ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

มวลชนเขมรบุกรื้อลวดหนาม ป่วนบ้านหนองหญ้าแก้ว

17 ก.ย.- เจรจาไม่เป็นผล! มวลชนกัมพูชาบุกรื้อลวดหนาม ป่วนบ้านหนองหญ้าแก้ว เจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตา-กระสุนยาง เพื่อควบคุมสถานการณ์ เมื่อเวลา 15.53 น. กองกำลังบูรพาได้รับแจ้งจากตำรวจควบคุมฝูงชนจังหวัดสระแก้ว ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณรั้วลวดหนาม หมู่บ้านหนองหญ้าแก้ว ว่า มีประชาชนชาวกัมพูชาจำนวน 200 คน พร้อมไม้ยาวประมาณ 3 เมตร เป็นอาวุธประจำกายเข้ามารื้อทำลายลวดหนามที่ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้วางเอาไว้ ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนชาวกัมพูชาว่าอย่าทำลายรั้วลวดหนาม แต่ก็ยังไม่เป็นผล ใช้เวลาเจรจาประมาณ 30 นาที ไม่เป็นผล เวลา 16.20 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมฝูงชนจากเบาไปหาหนัก โดยการใช้แก๊สน้ำตายิงเตือนชาวกัมพูชาที่กำลังทำลายรั้วลวดหนาม แต่ทางฝ่ายกัมพูชาก็ยังไม่ละความพยายามยังคงรื้อทำลายรั้วลวดหนาม ทางเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนจำเป็นต้องใช้กระสุนยาง ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีชาวกัมพูชาบางส่วนได้ล่าถอยออกไปเพราะถูกแก๊สน้ำตา ด้านแหล่งข่าวจากหน่วยความมั่นคง ให้ข้อมูลว่าหลังจากที่คณะผู้สังเกตการณ์ หรือ IOT ที่ทางกัมพูชาพามาลงพื้นที่ ได้เดินทางกลับแล้ว ทางฝ่ายไทยได้ให้เจ้าหน้าที่ทหารไปจัดทำรั้วลวดหนามให้เหมือนเดิม เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง แต่ทางกัมพูชาก็มีการขนคนมาสร้างความปั่นป่วน และทำร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งในส่วนนี้ได้ให้ตำรวจไทย เฝ้าระวังป้องกันและดำเนินการ เบื้องต้นมีการใช้แก๊สน้ำตา และขณะนี้ยังควบคุมสถานการณ์ได้ -สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงย้ำชัด “บ้านหนองหญ้าแก้ว” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย

16 ก.ย.- กองทัพบกชี้แจงเหตุชาวกัมพูชารื้อลวดหนามบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยืนยันอยู่ในเขตอธิปไตยไทยชัดเจน และการกระทำของกัมพูชาถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 เวลา 14.30 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังบูรพา กรณีเกิดเหตุการณ์ชาวบ้านกัมพูชาได้แสดงความไม่พอใจ และรื้อลวดหนามบางส่วน บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยแจ้งว่าทหารไทยกำลังล้อมลวดหนามเพิ่มเติมจากแนวเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่าทหารกัมพูชาอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุด้วย ภายหลังเกิดเหตุ กองกำลังบูรพาจึงได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบ พร้อมประสานไปยังหน่วยทหารกัมพูชาที่ควบคุมพื้นที่ ให้เข้าชี้แจงชาวกัมพูชาให้หยุดการกระทำดังกล่าว จนสถานการณ์คลี่คลายเข้าสู่สภาวะปกติ ต่อกรณีดังกล่าว พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงว่า ข้อเท็จจริงคือบริเวณแนวลวดหนามป้องกันตนเองดังกล่าวนั้น อยู่ในพื้นที่อธิปไตยไทยอย่างชัดเจน แม้ว่าปัจจุบันเหตุการณ์คลี่คลายและกลับสู่ภาวะปกติแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มองว่าเข้าข่ายการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิง ที่ฝ่ายกัมพูชามีการกระทำที่แสดงออกถึงการยั่วยุฝ่ายไทย โดยการใช้ประชาชนมาแสดงออก โดยที่ฝ่ายทหารกัมพูชาเพิกเฉย ไม่ได้พยายามที่จะดำเนินการห้ามปรามใดๆ อีกทั้งมีความพยายามสร้างกระแสบิดเบือนข้อมูล ว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ ทั้งที่จริงแล้วเป็นพื้นที่ในเขตอธิปไตยไทยชัดเจน ซึ่งฝ่ายไทยจะได้รวบรวมหลักฐานประท้วงผ่านกลไกสากลต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงการกระทำที่ขัดต่อข้อตกลงที่มีระหว่างกันของฝ่ายกัมพูชาต่อไป -สำนักข่าวไทย

