“ไบเดน”-“ทรัมป์” ประเดิมโต้วาทีด้วยคำถามด้านเศรษฐกิจ

แอตแลนตา 28 มิ.ย.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประเดิมการโต้วาทีเพื่อแสดงวิสัยทัศน์หรือดีเบตนัดแรกสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 5 พฤศจิกายนนี้ ด้วยคำถามด้านเศรษฐกิจ การโต้วาทีเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 21.00 น.วันพฤหัสบดีตามเวลาตะวันออกสหรัฐ ตรงกับเวลา 08.00 น.วันนี้ตามเวลาในไทย โดยมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น (CNN) ซึ่งเป็นเจ้าภาพการดีเบตในห้องส่งที่ไม่มีผู้ชม ไบเดน วัย 81 ปี เดินไปยืนที่แท่นพูดด้านขวาของเวที จากนั้นทรัมป์ วัย 78 ปี เดินไปยืนที่แท่นพูดด้านซ้ายของเวที โดยที่ทั้งคู่ไม่มีการจับมือกัน เจค แท็ปเปอร์ ผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น (CNN) เริ่มคำถามแรกด้วยการถามว่า ไบเดนจะตอบคำถามเรื่องคนมีชีวิตยากลำบากในสมัยไบเดนมากกว่าสมัยทรัมป์อย่างไร ไบเดนกล่าวยอมรับว่า ภาวะเงินเฟ้อทำให้ราคาข้าวของแพงขึ้นมากจากช่วงที่เขาเริ่มดำรงตำแหน่งในปี 2564 แต่เขาสมควรได้รับคำชมเรื่องที่สามารถทำให้ทุกอย่างกลับมาดังเดิมหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่า เขาได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศก่อนเกิดโควิด และได้ดำเนินมาตรการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจดิ่งเหวหลังเกิดการระบาด การดีเบตจะดำเนินไปเป็นเวลา 90 นาที ถือเป็นการดีเบตที่จัดขึ้นล่วงหน้ามากที่สุดในประวัติศาสตร์การดีเบตสมัยใหม่ของสหรัฐ เพราะจัดขึ้นล่วงหน้านานกว่า 4 เดือนก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน.-814.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐชื่นชมนโยบายรัฐบาลไทย ดึงดูดการค้า-ลงทุน

“โฆษกรัฐบาล” เผย สหรัฐให้ความสำคัญไทยในฐานะประเทศที่มีบทบาทต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของสหรัฐ พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และนโยบายของรัฐบาลในการดึงดูดการค้าและการลงทุน

โคราชร่วมหนุน Soft Power 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์

“รัดเกล้า” เผย โคราชร่วมผลักดัน Soft Power 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ชูอัตลักษณ์ท้องถิ่น สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ พร้อมจัดโชว์มวยโคราชในการประชุม ครม. สัญจร 1-2 ก.ค. นี้

“อนุทิน” มั่นใจคดีทักษิณไม่กระทบการเมือง

“อนุทิน” ยันรัฐบาลมีเสถียรภาพ มั่นใจเรื่องคดีทักษิณไม่กระทบการเมือง ส่วนผลกระทบความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเปรียบเหมือนคนกลัวผีที่ไม่มีอยู่จริง มองคนตีตนไปก่อนไข้ เทขายหุ้นเจ็บเอง

ธนาคารโลกหั่นคาดการณ์จีดีพีเมียนมาลงครึ่งหนึ่ง

วอชิงตัน 12 มิ.ย.- ธนาคารโลกปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเมียนมาในปีงบประมาณ 2567/2568 ลงครึ่งหนึ่งจากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 1 เนื่องจากความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น การขาดแคลนแรงงาน และสกุลเงินอ่อนค่า ทำให้การทำธุรกิจประสบปัญหา ธนาคารโลกคาดการณ์ในเดือนธันวาคม 2566 ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพี (GDP) ของเมียนมาจะขยายตัวราวร้อยละ 2 ในปีงบประมาณ 2567/2568 แต่ได้ปรับลดลงเหลือร้อยละ 1 ในการคาดการณ์ล่าสุด เหตุผลหลักคือ อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงอยู่ และข้อจำกัดในการเข้าถึงแรงงาน การแลกเปลี่ยนเงินตรา และกระแสไฟฟ้า สิ่งเหล่านี้มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากกว่าที่เคยคาดไว้ รายงานของธนาคารโลกระบุว่า การประกาศบังคับเกณฑ์ทหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ยิ่งทำให้คนอพยพหนีไปยังชนบทและต่างประเทศ มีรายงานเพิ่มขึ้นว่า บางอุตสาหกรรมประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน ขณะเดียวกันการที่รัฐบาลเมียนมาเสียการควบคุมพื้นที่ชายแดนทางบกกับจีนและไทย ได้ทำให้การนำเข้าและส่งออกทางชายแดนลดลงร้อยละ 50 และ 44 ตามลำดับ ขณะที่การนำเข้าและส่งออกทั้งหมดของเมียนมาในช่วง 6 เดือนจนถึงเดือนมีนาคม 2567 ลดลงร้อยละ 20 และ 13 ตามลำดับ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน.-814.-สำนักข่าวไทย

ฟื้น ครม.เศรษฐกิจ วิกฤติหรือเปล่า?

“รศ.ดร.ธนวรรธน์” วิเคราะห์มุมมองเศรษฐกิจ หลังนายกฯ นัดประชุม ครม.เศรษฐกิจ ครั้งแรกของรัฐบาล สะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงวิกฤตหรือไม่

นายกฯ เผยประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรกจันทร์นี้

นายกฯ เผยจันทร์นี้ เตรียมประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรก เร่งดัน GDP ห่วงเศรษฐกิจถดถอย บอกทำงานเหนื่อย แต่ไม่เป็นไรทำเพื่ออนาคตลูกหลาน

คาดเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+3 ขยายตัวร้อยละ 4.5 ในปี 67

กรุงเทพฯ 10 พ.ค.-เวทีประชุม ผู้ว่าฯ ADB คาดเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+3 ขยายตัวร้อยละ 4.5 ในปี 67 ใช้เงินกองทุนกองทุน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มุ่งช่วยเหลือประเทศสมาชิก ห่วงราคาสินค้า ค่าขนส่งพุ่ง ค่าเงินทั่วโลกผันผวน นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงว่า นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในฐานะผู้ว่าการสำรองชั่วคราวของไทยในธนาคารพัฒนาเอเชีย เข้าร่วมการประชุม ผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB ครั้งที่ 57 ช่วงต้นสัปดาห์นี้ ณ กรุงทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+3 จะขยายตัวร้อยละ 4.5 ในปี 2567 และร้อยละ 4.2 ในปี 2568 ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการลงทุนและการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+3 จะเติบโตเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของเศรษฐกิจโลก และมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกถึงร้อยละ 45 ในปี 2567 – 2573 สำหรับปัจจัยเสี่ยงในระยะสั้น […]

1 8 9 10 11 12 76
...