ที่ประชุม EEC เห็นชอบแนวทางการพัฒนาท่าเรือน้ำลึก 3 แห่ง

ทำเนียบฯ 6 ก.ค.-ที่ประชุม EEC เห็นชอบแนวทางการพัฒนาท่าเรือน้ำลึก แหลมฉบัง สัตหีบ และมาบตาพุด โดยมีรถไฟทางคู่เข้าเชื่อมโยง พร้อมทั้งระบบบริการการขนส่งสินค้าแบบไร้รอยต่อ ยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจระดับโลก


นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการ EEC ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกหลัก 3 แห่ง ได้แก่ แหลมฉบัง สัตหีบ และมาบตาพุด โดยมีรถไฟทางคู่เข้าเชื่อมโยง พร้อมทั้งระบบบริการการขนส่งสินค้าแบบไร้รอยต่อ เป็นโครงการหลักที่จะยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจระดับโลก          

นายคณิศ กล่าวว่า โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 จะมีระบบจัดการแบบอัตโนมัติที่ทันสมัย สามารถรองรับการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 7 ล้านตู้ต่อปีในปัจจุบัน เป็น 18 ล้านตู้ต่อปี และขนส่งรถยนต์ได้เพิ่มจาก 1 ล้านคันต่อปี เป็น 3 ล้านคันต่อปี ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก โครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ซึ่งจะเปิดให้เอกชนร่วมทุนได้ในปี 2561 คาดว่าโครงการฯ จะแล้วเสร็จอย่างช้าในปี 2568          


นายคณิศ กล่าวอีกว่า ส่วนการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 จะช่วยขยายการนำเข้าวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นสูง และ Boi-economy, รองรับการขนถ่าย LNG เพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านตันต่อปี เป็น 62 ล้านตันต่อปี โครงการนี้อยู่ภายใต้การดูแลของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งจะเปิดให้เอกชนลงทุนในปี 2561 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2567 ขณะที่การพัฒนาท่าเรือพาณิชย์สัตหีบอยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือ จะมีการพัฒนาท่าเรือเฟอร์รี่ เพื่อรองรับการเชื่อมอ่าวไทย (สัตหีบ-กรุงเทพ-หัวหิน) ซึ่งจะเร่งรัดการออกแบบและก่อสร้างอาคารท่าเรือเฟอร์รี่ให้แล้วเสร็จภายในปี 2561 ส่วนท่าเรือสำราญกำลังอยู่ในระหว่างศึกษาเตรียมการ          

นายคณิศ กล่าวอีกว่า สำหรับรถไฟทางคู่เข้าเชื่อมโยง 3 ท่าเรือ และมีระบบบริการการขนส่งสินค้าแบบไร้รอยต่อนั้น จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาระบบการขนส่งของประเทศให้สามารถเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางรางมาถึงท่าเรือ จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 30 ลดระยะเวลาในการขนส่งเฉลี่ยจากเดิม 24 ชั่วโมง ลงเหลือประมาณ 8 ชั่วโมง ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศลดลงจากร้อยละ 14 ของ GDP ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 12 หรือประหยัดลงประมาณ 250,000 ล้านบาทต่อปี โดยจะมีการลงทุน ประมาณ 68,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงและสร้างทางคู่ รวมทั้งศูนย์กระจายและรวบรวมสินค้า ซึ่งสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรรับไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2561 รวมทั้งการพิจารณาจัดตั้งศูนย์กระจายและรวบรวมสินค้าตามความเหมาะสมระหว่างเสร้นทางรถไฟจากจังหวัดหนองคายถึงท่าเรือแหลมฉบัง          

นายคณิศ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการการร่วมลงทุนกับเอกชน หรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำขึ้น เพื่อให้การลงทุนสำคัญ ๆ ใน EEC เกิดความคล่องตัว โดยยังคงรักษากระบวนการและมาตรฐานความโปร่งใส การเปิดเผยข้อมูล ตรวจสอบ การร่วมลงทุนกับภาคเอกชนโดยทั่วไปตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ ปี 2556 และจะสามารถลดระยะเวลาการอนุมัติโครงการ โดยในแต่ละขั้นตอนจะดำเนินการร่วมกันและคู่ขนานกันไป ทำให้ลดระยะเวลาเหลือ 8-10 เดือน จากกรณีปกติใช้เวลา 40 เดือน          


“ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบหลักเกณฑ์การการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ EEC โดยเน้นการใช้ประโยชน์ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ.และเอกชนที่เหลืออยู่ประมาณ 12,000 ไร่ และที่รอขอจัดตั้งเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมอยู่แล้วอีก 20,000 ไร่ และให้ประกาศเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในพื้นที่ 1,466 ไร่ บริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ของ กนอ. และให้สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) ประสานกับนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีพื้นที่เหลืออยู่ เพื่อกำหนดให้เป็นเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายในการประชุมครั้งต่อไป เพื่อให้สามารถระบุพื้นที่ให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุนได้ทันที” นายคณิศ กล่าว          

นายคณิศ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมฯ เห็นชอบให้ประกาศเขตส่งเสริมนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation:EECi) และเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Dagital Park Thailand:EECd) โดย EECi อยุ่ภายใต้การดูแลของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นฐานเชื่อมโยงและถ่ายทอดวิจัยและนวัตกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งอยู่บริเวณวังจันทร์วัลเล่ย์ จังหวัดระยอง ในพื้นที่ 3,000 ไร่ และบริเวณอุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในพื้นที่ 120 ไร่ ส่วน EECd อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะทำหน้าที่เป็นแหล่งทุนในอุตสาหกรรมด้านดิจิทัลขนาดใหญ่และพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลให้สามารถรองรับอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงตามนโยบายรัฐบาล ตั้งอยู่ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในพื้นที่ 709 ไร่          

นายคณิศ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ รับทราบผลการทำความเข้าใจในพื้นที่ EEC ซึ่งประชาชนให้การสนับสนุนและร่วมกันแก้ไขข้อกังวล เพราะเห็นโอกาสที่จะได้รับการพัฒนา ทำให้อนาคตดีขึ้น โครงสร้างพื้นฐานดีขึ้น โอกาสในการประกอบอาชีพดีขึ้น โดยขอให้ภาครัฐช่วยแก้ปัญหาที่มีอยู่เดิม เช่น ความพอเพียงของน้ำ ระบบขนส่งสาธารณะ รวมทั้งเร่งการฝึกอบรมเยาวชนให้ทันการพัฒนา EEC

“นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมอีก 3 เรื่อง คือ 1.ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ EEC ให้มีการปรับการเกษตรให้สอดคล้องกับการพัฒนาของ EEC 2.ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำแผนการจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อทำให้พื้นที่ EEC ได้รับความมั่นใจเรื่องสิ่งแวดล้อม และ 3.ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินการโครงการถไฟทางคู่เชื่อมโยงจาก EEC ต่อไปยัง ทวาย-ย่างกุ้ง-ติลาวา เชื่อมโยงไปจนถึงอินเดีย ทั้งนี้ในข้อสั่งการเรื่องที่ 1 และ 2 ให้ สกรศ.ดำเนินการรวบรวมเสนอที่ประชุมฯ ต่อไป” นายคณิศ กล่าว

นายคณิศ  คาดว่า มูลค่าลงทุนในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานในโครงการ EEC ประมาณ 7 แสนล้านบาท และคาดว่าจะสามารถเปิดประมูลโครงการต่าง ๆ ได้ภายในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า และมูลค่าการลงทุนจากบริษัทที่จะเข้ามาลงทุนใน EEC คาดว่าประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยจะเน้นบริษัทขนาดใหญ่ เช่น อาลีบาบา โบอิ้ง แอร์บัส ทั้งนี้เชื่อว่าหากสามารถดึงนักลงทุนเข้ามาได้จะส่งผลดีต่อการหมุนเวียนเศรษฐกิจในประเทศได้มากขึ้น พร้อมกันนี้ตั้งเป้าดึงบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนภายในปีนี้ให้ได้ 30 แห่ง และหลังจากที่ประชุมฯ ได้อนุมัติโครงการขนาดใหญ่แล้ว จะส่งผลดีต่อการเจรจากับนักลงทุนได้ง่ายขึ้น โดย สกรศ.มีแผนจะเดินทางไปโรดโชว์ที่จีนและยุโรป เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]