ทภ.1 แจงผลประชุม RBC ไม่มีข้อตกลงรื้อลวดหนาม

23 ส.ค.- กองทัพภาค 1 แจงข้อเท็จเรื่องการรื้อเครื่องกีดขวาง-รั้วลวดหนาม เป็นเพียงคำกล่าวอ้างฝ่ายเดียวของกัมพูชา ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง RBC ตามที่ปรากฏเอกสาร ข่าวประชาสัมพันธ์ เรื่อง ผลสำเร็จการเจรจาระหว่างกัมพูชาและไทย จากการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ วันที่ 22 สิงหาคม 2568 จังหวัดสระแก้ว ราชอาณาจักรไทย ของภูมิภาคทหารที่ 5 ประเทศกัมพูชา ฉบับภาษาอังกฤษ ที่ปรากฏข้อความบางส่วนในประเด็นเรื่อง “ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหารือถึงมาตรการปฏิบัติเพื่อจัดการกับลวดหนาม ยางรถยนต์ และสิ่งกีดขวางอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบ บรรเทาความยากลำบาก อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย และลดผลกระทบต่อการดำรงชีพโดยเร็วที่สุด” กองทัพภาคที่ 1 ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ข้อความดังกล่าวเป็นเพียงคำกล่าวฝ่ายเดียว ที่ไม่ได้เป็นข้อหารือในการจัดทำบันทึกเอกสารข้อตกลงของคณะกรรมการฯ และคณะเลขานุการฯ ทั้งสองฝ่าย แต่ปรากฏอยู่ในคำกล่าวของ รอง ผบ.ทบ./ผบ.ภท.5/ประธานร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ฝ่ายกัมพูชา โดยในช่วงการกล่าวเปิด มีประเด็นสำคัญเรื่อง “การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน ในพื้นที่ MOU ปี 2543 ควรดำเนินการให้ […]

รัฐบาลยันไม่รื้อลวดหนามชายแดนไทย-กัมพูชา มีแต่ทำเพิ่ม

ทำเนียบ 18 ส.ค.- รัฐบาลยืนยันไม่มีการรื้อลวดหนามชายแดนไทย-กัมพูชา มีแต่ทำเพิ่มในเขตอธิปไตยของไทย ย้ำข่าวจะรื้อเป็นข่าวปลอม หวังปั่นกระแสสร้างความแตกแยก ขอไม่แชร์หรือเผยแพร่ต่อ ขณะที่เวทีประชุมชายแดน RBC กัมพูชาขอเลื่อนไปเป็น 27 สิงหาคมนี้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวที่อ้างว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จะให้มีการรื้อลวดหนามตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา หลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) นั้น เป็นข่าวปลอม ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด ไม่มีความคิดจะรื้อ มีแต่ทยอยวางเพิ่มในเขตอธิปไตยของไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวถูกปล่อยโดยบางเพจที่จงใจปั่นกระแส เพื่อเรียกยอดไลก์และยอดผู้ติดตาม ผ่านการบิดเบือนและสร้างเรื่องราวเท็จ อ้างว่ารัฐบาลจะเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ สมช.และมีการเสนอยกเลิกรั้วลวดหนามบริเวณชายแดนทั้งหมด ซึ่งไม่เป็นความจริง เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนยังคงยึดตามข้อตกลงหยุดยิงหลังเที่ยงคืน 28 กรกฎาคม คือ “อยู่ตรงไหน ให้อยู่ตรงนั้น” และไทยยังคงต้องรักษา อธิปไตยของไทย การล้อมรั้วลวดหนามจึงเป็นมาตรการที่จำเป็นต่อการยืนยันสิทธิ์ในเขตแดน พร้อมย้ำว่ารัฐบาลไทยจะไม่หวั่นไหวต่อการปลุกปั่นหรือการกดดันจากฝ่ายใด และขอยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลจะไม่มีการรื้อรั้วลวดหนามในทุกเขตแดนที่วางไว้ตลอด 7 จังหวัดมีแต่ทำเพิ่ม นายจิรายุ […]

