดขึ้นมานาน ส่วนหนึ่งเกิดจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะผู้บริหารในพื้นที่มักไม่สนใจเรื่องการแสวงหาแหล่งงบประมาณที่ถูกต้อง 


รองประธานกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาจึงได้รับงบประมาณที่ไม่เพียงพอ ดังนั้น จึงต้องปฏิรูประบบการจัดทำคำขอตั้งงบประมาณของตำรวจใหม่ โดยให้มีการวิเคราะห์เหตุผลความจำเป็น ความต้องการใหม่หมดทุกรายการ (Zero Base) ให้ สตช.วิเคราะห์และจัดทำต้นทุนหน่วยปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติงานทุกหน่วยในสังกัดขึ้นใหม่ทั้งหมดอย่างละเอียดถูกต้องตามคู่มือการจัดทำต้นทุนหน่วยปฏิบัติงานของสำนักงบประมาณ ซึ่งจะต้องประกอบด้วย กรอบอัตรากำลังพล กรอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน กรอบการจัดหาครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง เป็นต้น 

พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ต้องวิเคราะห์ทบทวนยุทธวิธีตำรวจ ระบบงานและการจัดกำลังใหม่ทั้งหมด เนื่องจากยุทธวิธีตำรวจและการจัดกำลังของสถานีตำรวจเดิมได้จัดทำขึ้นตั้งแต่ปี 2533 แต่ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป เช่น สายตรวจตำบลเดิมกำหนดให้ 2 ตำบลเป็น 1 เขตตรวจ ใน 1 เขตตรวจจัดกำลังตำรวจรับผิดชอบ 4 นาย การจัดเช่นนี้ จะยังสามารถปฏิบัติงานได้หรือไม่ เพราะปัจจุบันค่าเฉลี่ยจำนวนประชากรในเขตตรวจตำบลจะอยู่ที่ 13,780 คน กำลังตำรวจ 4 คนจะสามารถดูแลได้หรือไม่ หรือ กรณีเขตตรวจชุมชนที่กำหนดให้ประชาชน 4,000 คน เป็น 1 เขตตรวจจะยังเหมาะสมอยู่หรือไม่ หากในตึกสูงมีประชาชนอยู่อาศัยครบ 4,000 คนแล้ว จะแบ่งเขตตรวจอย่างไร 

รองประธาน กมธ. กล่าวว่า ทุกหน่วยงานใน สตช.ควรวิเคราะห์ทบทวนยุทธวิธีตำรวจ ระบบงานและการจัดกำลังใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้ ต้องวิเคราะห์ทบทวนกำหนดจำนวนกำลังพลที่ถูกต้องเหมาะสม กำหนดเกณฑ์การวิเคราะห์ใหม่ให้เหมาะสมกับลักษณะงาน เช่น การวิเคราะห์ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์สายตรวจ เพราะงานสายตรวจ ต้องเคลื่อนตัวเข้าถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นอุปกรณ์สำคัญ 


“แต่เกณฑ์ทั่วไปสำนักงบประมาณ จัดสรรให้คันละ 50,500 บาทต่อปี คิดเป็นเดือนละ 4,208 บาทหรือวันละ 140 บาท รถยนต์สายตรวจ 1 คัน ทำงานวันละ 3 ผลัด ผลัดละ 8 ชั่วโมง ดังนั้น ใน 1 ผลัด 8 ชั่วโมง มีงบประมาณค่าน้ำมัน 47 บาท หรือคิดเป็นน้ำมันได้ 1.5 ลิตร สำหรับการตรวจ 8 ชั่วโมง เช่นเดียวกับรถจักรยานยนต์ เกณฑ์ทั่วไปสำนักงบประมาณจัดสรรให้คันละ 4,000 บาทต่อปี หรือคิดเป็นเดือนละ 333 บาท วันละ 11 บาทสำหรับการทำงาน 8 ชั่วโมง ซึ่งหากใช้เกณฑ์ทั่วไปจัดสรรน้ำมันเชื้อเพลิง จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าว

พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า  ดังนั้น ควรศึกษาเพื่อกำหนดเกณฑ์การวิเคราะห์ความต้องการอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ทุกประเภทและเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเรื่องต่าง ๆ ทุกรายการใหม่ เช่น ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์สายตรวจ ควรใช้ระยะทางที่สายตรวจแต่ละเขตจะต้องเคลื่อนตัวในรอบ 1 ปีมาคำนวณเป็นความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิง

รองประธาน กมธ. กล่าวว่า นอกจากนี้ เสนอให้จัดสรรเงินงบประมาณค่าตอบแทนการสอบสวนคดีอาญาให้ครบถ้วนตามจำนวนคดีที่เกิดขึ้นจริง โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณค่าตอบแทนการสอบสวนคดีอาญาในแต่ละปีให้เต็มจำนวนที่พนักงานสอบสวนขอเบิกจ่ายในแต่ละปีโดยไม่ให้มียอดค้างชำระไปในปีงบประมาณถัดไป สำหรับในส่วนของยอดเบิกจ่ายที่ยังค้างชำระในแต่ละปี ให้สำนักงบประมาณจัดงบประมาณเพื่อชำระคืนให้กับพนักงานสอบสวนให้เต็มจำนวนที่ยังคงค้างชำระ 

พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า อัตราค่าใช้จ่ายในแต่ละคดีที่กำหนดในระเบียบกระทรวงการคลังไม่เหมาะสมกับค่าครองชีพในปัจจุบัน ดังนั้น กระทรวงการคลังและ สตช.ควรร่วมพิจารณาปรับอัตราค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับปัจจุบัน รวมทั้งพิจารณากำหนดประเภทและอัตราค่าใช้จ่ายของคดีที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ให้สามารถเบิกจ่ายได้เพิ่มเติมจากระเบียบเดิมให้เหมาะสมกับความเป็นจริง

รองประธาน กมธ. กล่าวว่า เสนอให้ปรับค่าตอบแทนให้ข้าราชการตำรวจ โดยเงินเดือนให้ยึดตามมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และให้เพิ่มเงินประจำตำแหน่งสำหรับความเหนื่อยของแต่ละตำแหน่งตามจำนวนชั่วโมงการทำงานที่เพิ่มขึ้นเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานเวลาการทำงานของข้าราชการพลเรือนสามัญ เพิ่มเงินประจำตำแหน่งสำหรับตำแหน่งที่มีความเสี่ยงภัย เนื่องจากตำรวจมีความเสี่ยงมากกว่าข้าราชการพลเรือนสามัญ 13.56-22.57 เท่า และต่างประเทศมีการจ่ายเงินค่าตอบแทนของข้าราชการตำรวจเปรียบเทียบกับข้าราชการพลเรือนสามัญเฉลี่ย 1.28-1.74 เท่า ดังนั้น จึงควรใช้เกณฑ์นี้กับตำรวจไทย

พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ควรปรับเงินประจำตำแหน่งพนักงานสอบสวนในสังกัด สตช.ให้เท่าเทียมกับพนักงานสอบสวนในหน่วยงานอื่น ๆ อย่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อดำรงตนได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถไปหารายได้อื่น ทั้งนี้ เสนอให้ใช้ระบบการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงานแก่ตำแหน่งพนักงานสอบสวน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสร้างแรงจูงใจในการทำงาน แก้ปัญหาพนักงานสอบสวนหนีงาน ปฏิเสธไม่รับคดีและปัญหาความเหลื่อมล้ำได้

ขณะที่สมาชิก สปท.ส่วนใหญ่สนับสนุนแผนปฏิรูปดังกล่าว และเสนอว่า นอกจากดูแลตำรวจแล้ว ต้องดูแลครอบครัวของตำรวจให้ครบทุกด้านตั้งแต่ที่พักและโรงเรียน รวมทั้งเสนอให้คณะกรรมาธิการฯ ส่งรายงานดังกล่าวไปยังคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจด้วย จากนั้น ที่ประชุมมีมติเห็นชอบรายงานดังกล่าวด้วยคะแนน 129 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 16 เสียง เพื่อนำส่งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป.-สำนักข่าวไทย                    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]