เขมรเกณฑ์ชาวบ้านบีบน้ำตากดดันทหารไทยรื้อลวดหนามจุดผ่านแดน

สระแก้ว 15 ส.ค. – กัมพูชาเกณฑ์ชาวบ้านบีบน้ำตากดดันให้ทหารไทยรื้อยางรถยนต์และลวดหนามหีบเพลง บริเวณจุดผ่านแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว บ่ายวานนี้ (14 ส.ค.) บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเจ้าทหารไทยใช้ลวดหนามหีบเพลงและยางรถยนต์ปิดกั้นเส้นทางปยังฝั่งกัมพูชา ต่อมาทหารกัมพูชาเกณฑ์ชาวบ้านเขมรมาเป็นโล่กำบังและกดดันทหารไทยให้รื้อยางรถยนต์และรั้วลวดหนามหีบเพลงออก จุดเส้นทางระหว่างไทย-กัมพูชา ผ่านไปยังบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แต่ทหารไม่ยอม พร้อมยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนอธิปไตยของประเทศไทย สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านเขมร จนเกือบเกิดความวุ่นวาย ทหารเขมรยังพยายามเอาคลิป 2 ชาวกัมพูชา ยกมือไหว้ร่ำไห้ขอความเห็นใจให้ทหารชาติอาเซียนดู ขณะสำรวจพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่จุดผ่อนปรนตาพระยา-บึงตะกวน จนมาถึงพื้นที่ อ.โคกสูง และบริเวณบ้านหนองจาน ชายแดน จ.สระแก้ว ที่เดิมทางการไทยเคยเปิดให้ค้าขายกันได้ชั่วคราวก่อนหน้านี้ โดยกัมพูชาระบุว่า ถูกทหารไทยกั้นรั้ว รุกรานที่ทำกิน มรดกเขมร ซึ่งมีเสียงบ่นของคนไทยในพื้นที่ว่าปล่อยปละจนชาวเขมรเหล่านี้เข้ามาหากินเคยตัว คิดว่าเป็นดินแดนตนเอง ทั้งนี้ การเดินทางลงพื้นที่ของคณะผู้ตรวจการณ์ชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยผู้แทน 7 ประเทศ เพื่อดูปัญหาที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าชาวบ้านเขมรเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะทหารไทยปิดกั้นทางข้ามหมู่บ้านและพยายามรุกลํ้าดินแดนกัมพูชา คณะผู้ตรวจการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ประกอบด้วยผู้แทน […]

ย้ำดำเนินคดี”โตโต้” บุกรื้อลวดหนาม ตามกฎหมาย

กรุงเทพฯ  8 ธ.ค.- รองผบช.น. ย้ำดำเนินคดี “โตโต้”  หัวหน้าการ์ดอาสาพร้อมพวก 30 คน  บุกรื้อรั้วลวดหนามแยกอุรุพงษ์  ตามกฎหมาย  เผยหารือ กทม.กำหนดจุดเป็นสถานที่พักของชั่วคราว  ไม่กระทบชาวบ้าน    หลังจากที่วานนี้ กลุ่มการ์ดวีโว่ ที่มีนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ หัวหน้าการ์ดอาสา ไปที่แยกอุรุพงษ์ เพื่อเก็บรั้วลวดหนามและสิ่งกีดกั้นถนน ซึ่งถูกวางกองทิ้งไว้บริเวณทางเท้าและเกาะกลางถนนช่วงใต้ทางขึ้นทางด่วนยมราช ซึ่งต่อมาถูกตำรวจ สน.พญาไท ควบคุมตัวไปดำเนินคดี และเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ เกิดการกระทบกระทั่งกันทำให้ทั้งตำรวจและกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ มีทรัพย์สินได้รับความเสียหาย พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่า จุดที่เก็บรั้วลวดหนามดังกล่าว ตำรวจนครบาลได้หารือกับกรุงเทพมหานครไว้ก่อนหน้านี้ กำหนดใช้เป็นสถานที่พักของชั่วคราว หากจำเป็นต้องใช้ในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมในพื้นที่ต่างๆ โดยได้พิจารณาแล้วว่าจุดที่มีการจัดเก็บนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของชาวบ้านในละแวกนั้นแน่นอน ส่วนการที่กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปพยายามรื้อค้นทรัพย์สินดังกล่าว เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีหน้าที่ หรือได้รับมอบหมายให้เข้าไปรื้อสิ่งของซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการ การกระทำที่เกิดขึ้นจึงเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย จำเป็นต้องพิจารณาดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริง ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมบริเวณหน้า สน.พญาไท        เมื่อวานนี้ เบื้องต้นพบมีรถตู้ตำรวจได้รับความเสียหาย 3 คัน ส่วนความ เสียหายอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการสำรวจ ซึ่งหลังจากนี้จะพิจารณาดำเนินคดีในข้อหาอื่น ทั้งจากการ์ดกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัว 30 […]

...